Bird On A Rock เข็มกลัดจิวเวลรีชั้นสูงที่เป็นผลงานไอคอนในโลกจิวเวลรีจาก Tiffany & Co. กับความสามารถในการยืนหนึ่งด้วยตัวเองโดยไม่ต้องพึ่งบารมีของเหล่าคนดังในการทำให้กลายเป็นตำนาน ไม่ว่าจะโผล่ไปอยู่ในงานประมูลใดสาวกจิวเวลรีก็ต้องศิโรราบยอมทุมเงินเพื่อให้ได้มาครอบครองหรือแม้แต่โอกาสได้ลองนำมาประทับกายสักครั้งในชีวิต เป็นฝีมือการออกแบบของดีไซเนอร์ชาวฝรั่งเศส Jean Schlumberger ที่นำความงามอันแปลกตาของเหล่าพรรณไม้และสรรพสัตว์ในภูมิประเทศเขตร้อนติดทะเลมาเป็นบ่อเกิดแห่งแรงบันดาลใจในการออกแบบผลงานระดับตำนานมากมาย รวมถึงผลงาน Bird On A Rock เข็มกลัดรูปทรงนกกระตั้วหงอนสีเหลืองที่เกาะอยู่บนอัญมณีเม็ดโตสุดตระการตา ที่ถูกนำมาสร้างสรรค์เพื่อเชิดชูคุณค่าของอัญมณีและหินสีหลายชนิดมาเป็นเวลานานกว่าครึ่งศตวรรษ โดยไม่จำเป็นต้องมีตัวเรือนซับซ้อนหรืออัญมณีอื่นใดมาช่วยเติมเต็ม

     ฌอง ชลัมเบร์เชร์เปิดตัวผลงานเข็มกลัดรูปนกให้อดีตประธานของทิฟฟานี่ แอนด์ โค 'Walter Hoving' และทีมได้ยลโฉมเป็นครั้งแรกเมื่อปี 1965 ที่สำนักงานใหญ่ของแบรนด์ ณ มหานครนิวยอร์ก หลังจากทุกคนได้ชำเลืองดูจิวเวลรี ก็ได้อมยิ้มและหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน ซึ่งวอลเตอร์เผยถึงความรู้สึกแรกนั้นว่า เข็มกลัดชิ้นนั้นสร้างความเพลิดเพลินใจให้กับทุกคนเป็นอย่างมาก ถึงแม้ปกติเขาจะไม่ชอบดีไซน์ที่แลดูขบขัน แต่ความความโก้ของเข็มกลัดชิ้นนั้นไม่ใช่เรื่องเล่น ในยุคนั้นเป็นช่วงเปลี่ยนผันจากความนิยมจิวเวลรีดีไซน์อลังการและตัวเรือนซับซ้อนมาเป็นจิวเวลรีที่สามารถนำมาสวมได้ทุกวัน ด้วยดีไซน์เรียบง่ายแฝงไว้ด้วยอารมณ์ขัน ทว่ายังสามารถนำอัญมณีเลอค่าชิ้นหายากมาเชิดชูได้อย่างมีชั้นเชิง และยังเหมาะกับการสวมในทุกโอกาส

เหล่าเข็มกลัด Bird on a Rock ประดับด้วยอัญมณีหลายชนิดจาก Tiffany & Co.

     หนึ่งเหตุการณ์เกี่ยวกับผลงานเบิร์ด ออน อะ ร็อกที่ถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ของอุตสาหกรรมจิวเวลรีคงเป็นการที่ทิฟฟานี่ แอนด์ โค นำอัญมณีระดับตำนานที่เป็นหนึ่งในเพชรสีเหลืองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก น้ำหนักถึง 128.54 กะรัตอย่าง Tiffany Diamond มาประดับบนตัวเรือนดีไซน์เบิร์ด ออน อะ ร็อก สำหรับงานนิทรรศการจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ Musée des Arts Décoratifs ณ กรุงปารีส เพื่อให้ชาวโลกได้สัมผัสถึงความงดงามของเพชรสีเหลืองที่หาดูได้ยากผ่านความซุกซนของตัวเรือนรูปทรงนก

     เบิร์ด ออน เดอะ ร็อกเคยสร้างเหตุการณ์ที่ถูกจารึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ คือการถูกนำมาประดับเป็นตัวเรือนให้กับอัญมณีระดับตำนาน Tiffany Diamond หนึ่งในเพชรสีเหลืองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก กับน้ำหนักถึง 128.54 กะรัต เพื่อนำมาจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ Musée des Arts Décoratifs ณ กรุงปารีส ซึ่งจนถึงปัจจุบันมีเพียงผู้หญิงแค่ 4 คน (และตัวเรือนนกกระตั้ว) ที่มีโอกาสได้สวมเพชรสีเหลืองเม็ดนี้ ถือเป็นการสถาปนาความไอคอนิกของผลงานดีไซน์นี้ได้เป็นอย่างดี และอีกหนึ่งหินสีที่กลายเป็นตำนานจากการอยู่บนตัวเรือนนกกระตั้วคือหินลาพิสลาซูลิเม็ดโต เป็นหนึ่งในเบิร์ด ออน อะ ร็อกลำดับแรกๆ ที่ฌอง ชลัมเบร์เชร์ สร้างสรรค์ไว้ ซึ่งนักการกุศล Rachel Bunny Lambert ซื้อไปเป็นสมบัติทันทีหลังจากถูกปล่อยออกมาเพียงไม่นาน เป็นหนึ่งหินสีเลอค่าบนตัวเรือนนกกระตั้วที่หาดูได้ยากมาก หลังจากที่เรเชลเสียชีวิตไปจิวเวลรีชิ้นนี้ได้ถูกส่งต่อให้กับพิพิธภัณฑ์ Virginia Museum of Fine Arts ในประเทศสหรัฐฯ และนำมาจัดแสดงร่วมกับผลงานจิวเวลรีกว่า 140 ชิ้นของเธอ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นผลงานการออกแบบของฌอง ชลัมเบร์เชร์โดยทั้งสิ้น

1 / 2

2 / 2

     ล่าสุดเมื่อต้นปี 2023 ทิฟฟานี่ แอนด์ โค ทำการสานต่อความคลาสสิกของจิวเวลรีตระกูลเบิร์ด ออน อะ ร็อกโดยการนำคอลเล็กชั่นไข่มุกน้ำเค็มธรรมชาติจากอ่าวเปอร์เซียของนักธุรกิจและพ่อค้ามุก Hussein Al Fardan มาสร้างสรรค์เป็นจิวเวลรีชั้นสูงคอลเล็กชั่นพิเศษ เป็นผลงานกว่า 21 ชิ้น เช่น เข็มกลัดไข่มุกสีขาวสไตล์บาโรก น้ำหนัก 26 กะรัต หรือจะเป็นเข็มกลัดไข่มุกสีเงินเหลือบส้มและน้ำตาล น้ำหนัก 35 กะรัตที่ค้นพบได้ยากมาก รวมถึงไฮไลต์อย่างสร้อยคอมุกสีขาวครีมสามแถว น้ำหนัก 316 กะรัตที่ประดับด้วยนกกระตั้วถึง 6 ตัว ถือเป็นการนำหนึ่งดีไซน์มาสร้างสรรค์เป็นผลงานที่มีคุณค่าเป็นจำนวนนับไม่ถ้วนกับวัสดุหลากหลาย และยังคงเป็นหนึ่งในไอเท็มที่สาวกจิวเวลรีปรารถนาไม่ว่ากระแสนิยมจะเปลี่ยนผันไปทางไหน

ผลงานจากคอลเล็กชั่น Bird on a Rock จากปี 2023 ที่นำไข่มุกน้ำเค็มจากอ่าวเปอร์เซียของ Hussein Al Fardan มาประดับแทนอัญมณีเม็ดโต

ผลงานจากคอลเล็กชั่น Bird on a Rock จากปี 2023 ที่นำไข่มุกน้ำเค็มจากอ่าวเปอร์เซียของ Hussein Al Fardan มาประดับแทนอัญมณีเม็ดโต