Bulgari นำผลงานไฮจิวเวลรีมาสร้างสรรค์เป็นงานศิลปะ NFT พร้อมก้าวเข้าสู่โลกเมตาเวิร์ส
หลังจากได้นำงานศิลปะ NFT มาใส่ไว้บนหน้าปัด ‘Octo Finissimo Ultra Thin’ นาฬิกาเรือนบางที่สุดในโลก ครั้งนี้บูลการีได้พาผลงานไฮจิวเวลรีก้าวเข้าสู่โลกเสมือนจริงเป็นครั้งแรก
Bulgari แบรนด์จิวเวลรีชั้นสูงสัญชาติอิตาเลียน ไม่เคยหยุดนิ่งในการพัฒนาผลงานให้ก้าวล้ำทันโลกเทคโนโลยี ด้วยการนำผลงานไฮจิวเวลรีก้าวเข้าสู่โลกเมตาเวิร์สเป็นครั้งแรกผ่านงานศิลปะแบบ NFT (Non-Fungible Token) บนออราบล็อกเชน ด้วยคอลเล็กชั่น ‘Beyond Wonder’ กับการนำสร้อยคอเพชรประดับมรกตอย่าง ‘Emerald Glory’ และ ‘Magnifica Ruby Metamorphosis’ สร้อยคอทับทิม 10 กะรัต มาต่อเติมจินตนาการสุดล้ำออกมาเป็นงานศิลปะบนโลกดิจิทัลให้ได้ครอบครองคู่กับจิวเวลรีแต่ละชิ้น ด้วยฝีมือการออกแบบของครีเอทีฟไดเร็กเตอร์ของแบรนด์อย่าง Lucia Silverstri และ MIAT สถาบันศิลปะและเทคโนโลยีแห่งโลกเมตาเวิร์สที่ตั้งอยู่ ณ กรุงมิลาน ประเทศอิตาลี
ตัวอย่างของงานศิลปะ NFT สำหรับสร้อยคอไฮจิวเวลรี 'Emerald Glory' จากคอลเล็กชั่น Beyond Wonder
ภายในงานเปิดตัวคอลเล็กชั่นบียอน วันเดอร์ ณ กรุงปารีส ซึ่ง Jean-Christophe Babin ผู้บริหารสูงสุดของบูลการีได้กล่าวถึงผลงานไฮบริดครั้งนี้ว่า “การมอบผลงานในรูปแบบ NFT คือการมอบความรู้สึกอีกมิติหนึ่งให้กับไฮจิวเวลรีของบูลการี และยังเป็นงานศิลปะในรูปแบบที่สามารถนำผลงานมาประดับบนหน้าจอแบบดิจิทัลที่บ้านได้ มากกว่าแค่การสวมเป็นไฮจิวเวลรีแค่เพียงปีละไม่กี่ครั้ง”
WATCH
ตัวอย่างของงานศิลปะ NFT สำหรับสร้อยคอไฮจิวเวลรี 'Magnifica Ruby Metamorphosis' จากคอลเล็กชั่น Beyond Wonder
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่บูลการีก้าวเข้าสู่โลกของเมตาเวิร์สด้วยผลงานศิลปะในรูปแบบ NFT ก่อนหน้านี้นาฬิกาเรือนบางที่สุดในโลกอย่าง 'Octo Finissimo Ultra Thin' ได้มีการนำคิวอาร์โค้ดของผลงานศิลปะในรูปแบบ NFT มาประดับบนหน้าปัดนาฬิกาให้เป็นเอกสิทธิ์ของเจ้าของเพื่อจะได้ชื่นชมผ่านจอดิจิทัล ซึ่งมีเพียงจำนวน 10 เรือนและขายหมดภายในเวลาอันรวดเร็ว
เรื่อง : Vogue Business
ภาพ : Courtesy of Bulgari
WATCH