WATCHES & JEWELLERY
ตำนานแห่งการเดินทางที่ถูกเล่าขานผ่านคอลเล็กชั่นจิวเวลรีชั้นสูง Le Grand Tour ของ Van Cleef & Arpelsเรื่องราวของเครื่องประดับชิ้นสำคัญที่ถูกเล่าขานผ่านตำนานการเดินทางอันยาวนาน ก่อให้เกิดเป็นคอลเล็กชั่นอัญมณีชั้นสูง 'Le Grand Tour' ของ Van Cleef & Arpels |
เราทุกคนมีการเดินทางที่ยิ่งใหญ่เป็นของตัวเอง Le Grand Tour raconté par Van Cleef & Arpels เป็นคอลเล็กชั่นที่ได้แรงบันดาลใจมาจากการเดินทางในยุค Renaissance ที่ผู้คนต่างพากันตามหานักปราชญ์แห่งศิลปะตามเมืองใหญ่ต่างๆ ทั่วยุโรป Le Grand Tour (เลอ กรอง ตูร์) มีความหมายเป็นภาษาไทยว่า “สัญจรศิลป์ถิ่นวัฒนธรรม” ในอดีต เป็นคำที่มีความหมายถึงการเดินทางเพื่อออกตามหาประสบการณ์อันยิ่งใหญ่ วัฒนธรรมแห่งการเดินทางนี้เริ่มต้นเมื่อประมาณศตวรรษที่ 16 ที่เหล่าชายหนุ่มจากตระกูลมั่งคั่งของอังกฤษ ออกเดินทางไปเรียนรู้ถึงศิลปะวัฒนธรรมต่างๆ ของผู้คนต่างถิ่น มาถึงศตวรรษที่ 18-19 Le Grand Tour เป็นที่นิยมอย่างยิ่งในประเทศแถบยุโรปและถือเป็นที่มาของการแลกเปลี่ยนเชิงศิลป์ ไม่ว่าจะเป็นศิลปะ วัฒนธรรม วรรณกรรมและอื่นๆ อีกมากมาย Le Grand Tour จึงเปรียบเสมือนการเดินทางเพื่อแสวงหาความหมายของชีวิต โดยเก็บเอาแรงบันดาลใจจากเมืองต่างๆมาใช้สร้างสรรค์ผลงานของตัวเอง ในปี 2023 นี้ แบรนด์เครื่องประดับ Van Cleef & Arpel จึงดึงเอาแรงบันดาลใจจากการเดินทางอันยิ่งใหญ่นี้มาสร้างสรรค์เป็นคอลเล็กชั่นเครื่องประดับชั้นสูงที่เต็มไปด้วยเรื่องราวของความแตกต่างทางวัฒนธรรมท้องถิ่นจากเมืองต่างๆ ในยุโรป สร้างสรรค์เป็นคอลเล็กชั่นอัญมณีที่มีคาแร็กเตอร์โดดเด่น ชัดเจนและแสดงถึงตัวตนของเมืองเหล่านั้นได้อย่างงดงาม
1 / 5
2 / 5
3 / 5
4 / 5
5 / 5
ไฮไลต์ของคอลเล็กชั่น Le Grand Tour raconté par Van Cleef & Arpels อยู่ที่การออกแบบเครื่องประดับให้สอดคล้องถึงรากแห่งศิลปะและวัฒนธรรมท้องถิ่น โดยดึงเอาองค์ประกอบศิลป์จากศิลปะแขนงต่างๆ และภูมิประเทศรอบตัวมาเป็นแรงบันดาลใจหลักในการออกแบบ เช่น วรรณกรรม เพลง งานศิลปะ ประวัติศาสตร์ รวมถึงธรรมชาติรอบตัว ซึ่งเมืองที่เลือกมานั้นล้วนเป็นเมืองที่เป็นเส้นทางของ Le Grand Tour ในยุคดั้งเดิม ไม่ว่าจะเป็นลอนดอน ปารีส ฟลอเรนซ์ เวนิส เนเปิล และโรม เป็นต้น รังสรรค์ออกมาเป็นเซ็ตเครื่องประดับอัญมณีชั้นสูงที่สะท้อนถึงคาแร็กเตอร์ของเมืองต่างๆ อย่างงดงาม ตัวอย่างเช่น ความเป็นราชาธิปไตยของอังกฤษถูกถ่ายทอดออกมาเป็นสร้อยคอเพชรประดับไพลินศรีลังกาสีน้ำเงินเข้ม แสดงออกถึงสัญลักษณ์แห่งความเป็นกษัตริย์ได้อย่างชัดเจน ความงดงามแบบเริงระบำของปารีสในยุคกลางถูกถ่ายทอดออกมาเป็นชิ้นงานเครื่องประดับอันแสนจะอู้ฟู่เรียงรายไปด้วยอัญมณีสีพาสเทลราวกับขนมหวานและต่างหูรูปทรงแชนเดอเลียร์ระย้า ในขณะที่วิวทิวทัศน์ของเทือกเขาแอลป์ที่ปกคลุมไปด้วยสีสันจากธรรมชาติหลากสี ถูกถ่ายทอดออกมาเป็นสร้อยคอที่มีชื่อว่า Regina Montium หรือราชินีแห่งภูเขา โดดเด่นด้วยพลอยทัวร์มาลีนสีเขียวอมน้ำเงิน ประดับด้วยไพลินและอความารีน หรือคอลเล็กชั่นที่ได้แรงบันดาลใจมาจากกรุงโรมก็ถูกรังสรรค์ออกมาเป็นเครื่องประดับอัญมณีชั้นสูงที่ดูแข็งแกร่งอย่างสร้อย Piazza Divana สร้อยคอทองคำขาวประดับเพชรและจี้มรกต ลักษณะสร้อยทรงยาวประดับจี้ ชวนให้นึกถึงเครื่องประดับของนักรบโบราณที่มีความพลิ้วไหวและแข็งแกร่ง น่าเกรงขาม
WATCH
เบื้องหลังการสร้างสรรค์จิวเวลรีชั้นสูงคอลเล็กชั่น Le Grand Tour ของ Van Cleef & Arpels
ทั้งหมดนี้คือส่วนหนึ่งของผลงานชิ้นเอกจาก 70 กว่าเรือนซึ่งเครื่องประดับทุกเรือนถูกรังสรรค์ขึ้นจากอัญมณีหายากและเป็นงานฝีมือของช่างทำอัญมณีระดับปรมาจารย์ของ Van Cleef & Arpels ซึ่งนอกจากจะมีแรงบันดาลใจมาจากการเดินทางแล้ว เครื่องประดับในคอลเล็กชั่นนี้ยังเป็นสัญลักษณ์ของความประณีตงดงามในการทำงานฝีมือที่ถูกถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น จากอดีตจนถึงปัจจุบัน รวมทั้งถือเป็นการยกย่องงานศิลปะและงานฝีมือ อันเป็นคุณค่าที่ทางแบรนด์ยึดถือเพื่อส่งต่อสมบัติล้ำค่าเหล่านี้ให้กับคนที่รักในศาสตร์และศิลป์ของอัญมณีชั้นสูงอย่างแท้จริง
เหล่าผลงานจิวเวลรีชั้นสูงจากคอลเล็กชั่น Le Grand Tour ของ Van Cleef & Arpels
เรื่อง: ฐาดิณี รัชชระเสวี
ภาพ : Courtesy of Van Cleef & Arpels
WATCH