จากการจัดดอกไม้แบบอิเคบานะและปรัชญาวาบิซาบิสู่ 'Impermanence' จิวเวลรีชั้นสูงบทใหม่ของ Boucheron

ในปีนี้ Boucheron ยังคงสำรวจความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติผ่านงานจิวเวลรีชั้นสูงที่เต็มไปด้วยชั้นเชิงของความคิด ในปีนี้ Boucheron เริ่มต้นด้วยการเผยคอลเล็กชั่น 'Histoire de Style: Untamed Nature' ซึ่งถ่ายทอดวิสัยทัศน์ของ Frédéric Boucheron ที่มีต่อธรรมชาติในฐานะแหล่งแรงบันดาลใจชั่วนิรันดร์ ต่อเนื่องสู่คอลเล็กชั่น Carte Blanche ประจำปีนี้ ที่ Claire Choisne ผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์ของเมซง เลือกแสดงมุมมองส่วนตัวผ่านเซ็ตผลงานในชื่อ "Impermanence" ซึ่งพัฒนาแนวคิดมาจากชิ้นงาน 'Eternal Flowers' ในปี 2018 โดยคราวนี้เธอมุ่งถ่ายทอดความงามของธรรมชาติที่เปราะบางและแปรเปลี่ยน ผ่านเครื่องประดับที่ชวนให้หยุดเพื่อสังเกต เข้าใจ และชื่นชมความไม่จีรังในแบบที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น

แรงบันดาลใจหลักของจิวเวลรีคอลเล็กชั่น 'Impermanence' นั้นมาจากศิลปะการจัดดอกไม้แบบอิเคบานะและปรัชญาวาบิซาบิของญี่ปุ่น ซึ่งเชิดชูความงามของสิ่งไม่สมบูรณ์ ความไม่ถาวร และการเปลี่ยนผ่านตามธรรมชาติ คอลเล็กชั่นนี้ถ่ายทอดออกมาเป็นองค์ประกอบพฤกษา 6 แบบ ที่ดูราวกับถูกหยุดไว้ในห้วงเวลา ทุกชิ้นถูกร้อยเรียงด้วยธีมเรื่อง 'แสง' ที่เปรียบเสมือนตัวแทนของวัฏจักรชีวิต จากความเจิดจ้าสู่ความมืดมิด ภายในประกอบด้วยผลงานจิวเวลรีชั้นสูงกว่า 28 ชิ้น ที่ต้องอาศัยเวลารังสรรค์รวมกว่า 18,000 ชั่วโมง เป็นอีกครั้งที่เมซงเดินหน้าเปิดมุมมองใหม่ให้โลกเครื่องประดับ ไม่เพียงแค่ในแง่ของรูปทรง แต่ยังรวมถึงวิธีคิด เทคนิค และวัสดุที่กล้าท้าทายรูปแบบเดิมๆ

1 / 3

Composition n°6

Composition N°6
ดอกทิวลิป กิ่งยูคาลิปตัส และแมลงปอถูกรังสรรค์ขึ้นจากแก้วบอโรซิลิเกตและแก้วแซปไฟร์พร้อมเพชรและทองคำขาว จัดวางอย่างสงบงามในแจกันโปร่งแสงที่เผยให้เห็นเส้นสายพรรณพืชราวกับหยุดนิ่งในห้วงเวลา รายละเอียดของแมลงปอบางเฉียบจนแทบไร้น้ำหนัก ขณะที่ตัวดอกไม้สามารถถอดแปลงเป็นเครื่องประดับได้หลากรูปแบบ รวมถึงเข็มกลัดและเครื่องประดับผม ผลงานนี้ใช้เวลากว่า 1,860 ชั่วโมงในการรังสรรค์

1 / 3

Composition N°5

Composition N°5
ดอกทิสเซิลสองดอกชูช่ออย่างองอาจเคียงคู่ด้วงแรดที่ซุกซ่อนอยู่ใกล้ฐาน แจกันคอมโพสิตรองรับดอกไม้ซึ่งประดับเพชรด้วยเทคนิคกูตูร์ เซตติ้งบนวัสดุพิมพ์สามมิติจากเรซินธรรมชาติ ถือเป็นครั้งแรกในวงการที่นำมาใช้ในจิวเวลรีชั้นสูง เครื่องประดับทุกชิ้นสามารถถอดออกและสวมใส่ได้ ไม่ว่าจะเป็นเข็มกลัด แหวน หรือสายสะพาย ผลงานชิ้นนี้ต้องอาศัยช่างฝีมือมากกว่า 2,880 ชั่วโมง

1 / 4

Composition N°4

Composition N°4
ดอกไซคลาเมน รวงข้าวโอ๊ต หนอนผีเสื้อ และผีเสื้อถูกร้อยเรียงในบรรยากาศเปี่ยมชีวิตชีวาราวกับลอยค้างกลางสายลม แจกันทองคำขาวฝังเพชรทั้งใบรองรับชิ้นงานที่ผสานวัสดุหรูหราอย่างคริสตัลธรรมชาติ แลกเกอร์สีดำ และไทเทเนียม แมลงทั้งสองสามารถแยกออกเป็นเข็มกลัดหรือเครื่องประดับผม ขณะที่ดอกไม้และรวงข้าวออกแบบให้แปลงโฉมเป็นกำไลหรือเข็มกลัดได้เช่นกัน ชิ้นงานนี้ใช้เวลาในการสร้างกว่า 4,279 ชั่วโมง

1 / 4

Composition N°3

Composition N°3
ดอกไอริส วิสทีเรีย และด้วงกวางสื่อถึงสมดุลของสีดำและประกายเพชรในชิ้นงานที่ลอยอยู่ในอากาศอย่างไร้น้ำหนัก แจกันทำจากอลูมิเนียมและไทเทเนียมฝังสปิเนลสีดำ ส่วนดอกไม้ใช้เทคนิคพิเศษในการฝังเพชรลงบนวัสดุน้ำหนักเบาอย่างเซรามิกและเรซิน ชิ้นส่วนกว่า 100 ชิ้นถูกประกอบด้วยมืออย่างประณีตเพื่อสร้างโครงสร้างที่เบาและแข็งแรงในเวลาเดียวกัน ทั้งสามองค์ประกอบสามารถถอดออกมาใช้เป็นเครื่องประดับแบบมัลติแวร์ได้ โดยใช้เวลากว่า 4,685 ชั่วโมง

1 / 3

Composition N°2

Composition N°2
กิ่งแมกโนเลียและตั๊กแตนกิ่งไม้ถูกนำเสนอในบรรยากาศเงียบงามของแสงและเงา แจกันสีดำแมตต์รองรับกิ่งไม้อลูมิเนียมที่ถูกสแกนจากต้นไม้จริง ก่อนนำมาประดับเพชรบนพื้นผิวโลหะและเคลือบด้วยโรเดียมและเซรามิกสีดำ ตั๊กแตนทองคำขาวเคลือบโรเดียมตกแต่งด้วยเพชรและดีไซน์ขาเรียวเล็กอย่างประณีต เครื่องประดับสามารถถอดแยกเป็นสร้อยคอ เข็มกลัด หรือที่คาดผมได้ ใช้เวลารังสรรค์กว่า 2,800 ชั่วโมง

1 / 5

Composition N°1

Composition N°1
ปิดท้ายคอลเล็กชั่นสุดท้ายด้วยดอกป๊อปปี้ ดอกสวีตพี และผีเสื้อโบยบินในบรรยากาศของความมืดมิดราวบทกวีของสีดำ กลีบดอกป๊อปปี้เคลือบ Vantablack วัสดุที่ดูดซับแสงได้เกือบสมบูรณ์ สร้างภาพลวงตาราวกับไร้ตัวตน สวีตพีทำจากออนิกซ์ แก้วอเวนจูรีน และไทเทเนียมแกะสลัก ส่วนผีเสื้อโปร่งแสงทำจากกระจกพิเศษที่ตัดเงาด้วยความประณีต ทั้งหมดจัดวางบนแจกันทรายดำพิมพ์สามมิติ ชิ้นงานนี้ใช้เวลาสร้างกว่า 2,004 ชั่วโมง และสามารถถอดแปลงเป็นเครื่องประดับได้อย่างหลากหลายสไตล์

(สามารถอ่านเรื่อง Boucheron เมซงเครื่องประดับชั้นสูงจากฝรั่งเศส เปิดบูติกแห่งแรกในประเทศไทย! ได้ที่นี่)