แมตช์เสื้อผ้าได้ไม่มีเบื่อ ด้วยเทคนิค ‘การจับคู่สี’ ที่ทำตามได้ไม่ยาก
สำหรับสาวสายแฟ (ชั่น) ที่มาถึงทางตันในการสไตลิ่งลุค หรือหาทางครีเอตลุคแปลกใหม่ที่ไม่จำเจ เทคนิค ‘การจับคู่สี’ ช่วยคุณได้
การมิกซ์แอนด์แมตช์เครื่องแต่งกายนั้นถือเป็นศาสตร์แขนงหนึ่งที่มีเทคนิคหลากหลายตามสไตล์ของแต่ละคน แต่เทคนิค ‘การจับคู่สี’ ที่เป็นหัวใจของวงการกราฟิกนั้นกลับไม่ค่อยถูกนำมาใช้งานกับเสื้อผ้าเท่าไหร่นัก ซึ่งในความเป็นจริงเทคนิคนี้จะช่วยให้เราสไตลิ่งลุคได้หลากหลายและมีความน่าสนใจมากขึ้น อีกทั้งยังเพิ่มความสนุกสนานในการเล่นกับสีสันที่โดดเด่นไม่เหมือนใครด้วย
เทคนิคการจับคู่สีจำเป็นต้องอาศัยพื้นฐานเรื่องวงล้อสีเข้ามาเป็นตัวช่วย เพราะเทคนิคนี้เป็นการอ้างอิงจากวงล้อสีทั้งสิ้น ทั้งเรื่องของสีตรงข้ามและสีข้างเคียง
1. โมโนโทน (Monotone)
เริ่มต้นง่ายๆ สำหรับมือใหม่ที่รู้สึกว่าการเลือกไอเท็มหลากหลายสีสันนั้นมีความยาก ก็สามารถครีเอตลุคชิคๆ ได้ด้วยการเลือกเลือกใช้เทคนิคจับคู่สีโมโนโทน โดยเลือกไอเท็มทุกชิ้นเป็นสีเดียวกัน (หรือสีล้วน) เทคนิคนี้สามารถทำได้ง่ายมากๆ แม้เป็นมือใหม่ และรับประกันว่าไม่มีทางผิดพลาดแน่นอน ซึ่งทั้งลุค All Black และ All White ก็จัดอยู่ในเทคนิคนี้
WATCH
นอกจากนี้ยังสามารถเพิ่มลูกเล่นให้เทคนิคการจับคู่สีโมโนโทนได้ด้วยการเลือกไอเท็มสีเดียวกันแต่มีความเข้ม-อ่อนลดหลั่นกันไป ช่วยให้โทนของลุคไปในทิศทางเดียวกัน ดูสบายตา ไม่ซับซ้อน แต่ก็ยังมีมิติและน่าสนใจแม้จะใช้เพียงสีเดียวก็ตาม นอกจากนี้ยังเป็นเทคนิคที่สามารถทำตามได้ง่ายไม่แพ้ลุคสีล้วนอีกด้วย
2. สีใกล้เคียง (Harmony)
เทคนิคการจับคู่สีใกล้เคียงคือการเลือกสีที่อยู่ข้างกันในวงล้อสีมาไว้ด้วยกัน ซึ่งสีที่อยู่ใกล้กันจะมีความเข้ากันได้สูง ทำให้รู้สึกสบายตา แต่ในขณะเดียวกันก็มีความหลากหลายขึ้นกว่าเทคนิคโมโนโทน โดยปกติมักจะเลือกให้สีใดสีหนึ่งมีความเด่นและใช้อีกสองสีเป็นส่วนซัพพอร์ตทำให้ลุคน่าสนใจมากยิ่งขึ้น
3. สีตรงข้าม (Contrast)
แม้จะใช้สีเพียงสองสีก็สามารถสร้างลุคที่น่าสนใจและสะดุดตาได้ด้วยการใช้เทคนิคการจับคู่สีตรงข้าม เทคนิคนี้เป็นการหยิบสองสีที่อยู่ตรงข้ามกันในวงล้อสีมาสไตลิ่งลุค ในกรณีที่ใช้สีสดทั้งสองสีจะช่วยเพิ่มความจัดจ้านให้กับสไตล์การแต่งตัวและช่วยกระตุ้นอารมณ์ของผู้พบเห็นได้เป็นอย่างดี (เช่น คู่สีม่วงสดและสีเหลืองสด) ส่วนการใช้สีในโทนที่หม่นลงมาจะลดความจัดจ้านลงแต่สบายตามากขึ้น
ลุคที่ 45 จากรันเวย์ Gucci Love Parade
4. สีตรงข้ามแบบเยื้องกัน (Split Complementary)
เทคนิคการจับคู่สีตรงข้ามแบบเยื้องกันคือการเพิ่มลูกเล่นจากการจับคู่สีตรงข้าม โดยเลือกสีตรงข้ามมาหนึ่งคู่ แต่แทนที่จะใช้ทั้งสองสีนั้น กลับเลือกใช้เพียงสีใดสีหนึ่งและเลือกอีกสองสีที่อยู่ข้างๆ สีคู่ตรงข้ามมาใช้งานแทน (รวมเป็นสามสี) เทคนิคนี้จะช่วยลดความจัดจ้านลงแต่ก็ยังมีความน่าสนใจ (เพราะยังมีความตัดกันของสีอยู่) และได้สีสันที่หลากหลายทำให้ลุคดูสนุกมากยิ่งขึ้น
นอกจากเทคนิคทั้งหมดนี้ ยังมีเทคนิคการใช้สีเอิร์ธโทนที่จะช่วยให้การแต่งตัวของสาวๆ มีความสนุกและมีสไตล์หลากหลายมากยิ่งขึ้น และต่อจากนี้การสไตลิ่งลุคในแต่ละวันจะไม่จำเจอีกต่อไป
WATCH