novelties2022-omega
WATCHES & JEWELLERY

จากใต้ท้องทะเลไปสู่ดวงจันทร์กับ Novelties 2022 นาฬิกาคอลเล็กชั่นใหม่ของ Omega

ตั้งแต่ตัวเรือน Seamaster ดำดิ่งสู่จุดลึกที่สุดของมหาสมุทรจนถึง Moonwatch กับการบินออกนอกโลกไปเหยียบดวงจันทร์ พร้อมบทสัมภาษณ์ของ CEO ของ Omega

ไม่รอช้า Omega เปิดตัวไตรมาสแรกของปีด้วยคอลเล็กชั่น Novelties ประจำปี 2022 ด้วยเรื่องราวพิเศษของนาฬิกาข้อมือแต่ละเรือนที่สอดแทรกประวัติศาตร์ของแบรนด์เอาไว้มากมาย  ตั้งแต่ตัวเรือน Seamaster ดำดิ่งสู่จุดลึกที่สุดของมหาสมุทรจนถึง Moonwatch กับการบินออกนอกโลกไปเหยียบดวงจันทร์ เพิ่มเติมความพิเศษด้วยดีไซน์หลากหลายและสีสันตระการตาด้วยวัสดุแบบใหม่ เพื่อตอบสนองความต้องการของเหล่าสาวกนักสะสมเรือนเวลา ตบท้ายด้วยบทสัมภาษณ์ของ Raynald Aeschlimann ผู้เป็น CEO ของโอเมก้า

นาฬิกาทืี่ถูกรังสรรค์จากประสบการณ์ใต้ท้องทะเลลึกอย่าง Seamaster Ultra Deep และผู้เหยียบดวงจันทร์ครั้งแรกอย่าง Moonwatch

เริ่มด้วยการเดินทางลงไปใต้ท้องทะเลกับ Seamaster Professional Ultra Deep นาฬิกาที่สามารถดำดิ่งไปถึง 6,000 เมตรใน Maricana Trench ของมหาสมุทรแปซิฟิกทุบสถิติโลกในปี 2019 ใช้เวลาสองปีในการพัฒนาจนมาเป็นรุ่นปัจจุบัน ขนาดหน้าปัด 45.5 มิลลิเมตรและความหนาเพียง 18.12 มิลลิมเตร แบ่งออกเป็นสองรุ่นกับ Ultra Deep ตัวเรือนแพลทินัม เชื่อมกับสายพิเศษ NATO พร้อมหน้าปัดเซรามิกสีดำ  และรุ่น Ultra Deep O-MEGASTEEL ตัวเรือนสเตนเลส สตีลมาพร้อมทั้งสามสี ขอบสีดำหน้าปัดสีน้ำเงินไล่สีดำ ขอบสีน้ำเงินหน้าปัดสีขาว และขอบสีส้มหน้าปัดสีเทาไล่ดำ ด้วยตัวเลือกแบบสายโอเมก้าสตีล และสายยางที่มีประสิทธิภาพเหมือนชุดดำน้ำ ทุกเรือนปิดด้วยฝาหลังสลักลายม้าน้ำไอคอนิกของแบรนด์



WATCH




ยังอยู่ฝั่งทะเลกับ Seamaster Dive 300 ที่ถูกเปิดตัวครั้งแรกในปี 1993 และคงเป็นรุ่นนิยมของโอเมก้าตลอดมา ด้วยขนาดหน้าปัด 42 มิลลิเมตร ตัวเรือนสเตนเลส สตีล กลับมากับหน้าปัดใหม่อย่างเซรามิกสีเขียวลายคลื่นที่สามารถกันน้ำได้ถึง 300 เมตร

อีกรุ่นฮิตอย่าง Aqua Terra ตัวเรือนทำด้วยสเตนเลส สตีล พร้อมตัวเลือกสองขนาด ขนาดหน้าปัด 38 มิลลิเมตรกับตัวเลือกทั้ง 5 สีอย่าง Atlantic Blue, Bay Green, Sandstone, Safforn และ Terra Cotta กับขนาดหน้าปัด 34 มิลลิเมตรด้วยสี Sea Blue, Lagoon Green, Sandstone, Pink Shell และ Lavender ทางแบรนด์อยากตอบโจทย์เรื่องสีสัน เพื่อการสะสมหรือตัวเลือกที่หลากหลายสำหรับคนชอบแต่งตัวโดยเฉพาะ

Aqua Terra หน้าปัด 38 มิลลิเมตร ในสี Atlantic Blue, Bay Green, Sandstone, Safforn และ Terra Cotta 

Aqua Terra หน้าปัด 34 มิลลิเมตร กับสี Sea Blue, Lagoon Green, Sandstone, Pink Shell และ Lavender

โผล่ขึ้นเหนือน้ำเข้าสู่จรวดเพื่อบินไปชมกลุ่มดาวในห้วงอวกาศกับรุ่น Constellation ถูกนำเสนอในหลายขนาด รับแรงบันดาลใจมาจากนาฬิการุ่น Mahattan 1982 ของโอเมก้า เริ่มด้วยขนาด 41 มิลลิเมตรที่มาในสีเทา สีเขียว สีเบอร์กันดี และสีขาว เพิ่มความพิเศษกับการเฉลิมฉลองครบรอบ 40 ปีของรุ่นกับการนำหินสีอเวนเจอรีน (Aventurine) ถึง 3 สีได้แก่ สีแดง สีเขียว และสีน้ำเงิน มาทำเป็นหน้าปัดขนาด 29 มิลลิเมตรให้แต่ละเรือนไม่มีความซ้ำกัน ตัวเรือนทำจากทอง Sedna ซึ่งเป็นวัสดุพิเศษของโอเมก้าพร้อมกับตัวเรือนรุ่นล้อมเพชรเชื่อมกับสายหนังสีเดียวกัน

1 / 2

Constellation หน้าปัดขนาด 41 มิลลิเมตร


2 / 2

Constellation หน้าปัดหินสีอเวนเจอรีน 3 สี ในขนาด 29 มิลลิเมตร


มากไปกว่านั้น Constellation ยังมากับคอลเล็กชั่นสีพาสเทล มาในขนาดหน้าปัด 28 มิลลิเมตร 4 สีได้แก่ Blush Rose, Celestial Blue, Patchouli Blossom และ Green Match ด้วยทรงที่เสริมความเรียวบาง ให้กับข้อมือมากขึ้น ด้วยตัวเรือนทำจากสเตนเลส สตีลและทองคำ 18K พร้อมกับแผ่นฝาหลังสลักเป็นรูปหอคอยดูดาวทุกเรือน

1 / 2

Constellation หน้าปัดขนาด 28 มิลลิเมตร


2 / 2

ฝาหลังรูปหอคอยดูดาว


เร่งยานอวกาศด้วยความเร็วแสงไปชมรุ่นที่สร้างประวัติศาตร์กับการเยือนดวงจันทร์ครั้งแรกในปี 1969 มาแล้วอย่าง Speedmaster 57  ขนาดหน้าปัด 40.5 มิลลิเมตร ที่มาใน 4 สี เสริมด้วยระบบ Master Chronometer ที่มีความบางมากขึ้นด้วย ขนาด 13 มิลลิเมตร เชื่อมกับตัวเรือนและสายสเตนเลส สตีล หรือตัวเลือกแบบสายหนังที่แมตช์กับสีหน้าปัด

ครอบครัว Speedmaster 57 หน้าปัดขนาด 40.5 พร้อมระบบ Master Chronomaster

เพิ่มความพิเศษให้กับเครือ Speedmaster ด้วยรุ่น Moonwatch สองเรือน กับหน้าปัดเซรามิก PVD สีเขียวเชื่อมกับตัวเรือนและสายสีพิเศษอย่าง Moonshine Gold 18K และอีกเรือนกับขอบหน้าปัดเซรามิกสีดำตัดกับตัวเรือนและสายที่ทำด้วยสีทองมูนไชน์ 18K ทั้งหมด เพื่อความพิเศษของการเฉลิมฉลองนาฬิกาข้อมือเรือนแรกบนตัวจันทร์

นอกจากนี้ทางโว้ก ประเทศไทยได้รับเกียรติพูดคุยกับ Raynald Aeschlimann ผู้เป็น CEO ของ Omega เจาะลึกถึงเบื้องหลังการรังสรรค์คอลเล็กชั่น Novelties 2022 และทัศนคติที่มีต่อแบรนด์และแฟนๆ ของโอเมก้า เขากล่าวว่า “เหนือสิ่งอื่นใดผมและครอบครัวโอเมก้าอยากจะตอบสนองความต้องการของลูกค้าเป็นอันดับหนึ่ง เพราะพวกเขาเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด โอเมก้าจะไม่หยุดขวนขวายและรังสรรค์สิ่งที่ล้ำสมัยและดีที่สุดเหมือนกับที่ผ่านมา ทางแบรนด์ยังอยากที่จะนำเสนอสิ่งใหม่ๆ ด้วยสีสัน วัสดุและงานออกแบบที่หลากหลาย ด้วยคุณภาพคับเรือน เสริมการใช้งานที่ยาวนานเพื่อจะได้ส่งต่อไปยันรุ่นสู่รุ่น อีกทั้งยังช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม สนันสนุนการจินตนาการที่ไร้ขอบเขตให้คนยังฝันถึงการขึ้นสู่ห้วง อวกาศหรือดำดิ่งลงใต้มหาสมุทรได้อย่างปลอดภัย”

เมื่อถามถึงเรื่องผลกระทบจากช่วงโรคระบาด และ E-commerce ที่มาแรงในยุคนี้ เรนัลกล่าวว่า “การค้าขายแบบออนไลน์มันเป็นเพียงส่วนน้อยของทางแบรนด์ เรายังเชื่อในการต้อนรับในบ้านของโอเมก้าแบบตัวต่อตัว ด้วยความเต็มใจที่อยากดูแลและมอบประสบการณ์ด้านบริการสุดพิเศษให้ลูกค้าทุกท่าน และหวังว่าเหตุการณ์จะกลับมาอนุญาตให้เรากลับมาทำหน้าที่นี้ได้เต็มที่มากขึ้น”

สุดท้ายทางโว้ก ประเทศไทยได้แอบให้ซีอีโอของแบรนด์เลือกสามรุ่น ที่เขาแอบถูกใจมากที่สุด เขาบอกว่า “มันยากที่จะเลือกเพียงแค่ชิ้นเดียว เนื่องจากทุกๆ เรือนเต็มไปด้วยเรื่องราวและความพิถีพิถันในการรังสรรค์ แต่ผมตื่นเต้นกับสีสันของรุ่น Aqua Terra และวัสดุหินสีอเวนจูรีนของรุ่น Constellation กับรุ่น Ultra Deep ที่ทุบสถิติโลกกับการดำน้ำที่ลึกที่สุด”

Raynald Aeschlimann ผู้เป็น CEO ของแบรนด์ OMEGA

ข้อมูลและภาพ : Omega
ภาพ : Italian Watch Spotter และ Revolution Watch

WATCH

คีย์เวิร์ด: #Novelties2022 #Omega #RaynaldAeschlimann