ช่างภาพ: ธาเกียรติ ศรีวุฒิชาญ

สไตลิสต์: สลาลี สมบัติมี

ผู้ช่วยสไตลิสต์: ฐนวัฒน์ นิติธนัยวงศ์

นางแบบ: ศดานันท์ บาเล็นซิเอก้า

ช่างหน้า: ชนะจิต เดชาสถิตย์วงศ์

ช่างผม: อัครชัย ดีดพิณ

เสื้อผ้า: Sportmax, Alexander McQueen, Valentino และ Bottega Veneta 

กราฟิก: บพิตร วิเศษน้อย

เรื่องและสัมภาษณ์: ธนภพ ณ ตะกั่วทุ่ง

ในนาทีคงไม่มีใครไม่รู้จัก ‘มารีน่า-ศดานันท์ บาเล็นซิเอก้า’ นักแสดงหญิงเจ้าบทบาทที่ได้เก็บสะสมชั่วโมงบินด้านการแสดงมาเป็นเวลานานกว่า 12 ปี ก่อนจะมาเริ่มจับไมค์ร้องเพลงเป็นศิลปินอย่างจริงจังในช่วงหลายปีที่ผ่านมา กับเพลงฮิตอย่าง ‘ไม่มีเหตุผล’ ไปจนถึงผลงานเพลงล่าสุด ‘ชั่วคราวตลอดไป’ และไม่หยุดเพียงเท่านั้น เธอคนนี้ในวัย 27 ปี ยังได้ก้าวเข้าสู่อุตสาหกรรมแฟชั่นแบบเต็มตัวด้วยความมั่นใจเกินร้อย พร้อมเซอร์ไพรส์แฟนๆ ด้วยลุคหลากหลายสไตล์ให้ได้ชมบนโซเชียลมีเดียตลอดเวลา ครั้งนี้มารีน่าจะมาเผยตัวตนที่แท้จริง รวมถึงวิธีการจัดการชีวิตในบทบาทหน้าที่ต่างๆ ให้มีความสมดุลและมั่นคง

มารีน่าสวมนาฬิกาออโตเมติกรุ่น Ladybird Colors Phases de Luna ตัวเรือนทองคำขาว ขอบหน้าปัดประดับเพชร หน้าปัดเปลือกหอยมุก สายหนังจระเข้สีน้ำเงิน จาก Blancpain

ถึงแม้ผู้หญิงคนนี้จะรับบทบาทและหน้าที่อันหลากหลายในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นนักแสดง ศิลปิน หรือนางแบบ มารีน่าก็สามารถแยกแยะขอบเขตและนิยามคาแร็กเตอร์ต่างๆ ที่เธอสวมบทบาทในขณะทำงานในแต่ละอาชีพได้อย่างชัดเจน โดยเธอได้กล่าวว่า “สำหรับการเป็นนักแสดง มารีน่าต้องสลัดความเป็นตัวเองออกไปทั้งหมดเลยค่ะ เพราะมันถูกสร้างไว้หมดแล้ว เราแค่ต้องสวมจิตวิญญาณของตัวละครด้วยการทำการบ้าน อ่านบท และเข้าใจตัวละคร ในขณะที่การเป็นศิลปินมารีน่าต้องดึงทุกอย่างที่เป็นตัวเองออกมาจากข้างในเพื่อจะสร้างคาแร็กเตอร์ที่ชัดเจนให้คนได้สัมผัสผ่านเนื้อเพลง ซึ่งก็มาจากประสบการณ์ส่วนตัวของเราค่ะ ส่วนแฟชั่นเป็นอะไรที่สนุกมาก มันคือการผสมผสานทั้งสองศาสตร์เข้าด้วยกัน เพราะแต่ละแบรนด์จะมีคาแร็กเตอร์ที่เป็นเอกลักษณ์ เราก็เอาลุคต่างๆ มาคัฟเวอร์และถ่ายทอดผ่านความอาร์ตในแบบฉบับของเรา”

ถ้าเลื่อนดูภาพบนหน้าไทม์ไลน์อินสตาแกรมของเธอ จะเห็นได้ว่าในทุกรูปของมารีน่านั้นเต็มไปด้วยความมั่นใจในทุกลุคแฟชั่น แต่เมื่อได้มีโอกาสพบเจอและร่วมงานด้วย หลายคนจะรู้สึกว่าเธอนั้นเป็นคนขี้อายและตลกขบขันต่างกับภาพลักษณ์บนโซเชียลมีเดีย เธอได้อธิบายในความต่างนี้ว่า “คนที่เจอมารีน่าจะพูดเหมือนกันหมดว่าเขาไม่ได้คาดว่าเราจะเป็นคนชิลและขี้เล่น ส่วนความมั่นใจและความสตรองที่แสดงออกมามันคือการสวมคาแร็กเตอร์ส่วนหนึ่งให้งานสายแฟชั่นของเราให้ดูชัดเจนขึ้น ซึ่งที่จริงแล้วเราเป็นคนขี้เกรงใจคนมาก” พร้อมเผยถึงเคล็ดลับความมั่นใจในสองรูปแบบได้อย่างละเอียดอ่อนว่า “เวลาเรารู้สึกมั่นใจแบบ Confident คือตอนที่ทีมแต่งหน้าทำผมให้เราเป็นเวอร์ชั่นที่ดีที่สุดสำหรับเวลาทำงาน แต่ความมั่นใจแบบ Secure เรารู้สึกถึงมันตลอดเวลาเพราะเรารู้จักตัวเองดีมาก โดยเฉพาะเวลาอยู่กับครอบครัวจะรู้สึกปลอดภัยขึ้นไปอีกค่ะ”

มารีน่าสวมนาฬิกาออโตเมติกรุ่น Fifty Fathoms Bathyscaphe ตัวเรือนสตีล หน้าปัดสีเทา สายผ้าแคนวาส จาก Blancpain

เมื่อถามหาและเจาะลึกไปถึงสาเหตุที่ทำให้มารีน่านั้นเป็นตัวเองและสามารถจัดการควบคุมความสมดุลให้กับชีวิตได้ เธอจึงขอมอบความดีความชอบทั้งหมดนี้ให้กับครอบครัวอย่างคุณแม่และพี่สาวนักแสดง ‘มาร์กี้-ราศรี บาเล็นซิเอก้า จิราธิวัฒน์’ พร้อมเล่าว่า “เราเป็นมารีน่าทุกวันนี้ได้เพราะการหล่อหลอมจากครอบครัวที่เตรียมพร้อมให้เรามาเจอสังคมใหม่ ทั้งด้านความรับผิดชอบและความกดดันที่เราเห็นแม่มีมาตั้งแต่สมัยทำงานเป็นนางแบบก่อนจะผันมาทำเบื้องหลังเป็นออแกไนซ์ รวมถึงเห็นการทำงานของพี่กี้ในกองถ่ายละคร เราจึงได้ซึมซับการแยกแยะระหว่างโลกแห่งความเป็นจริงและโลกบันเทิงว่ามันคนละอย่างกัน มันคือการทำงานไม่ใช่ไลฟ์สไตล์ และสุดท้ายแล้วงานชิ้นหนึ่งไม่สามารถออกมาได้ถ้าไม่มีทีมและแรงสนับสนุนที่ดี ถ้ามารีน่าไม่เข้าใจตั้งแต่แรกแสงสีเสียงอาจจะทำให้เราเปลี่ยนไปได้ แต่ถ้าเราอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริงได้ ทุกอย่างจะเป็นโบนัสและเราจะเอนจอยกับการทำงาน”

นอกจากนี้มารีน่ายังเผยอีกว่าต่อให้ ‘มาร์กี้’ จะมีครอบครัวแล้ว แต่ความสนิทในฐานะพี่น้องร่วมสายเลือดกลับเพิ่มขึ้นกว่าเดิม พร้อมพาย้อนวัยกลับไปสัมผัสเรื่องราวความอบอุ่นของทั้งคู่ “ตอนเราเด็กๆ พี่กี้จะไปทำงานทำให้เราห่างกันพักหนึ่ง แต่เมื่อมารีน่าเข้ามหาวิทยาลัยเขาจะสลัดความเป็นแม่และมาเป็นเพื่อนเรา (หัวเราะ) เพราะเราเริ่มเข้าใจระบบความคิดตอนเราโตเป็นผู้ใหญ่ และพออยู่วงการเดียวกัน เราจะแนะนำการทำงานและแสดงความห่วงใยกันมากกว่า ถึงแม้เขาจะมีครอบครัวแล้ว เรายิ่งสนิทขึ้นไปอีกและก็ติดหลานๆ ด้วยค่ะ”

มารีน่าสวมนาฬิกาออโตเมติกรุ่น Fifty Fathoms Bathyscaphe ตัวเรือนสตีล หน้าปัดสีขาว สายผ้าแคนวาส จาก Blancpain

ซึ่งในช่วงเวลา 12 ปีที่ผ่านมาในอุตสาหกรรมบันเทิง แน่นอนว่าเส้นทางสายอาชีพและชีวิตส่วนตัวของเธอนั้นต้องผ่านการเปลี่ยนแปลงมากมาย พร้อมทั้งยังต้องเผชิญโจทย์และอุปสรรคที่ท้าทายตลอดเวลา เรื่องดีๆ ก็เยอะเรื่องเลวร้ายก็ไม่น้อย โว้กประเทศไทยจึงให้มารีน่าเปรียบเรื่องราวชีวิตของเธอเป็นภาพยนตร์หรือผลงานเพลงหนึ่งอัลบั้ม เธอตอบว่า “หลายคนอาจจะคิดว่าชีวิตเราน่าจะง่ายเพราะมีครอบครัวในวงการบันเทิง แต่ถ้าเราไม่สามารถทำงานได้ดี สุดท้ายก็ไม่มีใครอยากให้งานหรือผลักดันเราต่อจนถึงจุดที่เราหาตัวเองเจอ มันเลยเหมือนการเปลี่ยนผันจากเด็กคนหนึ่งมาเป็นผู้หญิงคนหนึ่งค่ะ ซึ่งมารีน่าว่าเปรียบได้กับผลงานอัลบั้ม 30 ของ Adele ค่ะ เหมือนเขาผ่านอะไรมาเยอะ ทั้งๆ ที่อายุก็ไม่ได้เยอะขนาดนั้น ต่อให้เจออะไรถาโถมเราก็ยังยืนอยู่ได้ แต่ถ้าเป็นภาพยนตร์คงเป็นเรื่อง Barbie มั้งคะ มันสื่อถึงความสวยงามของโลกแห่งความเป็นจริงเมื่อเราไม่ได้เป็นคนดัง และโลกแห่งวัตถุสวยงาม ซึ่งมันทำให้เราเข้าใจว่าในฐานะนักแสดงมีคนมองเราเป็นทั้งวัตถุและมองเราเป็นคนๆ หนึ่ง ซึ่งเราโอเคมากกับสิ่งนี้ เราเข้าใจมันเพราะเราเห็นคุณค่าของตัวเองจากข้างใน”

มารีน่าสวมนาฬิกาออโตเมติกรุ่น Quantième Phase de Luna ตัวเรือนทองคำชมพู หน้าปัดประดับเพชร สายหนังจระเข้สีขาว จาก Blancpain

และสุดท้ายเมื่อให้เธอส่งข้อความถึงแฟนๆ รวมถึงตัวเองในอนาคต มารีน่าได้กล่าวว่า “ตอนนี้กำลังทำโปรเจกต์เพลงจริงจังค่ะ เป็นอีพีอัลบั้มที่จะปล่อยออกมาทีละเพลงเป็นซิงเกิ้ลเร็วๆ นี้ค่ะ และสำหรับตัวเองในอนาคตอยากบอกว่าให้หายใจและมีสติต่อไป ซึ่งก่อนหน้านี้เราทำโปรเจกต์เสร็จ เราก็มองหาสิ่งต่อไปเลย ไมได้หยุดอยู่กับปัจจุบัน หลังจากนี้อยากนั่งนิ่งๆ และเรียนรู้ในสิ่งที่ได้ทำสำเร็จไป เพราะเราทำได้อยู่แล้ว” และข้อความเหล่านี้ถือเป็นการสะท้อนตัวตนอันสงบและชีวิตอันสมดุลของมารีน่าได้อย่างยอดเยี่ยม เพราะนอกจากเธอจะสามารถแยกแยะหน้าที่ รวมถึงเข้าใจความแตกต่างระหว่างโลกบันเทิงและชีวิตจริงในฐานะผู้หญิงคนหนึ่งแล้ว เธอยังเข้าใจความเป็นตัวเองได้อยากลึกซึ้ง จึงทำให้เธอสามารถก้าวไปสู่เส้นทางแห่งความสำเร็จด้วยความสมดุลได้อย่างแท้จริง