เพชรสายมู ที่ทุกคนอาจคุ้นชื่อและได้ยินผ่านหู รู้หรือไม่ว่าแท้จริงแล้วชื่อของเขาคือ “Guardian Diamond” หรือ “เพชรผู้พิทักษ์” เพชรธรรมชาติเพชรดิบที่ไม่ได้ถูกตัดแต่งหรือเจียระไนแต่อย่างใด ซึ่งความพิเศษของเพชรนี้คือมีเอเนอร์จี้ สสาร และพลังงานจากธรรมชาติล้วนๆ โดยที่มนุษย์ไม่ได้ตัดแต่งหรือปลุกเสกเลย ซึ่งบุคคลสำคัญในวันนี้ที่โว้กมีโอกาสได้พูดคุยแบบเอ็กซ์คลูซีฟคือผู้อยู่เบื้องหลังของความสำเร็จในครั้งนี้ “สา-ปุณรัศมิ์ ปฐมอัคราโรจน์” หรือคุณหมอเพชรสายมู Guardian Diamond นักวิเคราะห์อัญมณี ที่จบจากสถาบันอัญมณีศาสตร์แห่งสหรัฐอเมริกา หรือ GIA (Gemological Institute of America) จบวุฒิขั้นสูงสุดของวงการจิวเวลรี ตั้งแต่ปี 1998 เท่ากับเธอเรียนจบมาแล้ว 26 ปี ทั้งผ่านประสบการณ์และความชำนาญมากมาย ทว่าเธอแตกต่างจากนักวิเคราะห์อัญมณีคนอื่นๆ เพราะพรสวรรค์ของเธอคือความชอบในการตอบคำถาม ให้คำแนะนำ และให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องของเพชรที่ให้คำตอบกับแฟนเพจได้ทุกเรื่อง ซึ่งนี่ถือเป็นจุดแข็งและมีคาแร็กเตอร์ที่จดจำง่ายของแบรนด์ พร้อมขนานนามว่า “Doctor Diamond” ที่มีชื่อเสียงในแวดวงจิวเวลรีไทยปัจจุบัน 

   เรื่องราวของบทสนทนาในครั้งนี้ เริ่มต้นขึ้นท่ามกลางบรรยากาศที่เป็นกันเอง โดยคุณสาได้เล่าให้กับโว้กฟังถึงจุดเริ่มต้น กว่าจะมาเป็น Guardian Diamond  เธอผ่านอะไรมาบ้าง จากข้อสงสัยและคำถามที่ค้างคาใจหลายคนว่า ทำไมถึงเรียกว่าคุณหมอทั้งๆ ที่ไม่ได้เป็นหมอ มาจนถึงเรื่องราวของเพชรผู้พิทักษ์ในวันนี้

 

  “ชื่อเรียก Doctor Diamond เกิดขึ้นครั้งแรกคือเป็นช่วงที่เรียนโครงการ NEC โครงการเสริมสร้างผู้ประกอบการใหม่ของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ซึ่ง ณ ตอนนั้นยังช่วยงานธุรกิจของที่บ้านมาโดยตลอด หนึ่งในสิ่งที่เราตามหา ก็คือจุดเด่นที่พิเศษและแตกต่างกับร้านจิวเวลรีอื่นๆ จากการทำโปรเจกต์จบโครงการนี้ ทำให้เราพบว่าเรามีสิ่งหนึ่งที่ไม่เหมือนคนอื่นคือมีนักวิเคราะห์อัญมณีที่ชอบตอบคำถามมากๆ อยู่คนหนึ่ง ที่ชอบให้คำแนะนำ และยังให้ความรู้เรื่องเพชรได้อย่างลึกซึ้งและครอบคลุมให้กับลูกเพจ นี่ถือเป็นการค้นพบความชอบและความเป็นตัวของตัวเอง แถมยังเป็นจุดแข็งและเป็นคาแร็กเตอร์ที่จดจำง่าย และเริ่มใช้คำนี้อย่างจริงจังประมาณ 18 ปีที่แล้ว ซึ่งในช่วงแรกๆ เป็นยุคที่เว็บบอร์ดรุ่งเรือง เราตอบคำถามให้แฟนเพจเยอะมากจนคนเริ่มจำได้ จนมีแฟนเพจคนหนึ่งลุกขึ้นมาประกาศว่าต่อไปอยากให้ทุกคนเรียกให้เหมือนกัน ดังนั้นตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ให้เรียก Doctor Diamond ว่า “คุณหมอ” ซึ่งตอนนั้นก็ทำเอาคุณแม่งงอยู่พักหนึ่งว่าลูกไม่ได้เป็นหมอมาเรียกลูกว่าหมอทำไม กลายเป็นสโลแกนประจำตัวที่ชอบแหย่ลูกค้าว่า “เป็นหมอที่เย็บแผลแตกไม่ได้นะ แต่รักษาได้แค่โรคซื้อเพชรไม่ได้ดั่งใจ” หลังจากนั้น เราถึงเริ่มค้นพบตัวเองว่าเรามีสกิลที่สามารถย่อยสลายข้อมูลต่างๆ จากสิ่งที่ยากให้เป็นเรื่องง่ายและให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น คำถามที่คนถามในเว็บบอร์ดก็เริ่มซ้ำ ทำให้เราเริ่มสังเกตว่าสิ่งที่คนส่วนใหญ่สงสัยเป็นคำถามคล้ายๆ กัน จึงเริ่มมีไอเดียเขียนเป็นหนังสือเล่มแรก มาจนถึงหนังสือเล่มล่าสุด เพชรผู้พิทักษ์: The Unlimited Power of Guardian Diamond ซึ่งกำลังจะวางจัดจำหน่ายในร้านหนังสือทั่วประเทศในเดือนพฤษภาคมนี้”

   คุณสาได้เล่าต่อถึงจุดเริ่มต้นของ Guardian Diamond ว่า “มีอยู่วันหนึ่งเกิดการค้นพบขึ้นโดยบังเอิญ มีลูกค้าคนหนึ่งที่ชื่นชอบและสะสมของแปลกหายากบินไปเที่ยวเมืองนอกแล้วซื้อเพชรดิบกลับมา แล้วบอกว่า “คุณสา ช่วยทำตัวเรือนให้หน่อย” ถือเป็นจุดริเริ่มของทุกอย่าง ทำให้ย้อนนึกถึงภาพที่เราเคยสมัยเรียน GIA เมื่อ 20 ปีที่แล้ว ที่เราเคยจินตนาการว่าเราอยากได้แหวนเพชรเม็ดหนึ่งที่เป็นเพชรดิบ ฟีลแบบเด็กๆ ที่อยากเป็นนักวิเคราะห์อัญมณีที่คูลๆ เท่ๆ ที่มีอะไรบางอย่างที่ไม่เหมือนคนอื่น แต่ก็ไม่เคยออกตามหาเพชรดิบอย่างจริงจัง จนเวลากระทั่งเวลาผ่านไป 20 ปี ที่ได้เจอเพชรเม็ดนี้ของลูกค้าคนนี้ ครั้งแรกที่เราได้เห็น สิ่งที่ทำคือ เราเอามากำไว้ในมือ ปรากฏว่าพลังงานมันพุ่งออกมา คือเป็นพลังงานที่เย็น เบา แต่รู้สึกถึงพลังงานที่มากมายมหาศาลในแบบที่เราไม่เคยเจอที่ไหนเลย มันทำให้เรารู้สึกเลยว่า จะเอาแบบนี้! โดยไม่สนใจเลยว่าได้มาจากไหน จะต้องไปตามหาที่ไหน จะได้มาได้ยังไง มันไม่สนใจเลย รู้แค่ จะเอา! มันต้องมี! มันเป็นความเรียกร้องจากความรู้สึกข้างในลึกๆ ที่ไม่ใช่กิเลส เพราะเรารู้ว่ากว่าจะได้เจอสถานที่หรือไอเท็มที่เอเนอร์จี้ดีๆ เป็นเรื่องยากมาก บางแห่งก็ไกลแสนไกล กว่าจะได้ไปสักครั้ง ดังนั้นถ้ามีสิ่งที่พลังงานดีขนาดนี้มาอยู่กับตัว เราก็ไม่ต้องดั้นด้นออกไปตามหาที่ไหนอีก”

   เพียงไม่กี่วันหลังจากนั้น อยู่ๆ ก็รู้ขึ้นมาเองว่าต้องหาจากที่ไหน แต่ก็มาสะดุดตรงที่ไม่สามารถนำเข้าประเทศไทยได้ เหมือนเจอจุดวัดใจว่าเราจะเอาจริงไหม? แต่เราก็ไม่ได้หวั่นไหวเลย ณ ตอนนั้นคำตอบมันชัดและแน่วแน่เลยว่า รอมา 20 ปีแล้ว ครึ่งค่อนปีทำไมจะรอไม่ได้ สุดท้ายก็รออยู่ 6 เดือนจริงๆ กว่าจะได้เพชรเม็ดแรกมาครอบครอง ซึ่งใน 6 เดือนนั้นก็เกิดการเปลี่ยนแปลงมากมาย พอเราเริ่มสังเกตเห็นว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นหลังจากได้เพชรเม็ดแรกมา ก็เลยทดลองกับคนใกล้ตัวซึ่งก็ได้ผลลัพธ์เหมือนกัน ทำให้เราเริ่มจริงจังและกดสั่งล็อตแรกมาเพียงเพื่อทดลองดู… ปรากฏว่าหมดในเวลาไม่กี่วัน ซึ่งเจ้าของเพชรรุ่นแรก คือผู้คนที่ติดตามเพจหรือลูกเพจ Doctor Diamond ของเราเอง

  อย่างที่กล่าวไปว่า เพชรของ Guardian Diamond เป็นเพชรดิบ เป็นเพชรจากธรรมชาติที่เพียวมากๆ ซึ่งถือเป็นธาตุกายสิทธิ์จากธรรมชาติ ก่อนจะทำการสวมใส่ จะมีบทอธิษฐานเพื่อดึงพลังงานของเพชรเคลียร์เอเนอร์จี้ลบที่ไม่โอเคออก เมื่อคลื่นรบกวนถูกกำจัดออก ทุกอย่างจะถูกปลดล็อกและเราจะเริ่มรู้สึกเบา โล่ง สบายขึ้น ซึ่งเราจะบอกเจ้าของเพชรอยู่ตลอดว่า Guardian Diamond มีหน้าที่เข้าไปกำจัดพลังงานลบเพื่อเคลียร์ทางให้ทุกคนได้ไปต่อ เป็นเหมือนกุญแจปลดล็อก เปิดประตูบานต่อไป เพื่อให้ทุกคนได้เจอบันไดที่จะก้าวไปต่อได้อย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งเส้นทางของทุกคนที่เป็นของตัวเอง จากวันแรกมาถึงวันนี้เหมือนเป็นโมเมนต์แรกที่มหัศจรรย์เหมือนกันนะ เพราะเพียงแค่เป็นมนุษย์คนหนึ่งที่อยากได้เพชรเม็ดหนึ่ง และตัดสินใจตามความรู้สึกของเราจนประสบความสำเร็จคุ้มค่ากับที่รอ และเกิดเป็น Guardian Diamond ในที่สุด พลิก 360 องศาที่ตอนนี้เป็นคำพูดติดปากไปแล้วว่า มันไม่วิทยาศาสตร์จริงๆ”

 

 

   นอกจากนี้คุณสายังเผยถึงจุดเด่นที่นับว่าเป็นชิ้นที่ประสบความสำเร็จสูงสุดจนถึงทุกวันนี้ไว้ว่า “จุดเด่นของเราคือ การแมตช์พลังงานของเพชรให้เข้ากับตัวบุคคล โดย Guardian Diamond เพชรดิบที่มีพลังงานอันยิ่งใหญ่จากธรรมชาติ ทำหน้าที่เสมือนเพชรที่คอยดูแลคุ้มครองเจ้าของหรือผู้สวมใส่ ช่วยเป็นเกราะป้องกันพลังงานลบ พร้อมเพิ่มพลังบวกและปรับสมดุลของพลังงาน เป็นสัญญาณแห่งจุดเริ่มต้นของสิ่งดีๆ ที่อยู่รอบๆ ตัวเรา ซึ่ง Guardian Diamond มีเครื่องประดับอัญมณีทั้งหมด 3 รุ่น ได้แก่ Baby Guardian, Classic Guardian Diamond และ Prestige Guardian Diamond เพชรแต่ละรุ่นจะขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละบุคคลเฉพาะตัว ซึ่งทั้งหมดถูกดีไซน์ให้เหมาะกับใช้ในชีวิตประจำวันและออกงานอลังการได้ทุกโอกาส นอกจากนี้ยังเหมาะเป็นไอเดียสำหรับของขวัญวันเกิดให้กับคนที่คุณรักทั้งแฟน เพื่อน และครอบครัวได้อีกด้วย ซึ่งถ้าให้พูดถึงคอลเล็กชั่นที่ประทับใจที่สุดคงพูดได้เต็มปากว่า ความภาคภูมิใจของเราคือ “เทพจิ๋ว” หรือ คอลเล็กชั่น “Deva Guardian” ที่เป็นองค์เทพขนาดจิ๋ว เนื้อแพลทินัม ประดับ Guardian Diamond ซึ่งหลังจากนี้ก็จะมีคอลเล็กชั่นอื่นๆ ที่ทางเรากำลังเริ่มทำอยู่นะคะ มีโปรเจกต์อื่นๆ อีกมากมาย สามารถติดตามได้ที่ช่องทางออนไลน์ Guardian Diamonds ได้เลย”

   คุณสาเล่าต่อว่า “หลายคนอาจจะมองว่า Guardian Diamond คือการตลาด แต่สำหรับตัวเรา ตั้งแต่วันที่สัมผัสพลังงานของเพชรดิบธรรมชาติตั้งแต่วันแรกมาจนถึงวันนี้ ถึงแม้ว่าคนทั่วไปจะตั้งคำถามว่าจริงไหม แต่ตอนนี้ก็เริ่มมีคนที่ได้ผลลัพธ์จากเพชรที่ส่งรีวิวเข้ามาทุกวัน มีเจ้าของเพชรที่สัมผัสพลังงานด้วยตัวเองได้มากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เรายิ่งมั่นใจว่าเรากำลังทำสิ่งที่ตอบโจทย์ให้กับคนที่กำลังมีปัญหา อยากปลดล็อกอะไรบางอย่างในชีวิตเพื่อให้ตัวเองได้ไปต่อ Guardian Diamond เสมือนตัวช่วยเพื่อให้เราได้ไปสุดทางอย่างที่ตั้งใจ”

   สุดท้ายก่อนจบบทสนทนานี้ คุณสาได้กล่าวทิ้งท้ายว่า “Guardian Diamond เป็นเรื่องของการเคลียร์พลังงานลบที่สะสม นั่นก็คือ ความเครียด ความกลัว และความวิตกกังวล เพื่อทำให้เจ้าของเพชรได้กลับมามีความมั่นใจในความคิดและการตัดสินใจของตัวเอง โดยไม่ต้องกลัวผิด ไม่ต้องกลัวโดนตัดสินใจ เพื่อให้ชีวิตของทุกคนได้มีความสุขอย่างแท้จริง ซึ่งการที่เรามาอยู่ตรงนี้ ณ จุดนี้ Guardian Diamond เสมือนเครื่องพิสูจน์ชั้นดีและเข้าไปช่วยปลดล็อก ให้เราได้มีความมั่นใจในการใช้ชีวิต ได้ใช้ชีวิตแบบเป็นตัวตนของเราจริงๆ มันคือที่สุดแล้วถ้าเราได้ทำอะไรในสิ่งที่เราปรารถนา”