หลังจากเผยโฉมคอลเล็กชั่นจิวเวลรีชั้นสูง “Aeterna” อย่างยิ่งใหญ่ พร้อมเฉลิมฉลองครบรอบ 140 ปี แบรนด์ Bvlgari แคมเปญใหญ่ระดับโลกก็ถูกนำเสนอสอดประสานกันอย่างต่อเนื่อง นำโดยเหล่าแบรนด์แอมบาสเดอร์ระดับโลกทั้ง Anne Hathaway, Zendaya และ Liu Yifei ซึ่งนำเสนอผ่านคอนเซปต์แห่งวงเวียนแห่งการจุติใหม่และยกระดับที่สร้างแรงขับเคลื่อนอันทรงพลัง ถ่ายทอดมนต์เสน่ห์แห่งการเริ่มต้นใหม่และการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญในทุกๆ วัน สอดประสานด้วยความกล้าและความมั่นใจอันเป็นหัวใจสำคัญภายใต้ชื่อ “Eternally Reborn” หรือสามารถนิยามได้ว่าการเริ่มต้นเปลี่ยนแปลงอันเป็นนิรันดร์

     รากฐานความยิ่งใหญ่จากการก่อตั้งเมซงในปี 1884 ถูกสืบทอดมาโดยช่างอัญมณีชั้นสูงชาวโรมัน ได้สร้างสรรค์และวิวัฒนาการมาอย่างต่อเนื่องเพื่อยกระดับความงดงามอันไม่มีที่สิ้นสุด พร้อมหยิบยกแรงบันดาลใจจากผลงานอันเลอค่าสู่การเดินทางเปี่ยมด้วยความหมายของการยกระดับ และการเปรียบเปรยวิถีแห่งเมซงที่เผยสัญญะแห่งการจับไว้ซึ่งแสงรุ่งอรุณใหม่ในทุกวัน ผลงานมาสเตอร์พีซจึงปลดปล่อยพลังความเข้มแข็งและความมั่นใจในตนเองสู่การสร้างการเติบโตเฉพาะตัวของแต่ละบุคคลอย่างน่าสนใจ

     แคมเปญใหม่ล่าสุดนี้ถ่ายทอดรูปแบบของการตีความวิถีแห่งการเริ่มต้นใหม่อย่างสง่างามผ่านฝีมือผู้กำกับ Nathalie Canguihem และผ่านมุมมองการบันทึกภาพของ Zoey Grossman พร้อมทั้งเหล่าแบรนด์แอมบาสเดอร์ที่กล่าวถึงไปข้างต้น ถ่ายทอดมนต์เสน่ห์มิติอันหลากหลายอย่างไร้จุดสิ้นสุด มองผ่านประสบการณ์แห่งการรับรู้ได้ถึงตัวตน และการริเริ่มความสร้างสรรค์อย่างต่อเนื่องที่เกิดขึ้น ณ กรุงโรม ซึ่งในแคมเปญนี้เชื่อมโยงด้วยบทเพลง “Burning” อันทรงพลังโดย Yeah Yeah Yeahs สะท้อนผ่านกระจกอันเรียงรายบ่งบอกถึงตัวตนความยอดเยี่ยมที่ผ่านการวิวัฒนาการสู่ตัวตนอันเด่นชัดของพวกเธอ เปรียบดั่งอัญมณีทรงคุณค่าที่ผ่านการสะท้อนของอัญมณีที่ผ่านเส้นทางธรรมชาติสู่การเริ่มต้นใหม่ในรูปแบบที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเสมอมาโดยบุลการี

     โรมคือสัญลักษณ์แห่งความอมตะเหนือกาลเวลาที่นำเสนอผ่านรูปแบบการสร้างสรรค์ที่ผสมผสานระหว่างความดั้งเดิมและความร่วมสมัยที่เป็นนิรันดร์ เชื่อมโยงกับแก่นแท้ของบุลการี การเริ่มต้นใหม่และเปลี่ยนแปลงพัฒนาตนเองของเหล่าแบรนด์แอมบาเสดอร์ถูกเปรียบเปรยเหมือนการสร้างสรรค์งานหัตถศิลป์เชื่อมสัมพันธ์กับมิติความงดงามของอัญมณี เคล้ามนต์เสน่ห์แห่งกรุงโรม นำมาสู่ความหรูหราเหนือระดับและเปี่ยมด้วยความหมายที่ลึกซึ้ง พร้อมนำเสนอผลงานจากคอลเล็กชั่นเอเทอร์นาได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด ดั่งมาสเตอร์พีซของเมซงที่ถูกรังสรรค์และนิยามขึ้นว่าเป็นคอลเล็กชั่นจิวเวลรีชั้นสูงที่พิเศษที่สุดเท่าที่เมซงเคยรังสรรค์ขึ้น

     วิถีแห่งการตีความคือจุดเด่นที่ทำให้แคมเปญนี้คละคลุ้งไปด้วยความหมายที่สำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการเปรียบเปรยอัญมณีที่ถูกก่อร้างสร้างขึ้นใต้ผืนโลก และถูกขับเสน่ห์ออกมาอย่างโดดเด่นภายใต้มิติความสร้างสรรค์ของบุลการี ซึ่งเหมือนการกำเนิดใหม่ของการรังสรรค์จิวเวลรีชั้นสูงที่พัฒนาผ่านองค์ความรู้ที่พัฒนาจากรากฐานประเพณีและวัฒนธรรม และยังหมายถึงการหยิบยกรากฐานงานฝีมือระดับสูงของเมซงมาเชื่อมโยงจนสามารถรังสรรค์ผลงานจิวเวลรีชั้นสูงออกมาได้อย่างน่าทึ่ง พร้อมกับบอกเล่าเรื่องราว “Eternally Reborn Stories” กับการนำเสนอรูปแบบดิจิทัลที่เปิดตัวภายใต้แคมเปญใหม่ โดยสร้างพื้นที่ให้ผู้คนแลกเปลี่ยนประสบการณ์ของพวกเขาในทุกๆ วัน ซึ่งสะท้อนถึงการวิวัฒนาการอันเป็นตัวแทนของการถือกำเนิดใหม่และวิถีแห่งความสร้างสรรค์อันไม่รู้จบ เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับความปรารถนา ความต้องการ และห้วงอารมณ์ความรู้สึก นอกจากนี้ยังมีผลงานศิลปะแบบจัดวางที่รังสรรค์ขึ้นเฉพาะอย่าง “Vista Aeterna” โดย Sabine Marcelis กับการตีความภูมิทัศน์แห่งกรุงโรมด้วยมิติความร่วมสมัย ตั้งอยู่ใจกลางกรุงโรม ณ Piazza di Spagna ตั้งแต่วันที่ 19 พฤษภาคม ถึง 15 มิถุนายน งานศิลปะชิ้นดังกล่าวประกอบด้วยเสาฐานทราเวอร์ทีน 12 ต้น ตกแต่งด้วยกระจกสีสะท้อน และสร้างการเคลื่อนไหวหมุนวนต่อเนื่องตลอดทั้งวันตามรอยเส้นทางการสาดส่องของดวงอาทิตย์ สะท้อนภาพแสงและสีอันเปรียบเปรยถึงฟ้ารุ่งของกรุงโรม และภูมิทัศน์เบื้องล่างของผลงานที่ทั้งหมดสะท้อนรูปแบบการหมุนเวียนเปลี่ยนแปลงของกาลเวลา และการถือกำเนิดใหม่พร้อมความล้ำลึกด้านความหมาย รวมถึงสะท้อนความงดงามของสถาปัตยกรรมอันเรืองรองของเมืองอันเป็นนิจนิรันดร์แห่งนี้