WATCHES & JEWELLERY

Editor's Journey บรรณาธิการโว้กทั้ง 6 มาแบ่งปันประสบการณ์สุดเอกซ์คลูซีฟ

บรรณาธิการบริหาร และบรรณาธิการจากโว้กประเทศไทยทั้งหก ร่วมแบ่งปันประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟที่ได้รับเชิญไปชมงานแสดงเครื่องประดับ และอัญมณีชั้นสูงประจำปี 2024

เรื่อง: อมันดา อัมพรมหา

กราฟิก: จินาภา ฟองกษีร

 

 VIENNA | CARTIER

'กุลวิทย์ เลาสุขศรี' บรรณาธิการบริหารโว้กประเทศไทย



WATCH




โว้กพาเดินทางสู่กรุงเวียนนากับ Cartier ซึ่งทริปนี้เป็นครั้งแรกที่ได้มาเยือนกรุงเวียนนา ไม่แปลกใจเลยที่คาร์เทียร์เลือกที่นี่ ด้วยมีความรุ่มรวยทางวัฒนธรรมและอารยธรรม เป็นเมืองที่สวยงามและคลาสสิกมาก โดยปกติแบรนด์เครื่องประดับมักจะนำเสนอคอลเล็กชั่นตามเมืองต่างๆ ที่มีความเกี่ยวข้องกับแบรนด์ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ครั้งนี้คาร์เทียร์เลือกกรุงเวียนนาในการนำเสนอคอลเล็กชั่นจิวเวลรี Nature Sauvage ซึ่งเราได้ไปชมก่อนใคร จึงรู้สึกตื่นตาตื่นใจมาก นับเป็นคอลเล็กชั่นที่เหนือความคาดหมายที่เห็นคาร์เทียร์ตีความจิวเวลรีออกมาแบบนี้ พร้อมด้วยรายละเอียดอันงดงาม เช่น สร้อยแต่ละเส้นจะแฝงลวดลายโครงสร้างธรรมชาติหรือสิงสาราสัตว์อยู่ในตัวเรือน มีเพียงเจ้าของหรือผู้สวมเท่านั้นที่รู้ว่าเป็นลวดลายสัตว์อะไร คนอื่นต้องเพ่งถึงจะรู้เนื่องจากคาร์เทียร์มีศิลปะในการเล่าที่มีชั้นเชิง ชวนให้เกิดจินตนาการ

EDITOR’S FAVORITE : ในคอลเล็กชั่น Nature Sauvage มีส่วนหนึ่งที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากโครงสร้างสถาปัตยกรรมยุคอาร์ตเดโค่ ดังนั้น สิ่งที่เห็นในคอลเล็กชั่นนี้จึงเป็นผลงานที่มหัศจรรย์ที่สุดชิ้นหนึ่งที่มนุษย์จะสร้างขึ้นมาได้ ทั้งในเรื่องของการสอดแทรกเทคนิคงานออกแบบและการคัดสรรอัญมณี ที่ผสานเข้าด้วยกันจนออกมาเป็นชิ้นงานที่สวยงามยิ่ง ตัวอย่างสร้อย Alae ที่คาดว่าได้แรงบันดาลใจมาจากตึกสำคัญในยุคนั้นคือตึก Empire State และตึก Chrysler Building ในนครนิวยอร์ก หรืออาจเป็นสถาปัตยกรรมอะไรสักอย่างที่ใกล้เคียง เพราะฉะนั้นในตัวคอลเล็กชั่น Nature Sauvage เองจึงมีองค์ประกอบหลายๆ อย่าง ที่ทำให้เราเซอร์ไพรส์ ขอยกตัวอย่างชิ้นที่ชอบที่เป็นสร้อยที่คิมเบอร์ลี่ใส่ถ่ายแบบ ดูตอนแรกลักษณะคล้ายโครงสร้างตึก แต่พอดูไปสักพักกลับเหมือนแมลง เลยคิดว่าคอลเล็กชั่นนี้น่าจะต้องใช้การตีความประกอบด้วย ไม่ใช่จากการเห็นด้วยตาอย่างเดียว

 

 

 PARIS/VENICE | CHAUMET

‘ฐาดิณี รัชชระเสวี’ รองบรรณาธิการโว้กประเทศไทย

โว้กพาเดินทางสู่กรุงปารีส และกรุงเวนิส กับ Chaumet แบรนด์จิวเวลรีเก่าแก่แบรนด์หนึ่งของฝรั่งเศส และเป็นแบรนด์แรกที่เปิดร้านที่ Place Vendôme แบรนด์จึงพาไปชมร้านที่นี่ก่อนจะไปดูคอลเล็กชั่นเครื่องประดับชั้นสูงของปีนี้ ความประทับใจคือการที่แบรนด์อนุรักษ์ตึกเก่าไว้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะห้องต่างๆ ที่บอกถึงประวัติศาสตร์และเป็นออฟฟิศของแบรนด์ด้วย ห้องที่ประทับใจคืออพาร์ตเมนต์เก่าของโชแปงที่แบรนด์เก็บรักษาไว้พร้อมเปียโน เข้าไปแล้วรู้สึกถึงความขลังเหมือนเข้าชมพิพิธภัณฑ์ นอกจากนี้ยังชอบห้องสมุดที่เต็มไปด้วยหนังสือโบราณและเครื่องประดับโบราณในคลังของแบรนด์ ทำให้เข้าถึงตัวตนของแบรนด์ที่เป็นแบรนด์จิวเวลรีของราชวงศ์ เริ่มต้นโดยกษัตริย์นโปเลียนและพระนางโจเซฟิน โดยเฉพาะพระนางโจเซฟินที่เป็นตัวแทนของผู้หญิงหัวสมัยใหม่ มีแนวคิดแตกต่างจากคนในยุคนั้น จึงเป็นแรงบันดาลใจให้แบรนด์ในการออกแบบเครื่องประดับและนำพระนามมาตั้งเป็นชื่อคอลเล็กชั่นไอคอนิกว่า Josephine Collection รวมถึงออกแบบเทียร่าสำหรับผู้หญิงเพื่อสื่อว่าไม่จำเป็นต้องเป็นสมาชิกในราชวงศ์เท่านั้นถึงจะสวมมงกุฎได้ ในงานสำคัญๆ ของชีวิต ผู้หญิงทุกคนก็รู้สึกถึงความงามสง่าได้เมื่อสวมมงกุฎที่ออกแบบมาเพื่อตนเองโดยเฉพาะ แบรนด์จึงมุ่งเน้นพัฒนาให้ได้มงกุฎที่งดงามพอดีกับรูปศีรษะของผู้หญิงแต่ละคน จนเกิดเป็นมุมไอคอนิกในร้านที่มีกำแพงประดับประดาด้วยมงกุฎที่ทำจากแวกซ์เพื่อให้ลูกค้าทดลองสวมได้ตามสบาย

EDITOR’S FAVORITE : Chaumet En Scene คอลเล็กชั่นไฮจิเวลรีที่ได้แรงบันดาลใจมาจากการแสดง ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 องก์ ได้แก่ ดนตรี การเต้นรำ และเวทมนตร์ ส่วนตัวชอบคอลเล็กชั่นจิวเวลรีในองก์ของดนตรีมากที่สุด เพราะเล่นกับมรกตและแซฟไฟร์และเพชร โดยแรงบันดาลใจมาจากจังหวะของดนตรี การเรียงอัญมณีจึงมีลักษณะให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันเพื่อให้เกิดความสัมพันธ์เชื่อมโยงเหมือนบทเพลงอันไพเราะ โดยชิ้นที่ชอบคือสร้อยคอที่มีดีไซน์ค่อนข้างซับซ้อน บ่งบอกถึงงานฝีมือระดับบรมครูของช่างฝีมือประจำแบรนด์ที่ทั้งคัดสรรและจัดวางแซฟไฟร์สีน้ำเงินกับเพชรให้เข้าจังหวะกันอย่างลงตัว เป็นชิ้นที่เห็นครั้งแรกก็ชอบเลย

 

 

ROME | BULGARI

'จงกล พลาฤทธิ์' แฟชั่นไดเร็กเตอร์โว้กประเทศไทย

โว้กพาเดินทางสู่กรุงโรม ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของ Bulgari แบรนด์จิวเวลรีที่มีมิติและความงดงามเหนือกาลเวลา ปีนี้แบรนด์จัดงานเฉลิมฉลองครบ 140 ปีที่กรุงโรมซึ่งเป็นต้นกำเนิดของแบรนด์ นครเก่าแก่แห่งนี้โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมโบราณต่างๆ มีมรดกทางประวัติศาสตร์ที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้มากมาย ยกตัวอย่างเช่นพิพิธภัณฑ์ Museo Nazionale Romano ที่บุลการีพาเราไปชมนิทรรศการด้านในซึ่งจัดแสดงคอลเล็กชั่นไฮจิวเวลรี Aeterna และชิ้นงานอาร์ไคฟ์สำคัญของแบรนด์มากมาย นอกจากไฮจิวเวลรีแล้วยังมีกระเป๋าด้วย ไฮไลต์ของคอลเล็กชั่นคือสร้อยเพชร Serpenti Aeterna ที่ Priyanka Chopra Jonas สวม สร้อยเพชรเส้นนี้ประกอบด้วยเพชรเม็ดใหญ่ล้ำค่า 7 เม็ด รังสรรค์โดยช่างฝีมือที่ใช้เวลาถึง 2,800 ชั่วโมง

EDITOR’S FAVORITE : สร้อยคอมรกตชิ้นนี้มาจากอัญมณีส่วนที่ 2 ที่ตัดออกมาจากชิ้นใหญ่จากสร้อยคอเซอร์เพนติที่ Zendaya สวมเดินพรมแดงในเทศกาลภาพยนตร์ที่เวนิส มรกตสีเขียวเข้มทรงกลมสวยโดดเด่นเหมือนมีมนตร์สะกดยิ่งขึ้นเมื่อไอเดียในครั้งนี้คือต้องการให้งูโอบล้อมมรกตเม็ดนี้เอาไว้ตรงกลาง สร้างความหรูหราได้อย่างสมดุลและลงตัว

 

 

TAIPEI | CHANEL 

'ตะวัน ก้อนแก้ว' บรรณาธิการบทความแฟชั่นโว้กประเทศไทย

โว้กพาเดินทางสู่กรุงไทเป ประเทศไต้หวัน กับ Chanel ซึ่งทริปนี้เป็นการเปิดตัวคอลเล็กชั่นเครื่องประดับชั้นสูงของชาเนลเป็นครั้งแรกในเอเชีย โดยแบรนด์เลือกจัดงานที่ Taipei Music Center กรุงไทเป ประเทศไต้หวัน คอลเล็กชั่นนี้มีชื่อว่า Haute Joaillerie Sport เป็นคอลเล็กชั่นเครื่องประดับชั้นสูงที่ออกแบบมาเพื่อเฉลิมฉลองสไตล์สปอร์ตของชาเนล ส่วนตัวคิดว่าคอลเล็กชั่นนี้แบรนด์มีความกล้าในการนำเสนอดีไซน์ใหม่ๆ และมีความสร้างสรรค์มากๆ ที่พยายามออกจากกรอบเดิม ตัวอย่างเช่นการใช้ตัวอักษรกราฟิกในคำว่า “CHANEL” หรือ “No5” บนจิวเวลรี ซึ่งเป็นเรื่องที่ค่อนข้างท้าทายสำหรับงานเครื่องประดับชั้นสูง แต่ชาเนลก็ทำออกมาดูแปลกใหม่และสวยงาม แม้แต่ฟังก์ชันการใช้งานก็ออกแบบมาให้เหมาะแก่การใช้งานที่เปลี่ยนไปของคนในยุคนี้ ดังเช่นสร้อยคอที่สามารถปรับความยาวและวิธีการสวมได้ นับเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าเพราะนำไปแมตช์ได้หลากหลายลุคให้ออกมาดูน่าสนใจได้ไม่ยาก

EDITOR’S FAVORITE : ชิ้นที่ชอบที่สุดและคิดว่านักสะสมคงถูกใจเช่นกันคือเข็มกลัดรูปดาวทั้ง 5 ชิ้น จะซื้อทั้งหมดเลยทีเดียวหรือค่อยๆ สะสมไปทีละชิ้นก็ได้ ทุกคอลเล็กชั่นชาเนลจะมีเข็มกลัดรูปดาวแบบนี้เสมอให้ผู้ที่ชื่นชอบตามเก็บสะสม เป็นไอเดียที่น่ารักและมีความหมายที่ดี เพราะดาวเป็นสัญลักษณ์แห่งชัยชนะหรือ Lucky star ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากดาราศาสตร์และจักรวาล แต่ละชิ้นมีลวดลายต่างกัน จะนำไปติดผม ติดเสื้อ หรือติดกี่ชิ้นพร้อมกันก็สร้างสรรค์กันได้ตามใจชอบ

 

 

 PARIS | PIAGET

'พีรณัฐ จันทร์สกุลณี' บรรณาธิการด้านแฟชั่นฝ่ายดิจิทัลโว้กประเทศไทย

โว้กพาเดินทางสู่ปารีส กับ Piaget ได้ไปชม Essence of Extraleganza เป็นนิทรรศการที่เพียเจต์จัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองในโอกาสครบ 150 ปีการก่อตั้งแบรนด์ ทริปแบ่งออกเป็น 2 วัน วันแรกเราไปดูนิทรรศการที่จัดแสดงคอลเล็กชั่นใหม่ ชื่อ “Extraleganza” มาจากการผสมคำ “Extravagance” กับ “Elegance” แรงบันดาลใจในการรังสรรค์เครื่องประดับชั้นสูงคอลเล็กชั่นนี้คือช่วงปี 1960-1979 ซึ่งเป็นช่วงที่ผลงานของแบรนด์ได้รับความนิยมอย่างมากทั้งจิวเวลรีและนาฬิกา นิทรรศการแบ่งเป็น 3 ธีมคือ Extraleganza, Piaget Society และ When Mastery Ignite Artistry

EDITOR’S FAVORITE : ชอบนาฬิกาไฮจิวเวลรีรุ่น Aura ชอบสีแดงของทับทิม แดงอมม่วงชมพูดูสวยและยูนิเซ็กซ์ ตอนแรกที่เห็นในนิทรรศการรู้สึกว่าชิ้นนี้มีความเป็นผู้หญิงสูงมาก แต่พอเห็นอาโปและอีจุนโฮสวมที่ข้อมือ ความคิดเปลี่ยนทันที เพราะก็ดูเหมาะกับข้อมือผู้ชายเหมือนกัน อีกชิ้นที่ชอบคือเข็มกลัดมังกรบนเสื้อของอาโปที่สวมไปงานกาล่าดินเนอร์ ไม่ค่อยเห็นแบรนด์จิวเวลรีฝั่งยุโรปดึงแรงบันดาลใจจากฝั่งเอเชียไปทำจิวเวลรีเท่าไร แถมยังเป็นสัตว์ในตำนานจากฝั่งเอเชียด้วย ใครคิดจะใส่ต้องมีความมั่นใจพอสมควร

 

 

PARIS | BOUCHERON

'นาทนาม ไวยหงษ์' นักเขียนอาวุโสด้านแฟชั่นและผู้เชี่ยวชาญด้านนาฬิกาฝ่ายดิจิทัลโว้กประเทศไทย

โว้กพาเดินทางสู่ปารีส กับ Boucheron ได้เดินทางไปชมเครื่องประดับชั้นสูงคอลเล็กชั่นใหม่ของบูเชอรองในไลน์ Carte Blanche ของปี 2024 ชื่อว่า Or Bleau ที่ปารีสโอตกูตูร์แฟชั่นวีก ซึ่งจิวเวลรีชั้นสูงมักจะเปิดตัวคอลเล็กชั่นใหม่ในช่วงนี้เป็นประจำทุกปี ปีนี้บูเชอรองพาไปยังบูติกที่มี 5 ชั้น ไฮไลต์อยู่ที่ชั้นบนสุดซึ่งเป็นที่จัดแสดงนิทรรศการของคอลเล็กชั่น Or Bleau โดย Claire Choisne ครีเอทีฟไดเร็กเตอร์ของแบรนด์นำลักษณะตามธรรมชาติของ “น้ำ” ในประเทศไอซ์แลนด์มาตีความใหม่ คอลเล็กชั่นนี้จึงโดดเด่นเรื่องฟอร์มหรือรูปทรงของน้ำ การสะท้อนภาพและการกระทบของแสง โดยนำลักษณะของน้ำมารังสรรค์เป็นเครื่องประดับให้มีรูปทรงและลักษณะต่างๆ ตามสถานะของน้ำ ตัวอย่างเช่น สร้อยคอชื่อ Sable Noir ที่มีลักษณะเหมือนโฟมของน้ำทะเล แคลร์บอกว่าเธอดึงเอาลักษณะของโฟมมาดัดแปลงให้จิวเวลรีดูมีความอ่อนหวานและแข็งแกร่งในเวลาเดียวกัน น่าทึ่งตรงที่บูเชอรองสามารถทำให้น้ำซึ่งเป็นของเหลวธรรมดาๆ ดูพิเศษขึ้น

EDITOR’S FAVORITE : Ice Berg เพราะมีเอฟเฟกต์ของจิวเวลรีที่จำลองความขุ่นและใสของก้อนน้ำแข็งมาสร้างสรรค์เป็นเครื่องประดับ ซึ่งไม่ค่อยได้เห็นในงานออกแบบเครื่องประดับชั้นสูงทั่วไป เขาสร้างความขุ่นเพื่อให้เล่นกับแสง เหมือนเรามองไปที่ก้อนน้ำแข็งจริงๆ เมื่อก้อนน้ำแข็งอยู่บนหาดสีเข้ม (หาดสีดำของไอซ์แลนด์ที่เป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์) แล้วกระทบกับแสงแดด จะให้ความรู้สึกเหมือนมันคือ Diamond Beach

 

ติดตามทริปของบรรณาธิการทั้งหกแบบเต็มๆ ได้ในนิตยสารโว้กประเทศไทยฉบับเดือนกันยายน 2024 วางแผงแล้วทั่วประเทศ!
#VogueThailandSeptember2024 #VogueTHBangkokIssue

(สามารถอ่านบทความเรื่อง Jewelry Lover’s Dream การผสมผสานความวิจิตรงดงามของนาฬิกาและจิวเวลรี ได้ที่นี่)

WATCH