“เขียวเหนี่ยวทรัพย์” วลีสุดฮิตของชาวมูเตลูที่คุ้นหูกันเป็นอย่างดี แต่เคยสงสัยไหมว่าทำไมสีมงคลในด้านการเงินและทรัพย์สินเงินทองถึงเป็น “สีเขียว” ไม่ใช่สีแดงหรือสีทองตามที่เราพบเห็นกันในวันตรุษจีน หรือที่ผ่านมาเราเข้าใจผิดกันมาตลอด วันนี้โว้กจะพาไปเจาะลึกที่มาของความเชื่อด้านโชคลางเรื่องเขียวเหนี่ยวทรัพย์ พร้อมทำความเข้าใจว่าทำไมสีเขียวถึงนำโชคด้านการเงิน

     ในความเชื่อของชาวจีนนั้นมีสีมงคลหลักอยู่ 3 สี ได้แก่ สีแดง สีเหลือง และสีเขียว ซึ่งสาเหตุที่ “สีเขียว” ได้ขึ้นแท่นสีมงคลหลักก็เพราะสีเขียวคือต้นกำเนิดของคำว่า “เงินทองไหลมาเทมา” (ในภาษาจีน) และยังมีความหมายถึงความอุดมสมบูรณ์ ความร่มเย็นเป็นสุข และความรุ่งเรือง ซึ่งสอดคล้องกับหลักฮวงจุ้ยที่เชื่อว่าสีเขียวคือสัญลักษณ์แทนธาตุไม้ สื่อถึงความเจริญเติบโตและงอกงาม การเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ดังเช่นต้นไม้ที่เติบใหญ่และให้ร่มเงา นำความรุ่งเรืองและสดใสมาให้รอบทิศทาง

     บวกกับความเชื่อที่ว่าสีเขียวนั้นได้รับอิทธิพลจากดาวพุธ ซึ่งช่วยให้เหนี่ยวทรัพย์ไว้กับตัว ช่วยให้มีสภาพคล่องทางการเงิน ดังนั้นเราจะเห็นว่าสีเขียวได้กลายเป็นสีมงคลด้านการค้าขายและการทำธุรกิจ หลายๆ ธุรกิจมีการนำสีเขียวมาตกแต่งร้านของตนเอง ตั้งแต่สีของตัวตึกด้านนอกไปจนถึงสีของเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ เลยทีเดียว

     หากเรามองในเชิงจิตวิทยา เมื่อเรามองดูสีเขียวจะทำให้เรารู้สึกสงบ ผ่อนคลาย ช่วยบำบัดความเครียด คลายความวิตกกังวลและความเหนื่อยล้า อีกทั้งยังช่วยให้ระบบประสาทและสายตาได้ผ่อนคลาย รวมถึงเสริมสร้างสมาธิ ดังนั้นเมื่อจิตใจสงบและเกิดสมาธิเราก็จะสามารถรับมือกับปัญหาและอุปสรรคที่กำลังเผชิญได้ดี เมื่อเรื่องที่ทำให้ติดขัดคลี่คลายก็จะส่งผลให้ธุรกิจดำเนินไปได้ด้วยดีตามมา นอกจากนี้สีเขียวยังช่วยด้านกำลังใจ ให้ความหวังว่าเราจะผ่านอุปสรรคต่างๆ ไปได้ เพราะสีเขียวคือสัญลักษณ์สากลของคำว่า “ผ่าน” หรือ “ไปได้” นั่นเอง (นึกภาพไฟเขียวที่หมายถึงการผ่านไปได้)

     และไม่เพียงแค่ความเชื่อเรื่องโชคลางเท่านั้น สีเขียวยังเป็นสีที่กำลังกลับมาโลดแล่นบนโลกแฟชั่นในช่วงฤดูกาลนี้ด้วย เมื่อ Chanel หยิบ “สีเขียว” มานำเสนอในคอลเล็กชั่นโอตกูตูร์ ประจำฤดูใบไม้ร่วง/ฤดูหนาว 2022/23 ของแบรนด์ ดังนั้นสาวแฟ (ชั่น) สายมูจะพลาดไอเท็มสีเขียวไปได้อย่างไร