WATCHES & JEWELLERY
‘Wild Imagination’ เปิดโลกแห่งจินตนาการที่ไม่มีที่สิ้นสุดของ Cartierเปิดโลกแห่งจินตนาการที่ไม่มีที่สิ้นสุดของ Cartier ในการสร้างสรรค์จิวเวลรีชั้นสูงคอลเล็กชั่นใหม่ล่าสุด "Nature Sauvage" |
สัมภาษณ์: กุลวิทย์ เลาสุขศรี
แปล: ธนภพ ณ ตะกั่วทุ่ง
กราฟิก: จินาภา ฟองกษีร
เรียบเรียง: อมันดา อัมพรมหา
กลับมาครองใจสาวกอัญมณีผู้หลงใหลในงานศิลปะสไตล์อาร์ตเดโค่อีกครั้งสำหรับผลงานจิวเวลรีชั้นสูงจากคอลเล็กชั่นใหม่ประจำปี 2024 ของคาร์เทียร์แบรนด์เก่าแก่สัญชาติฝรั่งเศสคอลเล็กชั่นนี้มีชื่อว่า Nature Sauvage เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเมื่อปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ณ กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย โดดเด่นด้วยดีไซน์ที่นำรูปทรงของสัตว์ป่าน่าเกรงขาม และสง่างามอันเป็นซิกเนเจอร์ของคาร์เทียร์กลับมาสร้างสรรค์เป็นจิวเวลรีในสไตล์โมเดิร์นที่มีความแปลกตา และการซ่อนรูปทรงสัตว์บนตัวเรือนที่ดูคล้ายงานสถาปัตยกรรมและถิ่นอาศัยในรูปแบบต่างๆ แบบศิลปะนามธรรม เพื่อให้ผลงานจิวเวลรีชั้นสูงมีความสนุกสนาน ชวนให้ผู้ชมตีความตามจินตนาการได้อย่างอิสระ กุลวิทย์ เลาสุขศรี บรรณาธิการบริหารนิตยสารโว้กประเทศไทยไปสัมภาษณ์ Jacqueline Karachi, High Jewelry Creation Director ของคาร์เทียร์แบบเอ็กซ์คลูซีฟถึงเบื้องหลังและแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ครั้งนี้
WATCH
Vogue: ปรัชญาด้านดีไซน์ของคุณที่นำมาปรับใช้ในการออกแบบจิวเวลรีชั้นสูงให้ตรงกับสไตล์ของคาร์เทียร์คืออะไร
Jacqueline: สิ่งสำคัญคือการส่งต่อหรือถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ที่สั่งสมมา ฉันเป็นดีไซเนอร์มา 25 ปี ดังนั้นสิ่งสำคัญที่สุดคือการถ่ายทอดแพสชั่นออกมาให้ได้ ฉันรู้สึกโชคดีมากที่ได้ทำงานกับอัญมณีอันเป็นขุมทรัพย์ล้ำค่าจากธรรมชาติ มีคุณค่าความงดงามมากกว่าเรื่องมูลค่า อัญมณีทุกชิ้นมาพร้อมกับจิตวิญญาณคล้ายสัตว์ป่า นั่นคือเหตุผลที่เรานำอัญมณีมาเชื่อมโยงกับสัตว์ในคอลเล็กชั่นนี้
V: นิยามของอัญมณีชั้นสูงสำหรับคาร์เทียร์คืออะไรในความคิดของคุณ
J: สำหรับคาร์เทียร์แล้วจิวเวลรีต้องมีดีไซน์และความงดงามที่ไร้กาลเวลา ไม่ใช่ว่าต้องเป็นจิวเวลรีสไตล์คลาสสิกนะ ขอย้ำว่ามันคือคำว่า “Timeless” เพราะไม่ว่าจะเปลี่ยนผ่านไปกี่ยุคกี่สมัยก็ยังเป็นงานดีไซน์ที่งดงามเสมอ นอกจากนี้ยังต้องมีสไตล์ที่เรียบโก้หรือ “Less is more” คือความสง่างามในแบบของคาร์เทียร์ ซึ่งดีไซเนอร์ต้องฝึกหาความสมดุลและถ่ายทอดออกมาให้ได้ เพราะถ้าดีไซน์ดูเยอะเกินไปก็จะไม่โก้
V: การเลือกใช้สีอัญมณีสำหรับจิวเวลรีชั้นสูงคอลเล็กชั่นนี้มีการจับคู่สีที่น่าสนใจ รวมถึงการเลือกใช้อัญมณีและหินสีประเภทต่างๆ ที่แปลกตาไปจากคอลเล็กชั่นอื่น นี่คือวิธีการรังสรรค์แบบใหม่ของคาร์เทียร์หรือเปล่า
J: เวลาเลือกสีอัญมณี เราต้องใช้จินตนาการในการออกแบบ เราไม่กลัวที่จะเลือกใช้อัญมณีคู่กับหินสีล้ำค่าในจิวเวลรีชั้นสูง เพราะนั่นจะทำให้โทนสีโดยรวมของจิวเวลรีพาเลตต์งดงามขึ้น ย้อนกลับไปเมื่อ 40 กว่าปีก่อน เรามักจะเห็นจิวเวลรีใช้อัญมณีเพียง 4 สีเท่านั้นคือ มรกต แซปไฟร์สีน้ำเงิน ทับทิม และเพชรสีขาว ต่อมาเราเริ่มใช้ไข่มุกธรรมชาติและเพชรสีเหลือง ซึ่งในปัจจุบันการเลือกใช้สีอัญมณีกับงานจิวเวลรีค่อนข้างมีอิสระและสนุกสนานโดยปราศจากข้อจำกัด ดีไซเนอร์สามารถจินตนาการถึงโทนสีที่จะใช้โดยต้องเรียนรู้และทำความเข้าใจกับอัญมณีด้วยการมองและสัมผัสอย่างใกล้ชิดและใช้เวลาพอสมควรจนเข้าถึงพลังงานจากอัญมณีเหล่านั้น ในฐานะนักออกแบบ เราคือผู้ถ่ายทอดความหลงใหลที่เติบโตไปพร้อมกับระยะเวลาในการสะสมอัญมณี เวลาผ่านไป มุมมองการออกแบบของเราก็จะค่อยๆ เปลี่ยน แตกต่างไปจากเดิม เพราะฉะนั้น ในการออกแบบแต่ละชิ้น เราจึงใช้เวลานานมากเพื่อจะได้สามารถถ่ายทอดอารมณ์และความรู้สึกที่เราได้รับจากการสัมผัสอัญมณีออกมาเป็นแบบร่างก่อนจะส่งต่อไปให้ช่างทอง และช่างทองเองก็จะต้องเข้าใจงานดีไซน์เหล่านั้นด้วยความรู้สึกเดียวกัน ดังนั้นการถ่ายทอดและการส่งต่อแรงบันดาลใจคือสิ่งสำคัญ เพราะบางทีมันเป็นสิ่งที่อธิบายไม่ได้ ต้องใช้ความรู้สึกเท่านั้น
V: ปกติคุณเริ่มต้นด้วยการออกแบบหรือเลือกอัญมณีก่อน
J: แน่นอนว่าต้องเริ่มจากเลือกอัญมณีก่อน ไม่มีข้อยกเว้นใดๆ ทั้งสิ้น เพราะอัญมณีมาพร้อมกับสปิริตที่มีเอกลักษณ์และคุณไม่สามารถที่จะจินตนาการออกมาได้ถ้าไม่ได้แรงบันดาลใจจากอัญมณี ที่คาร์เทียร์มีคลังเก็บอัญมณีขนาดใหญ่ เราจะนำอัญมณีทุกชิ้นมาลองวางเทียบกัน ซึ่งอาจนำไปสู่การจับคู่สีที่เหนือความคาดหมาย ถ้าเราไม่ลองด้วยวิธีนี้เราจะอยู่กับสิ่งที่เรารู้อยู่แล้วโดยที่ไม่ได้ลองสิ่งใหม่เลย
Courtesy of Cartier
V: นอกจากเรื่องสีสันของอัญมณีแล้ว ตัวเรือนที่มีโครงสร้างเหมือนงานสถาปัตยกรรมก็เป็นอีกหนึ่งจุดเด่นเช่นกัน ช่วยอธิบายหน่อยได้ไหม เพราะไม่ค่อยมีใครนำโครงสร้างแบบนี้มาผสมผสานเข้ากับจิวเวลรีรูปทรงสัตว์
J: เราอยากให้เป็นเรื่องที่คนคาดไม่ถึงในการนำ 2 สิ่งที่ไม่น่าจะเข้ากันมาอยู่ด้วยกัน ตัวอย่างที่อยากจะพูดถึงคือสร้อยคอรูปทรงแมลงปีกแข็ง ที่นำรูปทรงของตึกโอ่อ่ามาสร้างสรรค์และต่อเติมจินตนาการเข้ากับปีกของแมลงที่ดูเหมือนเคลื่อนไหวได้ และเมื่อคุณเห็นด้านหลังของสร้อยก็จะเข้าใจมากขึ้นเพราะเราบอกใบ้ไว้ด้วยตัวล็อกรูปทรงแมลง เป็นผลงานที่แฝงความขี้เล่น อีกชิ้นคือสร้อยคอรูปทรงงู เป็นการนำรูปทรงตึกมาออกแบบเป็นลายเส้นกราฟิก ซึ่งนำมาผนวกเข้ากับรูปทรงงู 2 ตัวที่มีลีลาคล้ายกันให้มีความสมมาตร เพราะงู 2 ตัวนี้คืองูแฝด สำหรับฉัน สิ่งเหล่านี้ทำให้คอลเล็กชั่นมีความทันสมัยมากขึ้น
"ในฐานะนักออกแบบ เราคือผู้ถ่ายทอดความหลงใหลที่เติบโต ไปพร้อมกับระยะเวลาในการสะสมอัญมณี เวลาผ่านไป มุมมองการออกแบบของเราก็จะค่อยๆ เปลี่ยน แตกต่างไปจากเดิม ดังนั้นการถ่ายทอดและการส่งต่อแรงบันดาลใจคือสิ่งสำคัญ เพราะบางทีมันเป็นสิ่งที่อธิบายไม่ได้ ต้องใช้ความรู้สึกเท่านั้น"
- Jacqueline Karachi
ติดตามบทสัมภาษณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟของ กุลวิทย์ เลาสุขศรี บรรณาธิการบริหาร นิตยสารโว้กประเทศไทย กับ Jacqueline Karachi, High Jewelry Creation Director ของคาร์เทียร์ถึงเบื้องหลังและแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ครั้งนี้เต็มๆ ได้ในนิตยสารโว้กประเทศไทยฉบับเดือนกันยายน 2024 วางแผงแล้วทั่วประเทศ!
รูปภาพ : Courtesy of Cartier
WATCH