WATCHES & JEWELLERY
เผยมนต์เสน่ห์อันน่าหลงใหลและความงดงามไร้กาลเวลากว่า 110 ปีของจิวเวลรีสัญชาติไทย “CHAVANA”CHAVANA แบรนด์เครื่องประดับสัญชาติไทยที่สืบสานอัตลักษณ์ของยุคทองแห่งอัญมณี โดดเด่นเรื่องการรังสรรค์ผลงานอันมีเสน่ห์ ซึ่งแต่ละชิ้นไม่ได้คงไว้แค่เพียงความละเอียดของงานฝีมือชั้นสูง ทว่าเต็มไปด้วยความงามแห่งศิลปะ สะท้อนความหมายและคุณค่าอันลึกซึ้งที่เกินกว่ามูลค่าของวัตถุ |
ความงดงามของ CHAVANA มีคุณค่ามากกว่าการเป็นเครื่องประดับ แต่เป็นผลงานศิลปะที่เต็มไปด้วยความละเอียดของงานฝีมือชั้นสูงผนวกกับเทคนิคในการขึ้นตัวเรือนด้วยมือ ซึ่งมีมายาวนานกว่าหนึ่งศตวรรษและหาได้ยากในปัจจุบัน จิวเวลรี CHAVANA แต่ละชิ้นนั้นสะท้อนถึงความงามร่วมสมัยและ
ดั้งเดิม อีกทั้งยังแสดงออกถึงสุนทรียภาพของยุครุ่งเรืองที่เชื่อมโยงเข้ากับผู้หญิงในยุคปัจจุบันให้ออกมาในรูปแบบที่ทันสมัยยิ่งขึ้น ชูความเป็นตัวตนของผู้สวมใส่ได้อย่างสง่างาม
ย้อนกลับไปเมื่อปี 1914 จุดเริ่มต้นของ CHAVANA จิวเวลรีสัญชาติไทยมาจาก "เมี้ยนเต็ก" ร้านจิวเวลรีรุ่นบุกเบิกย่านชุมชนบ้านหม้อ ชื่อร้านมีความหมายว่า "คุณธรรมไม่ขาดสาย" แสดงถึงความรักของปู่ทวดที่มีต่อภรรยา และแม้ว่าเวลาผ่านไปนับ 110 ปี แบรนด์ยังคงอนุรักษ์เทคนิคการทำจิวเวลรีแบบโบราณดั้งเดิมไว้อย่างต่อเนื่อง พร้อมนำเรื่องราวจากศิลปะ วัฒนธรรม ผู้คน และประวัติศาสตร์ในมุมต่างๆ จากโลกในหลากยุคสมัยมาถ่ายทอดและตีความใหม่ที่คงไว้ซึ่งความประณีตละเอียดอ่อนในทุกมิติ ทำให้ธุรกิจครอบครัวยังคงสานต่อและพัฒนาอยู่ตลอดมา จากร้านเล็กๆ ในชุมชน สู่ธุรกิจส่งออกจิวเวลรีไฮเอนด์ จนกลายเป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับในระดับสากล อีกทั้งยังได้มีโอกาสร่วมงานกับแบรนด์ระดับโลกแนวหน้ามากมาย จากฝรั่งเศสถึงนิวยอร์ก พร้อมตอกย้ำความสำเร็จมีจิวเวลรีหลายชิ้นที่ได้เฉิดฉายบนพรมแดงอีกด้วย
ด้วยความมีอัตลักษณ์ที่โดดเด่น และชัดเจน ทำให้ CHAVANA เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในกลุ่มนักสะสมงานอาร์ต ทั้งในประเทศสิงคโปร์และฮ่องกง และสำหรับประเทศไทย ปัจจุบันแบรนด์ CHAVANA มีแฟล็กชิพสโตร์รอต้อนรับเหล่าสาวกอยู่ที่ Central Embassy
WATCH
สุนทรียศาสตร์ของ CHAVANA คือการกลั่นกรองผ่านกาลเวลา ดึงเอาจุดเด่นของวิวัฒนาการศิลปะที่ไม่เคยหยุดนิ่งในยุคก่อนมาผสมผสานกับเทคนิคการทำจิวเวลรีของฝรั่งเศส ซึ่งถือกำเนิดขึ้นในช่วงทศวรรษที่ 20 อันเป็นยุคทองของอัญมณีชั้นสูง โดยมีเทคนิคงานช่างที่โดดเด่นและสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นเทคนิค Beaded Edge การปั้นเม็ดบีดส์ขนาดเล็ก ที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางเล็กกว่า 0.25 มิลลิเมตรไล่เรียงตามขอบของตัวเรือนด้วยความแม่นยำ เพื่อลดแสงสะท้อนของขอบโลหะและเพิ่มรายละเอียดให้กับชิ้นงาน, เทคนิคการเจียระไนเหลี่ยม Buff-top ประดับชิ้นงานด้วยอัญมณีคุณภาพหลากหลายเฉดสีที่ผ่านการเจียระไนให้ได้รูปทรงพิเศษ อันเป็นการผนวกเทคนิคเจียระไนอัญมณีถึงสองสไตล์เข้าด้วยกัน โดยด้านบนมีรูปทรงหลังเบี้ยในขณะที่ฐานล่างเจียระไนเป็นกระโจมเพชร ให้ความรู้สึกแวววาวและสว่างสดใสด้วยสีสันอย่างไร้รอยต่อ, เทคนิค PetitPoint การเย็บปักถักร้อยแบบฝรั่งเศสที่ได้รับความนิยมในศตวรรษที่ 18 ใช้ในการทำงานผ้าที่มีความหรูหรา นำมาประยุกต์ใช้กับโลหะผ่านการเลื่อยแผ่นทองคำให้บางและเบาแลดูเหมือนเส้นไหมที่ถูกทอเป็นเส้นสายอย่างน่าอัศจรรย์ และเทคนิค Embroidered Gold การถักทอลวดลายอันสลับซับซ้อนลงบนโลหะ สร้างมิติที่หลากหลายด้วยการฉลุและตอกดุน เพิ่มความพลิ้วไหวของลวดลายที่เป็นธรรมชาติให้ยิ่งสง่างาม
ซึ่งแต่ละคอลเล็กชั่นได้เผยความเฟมินีนและขับเสน่ห์เฉพาะตัวอันเป็นซิกเนเจอร์ของแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็น คอลเล็กชั่น Ray of Light, Emotion, Enlace, Impressionist และ The Momentous ทั้งหมดนี้โดดเด่นด้วยดีไซน์อันสง่างาม สะท้อนถึงความโมเดิร์นที่สามารถแมตช์ได้หลายลุค
คอลเล็กชั่น Ray of Light
แรงบันดาลใจจากความเจิดจรัสของดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาวที่ส่องแสงระยิบระยับบนท้องฟ้า หยิบยกเรื่องราวของแหล่งกำเนิดเส้นแสง ปรากฏการณ์ต่างๆ ในระบบสุริยะ เสมือนการทอเส้นแสงของพระอาทิตย์ในช่วงเวลาต่างๆ สะท้อนถึงอารมณ์ความรู้สึกมาถ่ายทอดไว้ในลวดลายเส้นสายที่น่าหลงใหลในสไตล์ Art Deco เป็นชิ้นงานต่างๆ ในคอลเล็กชั่นนี้
คอลเล็กชั่น Emotion
จิวเวลรีรูปทรงรีตัวแทนแห่งอารมณ์ความรู้สึกของผู้ที่ครอบครอง มีเสน่ห์น่าค้นหาในตัวเองที่แตกต่างจากชิ้นอื่นๆ โดดเด่นด้วยลวดลายเส้นที่ละเอียดอ่อน รวมไปถึงเรื่องราวและสัญลักษณ์ที่เชื่อมโยงถึงความมีเสน่ห์และบุคลิกของแต่ละบุคคล นอกจากนี้ใจกลางของทรงจี้รูปไข่เว้นว่างไว้ เปรียบเสมือนพื้นที่พิเศษไว้สำหรับบรรจุสิ่งที่ทะนุถนอมอันเป็นที่รัก
คอลเล็กชั่น Enlace
คอลเล็กชั่นนี้แสดงให้เห็นถึงความอ่อนช้อย ทว่ายังคงความแข็งแกร่งและสื่อความหมายอย่างเปี่ยมล้น โดยใช้เทคนิคโบราณของงานเครื่องประดับชั้นสูง Petit-point และ Embroidered Gold จิวเวลรีมีความละเอียดและบางเบาทำให้ผู้สวมใส่รู้สึกราวกับว่าเครื่องประดับชิ้นนั้นได้ผ่านการถักทอด้วยผืนผ้า เส้นสายที่ตัดไปมาอย่างเป็นระเบียบก่อเกิดเป็นลวดลายดูคล้ายงานปักไหมของฝรั่งเศส สะท้อนความเชื่อที่ว่าความงามจรรโลงจิตใจมนุษย์ให้มีความสงบ อ่อนโยนได้อย่างน่าอัศจรรย์
คอลเล็กชั่น Impressionist
คอลเล็กชั่นที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากสวนดอกไม้นานาพรรณ ของ Claude Monet จิตรกรสัญชาติฝรั่งเศสอันเลื่องชื่อเต็มเปี่ยมด้วยจิตวิญญาณของอิมเพรสชันนิสม์ แต่งแต้มด้วยเฉดสีของพลอยอันน่าทึ่ง และใช้เทคนิคยุค Art Deco ที่เรียกว่า "Gemstone Mosaic" ในการฝังอัญมณีรูปทรงหลากหลายนี้ให้เรียงต่อกันโดยไม่มีช่องว่าง ชวนให้นึกถึงศิลปะโมเสกในมหาวิหาร สมัยไบแซนไทน์ เกิดเป็นผลงานที่มีคุณค่ามากกว่าการเป็นจิวเวลรี
และในปีนี้ CHAVANA เฉลิมฉลองครบรอบ 110 ปี โดยร่วมมือกับ ATT19 แกลเลอรีศิลปะมีชื่อเสียงย่านบางรัก จัดนิทรรศการ ‘Timeless Treasures: From the Far East; Influence of Oriental Aesthetics’ เพื่อถ่ายทอดความลึกซึ้ง และความงดงามของอารยธรรมตะวันออก ผ่านการจัดแสดงโบราณวัตถุอายุหลายศตวรรษ และผลงานจิวเวลรีชิ้นมาสเตอร์พีซของ CHAVANA
นิทรรศการแสดงความเชื่อมโยงระหว่างศิลปะโบราณและเครื่องประดับ สองโลกที่ผูกพันกันอย่างลึกซึ้ง ผ่านผลงานที่เกิดจากความครุ่นคิด งานฝีมือ และกาลเวลา สะท้อนอิทธิพลอันลึกซึ้งของวัฒนธรรมจากตะวันออกที่ยังทรงคุณค่าจวบจนถึงปัจจุบัน ซึ่งงานนี้จะจัดขึ้น ณ ATT19 เจริญกรุง 30 ตลอดเดือนสิงหาคมนี้
สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมของแบรนด์ CHAVANA ได้ที่ www.chavanajewelry.com หรือที่ Instagram: @chavana_official
WATCH