'Stellar Times' คอลเล็กชั่นจิวเวลรีชั้นสูงจาก Louis Vuitton ที่พาคุณไปไกลกว่าโลก!
คอลเล็กชั่นจิวเวลรีชั้นสูงลำดับที่ 2 ของ Louis Vuitton โดยฝีมือของ Francesca Amfitheatrof ที่ควรจับตามอง
ในปี 2008 หรือเมื่อ 12 ปีก่อนหน้านี้ Louis Vuitton ยังได้เผยแพร่คอลเล็กชั่นจิวเวลรีชั้นสูงครั้งแรกโดยฝีมือของ Francesca Amfitheatrof ผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์ของหลุยส์ วิตตอง อีกทั้งเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา LVMH ยังเพิ่งได้ดีลซื้อเพชร Sewelo เพชรที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่ 2 ของโลก ต่อจากบริษัทเหมืองเพชรในแคนาดาอย่าง Lucara Diamond Corporation มาไว้ในครอบครอง ก่อนที่ในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา LVMH ยังได้ปิดดีลเพชร Sethunya เพชรดิบที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 7 ของโลก ขนาด 549 กะรัต มาไว้ในครอบครองได้อีกหนึ่งเม็ด ตอกย้ำเส้นทางการก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านจิวเวลรีในจักรวาลแฟชั่นให้ชัดเจนยิ่งกว่าที่เคย
จากหีบเก็บของในตำนาน (Trunk) สู่คอลเล็กชั่นจิวเวลรีชั้นสูงนามว่า “Stellar Times” นับเป็นอีกหนึ่งก้าวกระโดดสำคัญ ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากธีมอันเหนือความคาดหมายทั้ง 7 ที่หลุยส์ วิตตอง ต้องการพาทุกคนมุ่งหน้าสู่ดินแดนอันแสนไกลของกาแลกซี่ เกิดเป็นจิวเวลรีหลากสีสัน ผ่านกรรมวิธีการสร้างสรรค์อย่างประณีตทำให้ยิ่งดูโดดเด่นร่วมสมัย สะท้อนให้เห็นถึงความปรารถนาสุดล้ำลึกที่สุดในสไตล์ของผู้หญิงแบบหลุยส์ วิตตอง โดยฟรานเซสกายังได้ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องราวเบื้องหลังของคอลเล็กชั่นนี้ไว้ว่า “ธีมดังกล่าวได้แรงบันดาลใจมาจากการเดินทางสู่อวกาศ นำมาถ่ายทอดสู่จิวเวลรีในคอลเล็กชั่นนี้ เพื่อสร้างนิยามความงามแห่งศิลปะให่กับจิวเวลรีอีกครั้งให้สวยงามดั่งดวงดาว ซึ่งแน่นอนว่าแรงบันดาลใจในการเดินทางผ่านอวกาศในครั้งนี้ก็มาจากความหลงใหลของฟรานเซสกา รวมไปถึงความรู้สึกฉงนสงสัยในความสวยงามของจักรวาลอีกด้วย ไม่เพียงเท่านั้น เพราะคอลเล็กชั่นนี้ยังต้องการสะท้อนถึงพลังของเพศหญิง ที่ปัจจุบันนี้นักอวกาศหญิงที่มีฝีมือเก่ง และประสบความสำเร็จแล้วหลายคน ซึ่งหลุยส์ วิตตอง ต้องการสะท้อนความก้าวล้ำอันมหัศจรรย์นี้ และจิตวิญญาณของการเป็นผู้บุกเบิกที่กล้าหาญในเรื่องของการเดินทาง และการผจญภัยตั้งแต่ต้น”
ไฮไลต์สำคัญอยู่ที่ชิ้นส่วนจิวเวลรีที่ถูกนำมาประกอบรวมกันกว่า 90 ชิ้น ร้อยเรื่องเป็นจักรวาลของ Stellar Times ที่มีทั้ง เพชร โอปอล์ ไพลิน ทับทิม มรกต นิล และทัวร์มาลีน อันงดงามอย่างไม่มีที่ติ หลุยส์ วิตตอง จึงได้รังสรรค์เซ็ตจิวเวลรีชั้นสูงขึ้นมาในสไตล์มินิมัลผสมผสานความหรูหรา เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของความสัมพันธ์ระหว่างโลกกับกาแล็กซี่ อันได้แก่ Lune bleue แรงบันดาลใจจากดวงจันทร์ส่องแสงแวววาวอาบลงบนมหาสมุทรโดยฝีมือของช่างฝีมือผู้เชี่ยวชาญที่ใช้เวลากว่า 900 ชั่วโมงในการรังสรรค์ลวดลายตารางของหลุยส์ วิตตอง บนโชกเกอร์ที่ถักทอรวมกันจนเป็นโครงตาข่ายอันซับซ้อนสะดุดตา
ต่อด้วย Apogée ที่ได้ถ่ายทอดภาพที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันผ่านการจับคู่อันน่ามหัศจรรย์ของอัญมณีสีเขียวคราม และสีน้ำเงินม่วง สร้อยคอทองคำขาวดีไซน์เส้นสายเรขาคณิต อีกทั้งทุกส่วนโค้งเว้ากลมเกลียวเผยให้เห็นถึงรูปทรงของตัวอักษร V อันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์, Planète Bleue ยิ่งทำให้คอลเล็คชั่นเพชรบริสุทธิ์ดูตระการตาด้วยแซฟไฟร์สีน้ำเงินจากมาดากัสการ์ พร้อมด้วยรายละเอียดไฮไลต์อย่างเพชรตัดเป็นรูปดอกไม้ลายโมโนแกรม (หนึ่งในรูปแบบการเจียระไนแบบ V Cut) และ Céleste ที่ได้แผ่แสงประกายผ่านพลังของสร้อยเรียงร้อยแบบอสมมาตรเป็นรูปตัว V ประดับมรกต เพชร และแซฟไฟร์สีน้ำเงิน 2 แถวสวยสะดุดตา
WATCH
ภาพแฟชั่นเซ็ตบางส่วนจากคอลเล็กชั่น "Stellar Times" (จากซ้ายไปขวา) Lune Bleue, Astre Rouge และ Soleils
Astre Rouge คือเซ็ตเครื่องประดับ 13 ชิ้น ที่ถูกรังสรรค์ขึ้นเพื่อสดุดีพลังแห่งดาวอังคาร อันเป็นสัญลักษณ์ของชัยชนะอันกว้างใหญ่ เส้นทางของแสง ความแข็งแกร่ง และพลังงาน ที่มีจุดโฟกัสโดดเด่นอยู่ที่จิวเวลรีตรงกลางอันน่าอัศจรรย์, Interstellaire ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากดาวเคราะห์ที่โคจรรอบดวงอาทิตย์ อัญมณีสีสันสวยงามกว่า 153 ชิ้นถูกร้อยเรียงขึ้นเป็นสร้อยคอ เทาน้ำเงิน สีชมพู สีม่วง และสีนู้ด รวมทั้งสิ้น 193.44 กะรัต และปิดท้ายด้วย Soleils ที่มีความหมายตรงตัวว่า ดวงอาทิตย์ ใจกลางของระบบสุริยะจักรวาล สะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งอันน่าเหลือเชื่อและความงามอันน่าประหลาดใจ พร้อมยังยืนยันถึงความชำนาญทางเทคนิคของหลุยส์ วิตตอง ซึ่งสามารถทำให้ชิ้นจิวเวลรี่ที่มีน้ำหนัก แต่กลับให้ความรู้สึกเบา และอ่อนช้อยราวกับผ้าพันคอไหม
ที่ตอนนี้ทั้งหมดถูกนำมาจัดแสดงแล้วที่กรุงเทพมหานครเป็นครั้งแรก จนถึงวันที่ 17 ธันวาคม 2020 ที่จะถึงนี้...
ข้อมูล : Courtesy of brand, Louis Vuitton
ภาพ : Courtesy of brand, Louis Vuitton
WATCH