Van Cleef & Arpels เป็นแบรนด์จิวเวลรีเก่าแก่จากประเทศฝรั่งเศสที่เต็มไปด้วยเรื่องราวน่าสนใจและฝีมือการรังสรรค์ระดับชั้นครูที่ใช้เวลาสั่งสมมานานกว่า 117 ปี และด้วยความพิเศษนี้ทำให้ผลงานทุกชิ้นของแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็นผลงานจิวเวลรีชั้นสูง นาฬิกาดีไซน์ซับซ้อน หรือแม้แต่ผลงานไฟน์จิวเวลรีขนาดเล็กที่หลายคนใฝ่ฝันนั้นเต็มไปด้วยดีเทลเล็กน้อยที่ทำให้ดีไซน์ความเรียบง่ายเต็มไปด้วยประกายแห่งความสง่างาม ล่าสุดแวน คลีฟ แอนด์ อาร์เปลส์ได้ปล่อยผลงานใหม่จากคอลเล็กชั่น Fleurette จิวเวลรีโมทีฟดอกไม้ที่นำทองคำสีโรสโกลด์มาเป็นตัวเรือนเข้ากับเพชรสีขาวน้ำงามเป็นครั้งแรก โดยเป็นการต่อยอดจากการชุบชีวิตโมทีฟดอกไม้เป็นครั้งแรกเมื่อปีก่อนด้วยตัวเรือนทองคำสีไวต์โกลด์หลังจากที่ปรากฏในหน้าประวัติศาสตร์เมื่อเกือบร้อยปีก่อน โว้กประเทศไทยพาย้อนเปิดประวัติของจิวเวลรีคอลเล็กชั่นนี้ที่กำลังจะกลับมาเป็นที่นิยมกับเทรนด์ 'Quite Luxury' และจิวเวลรีแบบมินิมัลในช่วงปีหน้า

จิวเวลรีคอลเล็กชั่น Fleurett รุ่นตัวเรือนทองคำสีโรสโกลด์ประดับเพชรจาก Van Cleef & Arpels

หลายคนอาจจะคิดว่าการนำเพชรมาวางต่อกันเป็นโมทีฟดอกไม้นั้นเป็นเรื่องง่าย ทว่าที่จริงแล้วการนำวัสดุที่มีความแข็งแรงอย่างทองคำและเพชรมาเจียระไนให้แลดูนุ่มนวลด้วยการเล่นแสงประกายแบบเอฟเฟกต์กระจกต้องอาศัยฝีมือการทำจิวเวลรีของช่างระดับครู และการนำเพชรสีขาวทรงกลม 7 เม็ดมาฝังต่อกันเป็นรูปดอกไม้สไตล์เรขาคณิตนั้นแอบแฝงไปด้วยดีเทลสุดประณีตอย่างเทคนิคการฝังเพชรด้วยหนามเตยหรือ 'Prong' รูปทรงตัววีขนาดจิ๋วที่จะช่วยทำให้แสงบนพื้นผิวทองคำสะท้อนผ่านเพชรน้ำใสที่ผ่านการคัดสรรมาอย่างละเอียด ทำให้ผู้สวมจิวเวลรีรุ่น Fleurette แลดูเสมือนมีสปอตไลต์น้ำหนักเบาที่เป็นเพชรส่องแสงทองอร่ามอ่อนๆ จากตัวเรือนสีโรสโกลด์เปล่งประกายให้ผิวพรรณอยู่ตลอดเวลา ซึ่งแวน คลีฟ แอนด์ อาร์เปลส์ได้นำโมทีฟนี้มาสร้างสรรค์เป็นจี้สร้อยคอ 1 โมทีฟและ 5 โมทีฟ รวมถึงแหวน และตุ้มหู เหมาะกับสาวกจิวเวลรีทุกรูปแบบ

 

 

เบื้องหลังการรังสรรค์ผลงานจิวเวลรีโมทีฟดอกไม้คอลเล็กชั่น Fleurette รุ่นทองคำสีโรสโกลด์จาก Van Cleef & Arpels

ซึ่งโมทีฟดอกไม้เรียบง่ายที่เต็มไปด้วยเสน่ห์อันคาดไม่ถึงนี้มีต้นกำเนิดในช่วงปี 1928 เมื่อแวน คลีฟ แอนด์ อาร์เปลส์ถูกมอบหมายให้ออกแบบและรังสรรค์กล่องเครื่องสำอางของชาวสังคมชั้นสูงโดยถูกตั้งชื่อว่า 'Millefiori Vanity Case' และด้วยความยอดนิยมของงานศิลปะสไตล์อาร์ตโคเด กล่องเครื่องสำอางแสนเลอค่าจึงประดับด้วยทองคำ หยก และงานอีนาเมลในรูปทรงเรขาคณิต ทว่าแบรนด์ยังคงมอบความเฟมินีนแสนอ่อนโยนได้ด้วยโมทีฟดอกไม้แบบสมมาตร จนในปี 1985 โมทีฟดอกไม้ถูกหยิบมาประดับเป็นโมทีฟสำหรับสร้อยคอจิวเวลรีชั้นสูงรูปทรงปกคอทั่วตัวเรือน ซึ่งได้รับความนิยมและขึ้นแท่นเป็นหนึ่งในผลงานระดับไอคอนจนถึงปัจจุบัน แถมยังถูกนำมาต่อยอดเป็นไฟน์จิวเวลรีให้แฟนๆ เครื่องประดับได้สวมใส่กันในชีวิตประจำวัน

(ซ้าย) Millefiori Vanity Case กล่องเครื่องสำอางที่ประดับด้วยทองคำ หยก เพชร และงานอีนาเมล (ขวา) สร้อยคอจิวเวลรีชั้นสูงดีไซน์ปกคอประดับโมทีฟดอกไม้จาก Van Cleef & Arpels