VOGUE MORE
VOGUE MORE | คุยเจาะลึกกับ 'พีพี-กฤษฏ์' ศิลปินผู้ท้าทายทุกขีดจำกัด ด้วยทักษะและความกล้า'พีพี-กฤษฏ์' แบรนด์แอมบาสเดอร์ระดับโลกของ BALENCIAGA บอกกับโว้กเอาไว้ว่า 'พีไม่ได้มองว่าแฟชั่นต้องเป็นแบบนี้แบบนั้น แต่ทุกวันพีอยากจะเลือกชุดที่ใส่แล้วมีความสุข ใส่แล้วได้เป็นตัวเอง แสดงออกถึงความเป็นตัวเองออกมาดีที่สุด' #VogueMore #PPKritxVogue |
ช่างภาพ: สุดเขต จิ้วพานิช
สไตลิ่ง: ศศิวิมล ศรีวิฑูรย์
นายแบบ: กฤษฏ์ อำนวยเดชกร
แต่งหน้า: วิศรุต จุลละศร
ทำผม: เริงฤทธิ์ อภิสิทธิ์วชิรเมธี
ผู้ช่วยสไตลิสต์: Bessie Yeung
----------------------------------------------------------------------------------------------
"พีพี-กฤษฏ์ อำนวยเดชกร" คือหนึ่งในชื่อของศิลปินชื่อดังที่กำลังเป็นที่จับตามองของวงการบันเทิงไทยและสากลในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ด้วยเสน่ห์อันเหลือล้น และสไตล์การแต่งตัวแบบเฉพาะตัว ที่ทำให้พีพีดูแตกต่างและโดดเด่นกว่าใคร กอปรกับทักษะทั้งด้านงานแสดงและการร้องเพลงที่ได้รับการยอมรับ เราจึงได้เห็นศิลปินคนนี้โลดแล่นอยู่ในวงการบันเทิง และไม่เคยหายไปจากกระแสนาน กระทั่งที่ผลงานของพีพียังได้สะดุดตากับแบรนด์แฟชั่นระดับตำนานอย่าง BALENCIAGA จนกระทั่งได้ร่วมงานกับแบรนด์ในระดับโลกหลายต่อหลายครั้ง ก่อนได้ขึ้นแท่นเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ระดับโลกของบาเลนเซียกาคนแรกจากประเทศไทย พร้อมลงสู่สนามแฟชั่นระดับโลกอย่างเต็มตัว และนั่นเองคือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมดที่โว้กได้มีโอกาสจับเข่าคุยกับเขาในวันนี้...
Vogue: อัปเดตผลงานกันหน่อย ตอนนี้มีผลงานอะไรบ้าง
PP: ตอนนี้มีซิงเกิลใหม่ชื่อ “เส้นเรื่องเดิม” ครับ จะมีทั้งหนังสั้นแล้วก็มิวสิกวิดีโอด้วย ตอนนี้ส่วนใหญ่จะเป็นช่วงของการทำเพลง มีบินไปร่วมมิวสิกเฟสติวัลหลายๆ งาน และร่วมดูโชว์ของ Balenciaga ด้วยครับ
V: รู้สึกอย่างไรที่ได้เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ Balenciaga และได้ไปดูโชว์ที่ต่างประเทศ
PP: ดีใจและเป็นเกียรติมากที่ได้ร่วมงานกับบาเลนเซียกา พีรู้สึกว่าบาเลนเซียกามีความยูนีก มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และสามารถนำมาแมตช์กับอะไรหลายๆ อย่างที่เป็นตัวตนของพีได้ครับ ทุกครั้งที่แวะเวียนไปบูติกของบาเลนเซียกาก็จะได้เจออะไรที่แปลกใหม่เหนือความคาดหมายตลอด พอบาเลนเซียกาติดต่อมาก็ยอมรับว่าตอนแรกรู้สึกกดดันว่าจะทำหน้าที่ตรงนี้ได้ดีไหม แต่ก็ตั้งใจว่าจะพยายามทำให้ดีที่สุด และจะพยายามครีเอตสิ่งต่างๆ ให้น่าประทับใจมากที่สุด ส่วนโชว์ก่อนหน้านี้มีโอกาสได้ไปดูมาทั้งหมด 2 โชว์ คือคอลเล็กชั่นฤดูร้อน 2023 และคอลเล็กชั่นกูตูร์ซึ่งพีประทับใจมาก ส่วนปลายปีนี้ก็จะไปดูโชว์คอลเล็กชั่นฤดูร้อน 2024 ครับ
WATCH
V: มีการเตรียมตัวอย่างไรก่อนไปร่วมชมโชว์กูตูร์
PP: ก็มีการทำการบ้าน เลือกลุค สุดท้ายก็มาจบที่คอร์เซ็ตกับเสื้อเชิ้ตเรียบๆ ทีมพยายามจะดูคอนเซปต์ของงานว่าควรแต่งตัวแบบไหน ควรเลือกเมกอัปและทำผมอย่างไร แล้วก็ต้องไปดูหน้างานก่อนด้วยครับ เพราะแสงต่างจากเมืองไทย ก็ต้องมาประเมินเรื่องเมกอัปกันอีกทีเพื่อให้ออกมาดีที่สุด ก็ใช้เวลาเตรียมตัวประมาณ 1-2 เดือนครับ
V: ประสบการณ์จากการไปดูโชว์ของบาเลนเซียกาเป็นอย่างไรบ้าง
PP: รู้สึกตื่นเต้นทุกครั้งที่ไปเลยครับ เพราะจริงๆ เราไม่รู้เลยว่ามีอะไรรอเราอยู่ในโชว์แต่ละโชว์ ซึ่งทุกครั้งที่ได้ดูโชว์ทำให้พีรู้สึกว่าบาเลนเซียกาสามารถก้าวไปข้างหน้าได้อีก เพราะเราได้ประสบการณ์ใหม่ๆ เพิ่มขึ้นทุกรอบเลยครับ ที่สำคัญทีมบาเลนเซียกาดูแลพีดีมากๆ ในทุกครั้งที่ได้เจอกันครับ
V: เล่าถึงบรรยากาศตอนไปชมโชว์กูตูร์หน่อย มีเรื่องน่าสนุกหรือน่าตื่นเต้นไหม
PP: นี่เป็นโชว์กูตูร์ครั้งแรกของพี ซึ่งไม่ได้คาดหวังว่าแฟนๆ จะไปรอหน้างาน การได้ไปเจอแฟนๆ ไกลถึงยุโรปทำให้รู้สึกว่านี่คือแรงบันดาลใจและกำลังใจของพี เหมือนสิ่งที่พีทำอยู่ก้าวข้ามกรอบทางวัฒนธรรมหรือภาษาไปแล้วเลยรู้สึกดีใจมากๆ ครับ ส่วนบรรยากาศในโชว์พีรู้สึกว่ามันเป็นอีกรูปแบบหนึ่งที่พีไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน ในโชว์มีหลายลุคมากที่ดูเรียบง่ายแต่พอมองลึกลงไปกลับมีทั้งดีเทลและเทคนิคที่น่าทึ่ง อย่างงานเพนต์หรืองานปัก เทคนิคเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความครีเอทีฟ ความใส่ใจ และแพสชั่นที่ดีไซเนอร์มีต่อผลงานนั้นๆ ได้ดีมากๆ ทำให้มุมมองการแต่งตัวของพีเปลี่ยนไป สำหรับพีตอนนี้...การแต่งตัวไม่จำเป็นต้องใช้ไอเท็มที่ตะโกนหรือทำอะไรที่ดูจัดจ้านมากๆ แต่เป็นการใช้ดีเทลทำให้งานที่ดูเรียบๆ มีคุณค่ามากกว่าแค่คำว่าเสื้อผ้า
V: ประทับใจอะไรบ้างในการเดินทางครั้งนี้
PP: ประทับใจบรรยากาศของปารีสแฟชั่นวีคครับ การที่ทุกคนแต่งตัวน่าสนใจหรือการได้พบเจอผู้คน มันมีพลังอะไรบางอย่างที่ทำให้รู้สึกว่าเมืองนี้เหมาะกับการเป็นเมืองแห่งแฟชั่นจริงๆ และการได้ซึมซับบรรยากาศตรงนั้นก็สร้างแรงบันดาลใจอะไรหลายๆ อย่างด้วยครับ
V: ชอบอะไรในความเป็นบาเลนเซียกา
PP: ความแปลกใหม่และดีเทลหรือคอนเซปต์ต่างๆ ที่อยู่ในงานของบาเลนเซียกา ทุกครั้งพีจะรู้สึกว่ามันใหม่ตลอดและมันมีลูกเล่นเฉพาะตัวที่โดดเด่น พีรู้สึกว่าดีเทลที่อยู่ในเนื้อผ้าและงานดีไซน์มีความยูนีก เทคนิคต่างๆ ที่ใช้ก็มีเรื่องราวในตัวเองหมดเลย
V: ส่วนไหนของบาเลนเซียกาที่เชื่อมโยงกับตัวตนของพีพี
PP: พีว่ามันเชื่อมโยงหมดเลยครับ เพราะส่วนตัวพีมองว่าการแต่งตัวคือความสนุก ความมั่นใจ ในแนวทางที่เราอยากพรีเซนต์ตัวเองออกไปในแต่ละวัน ซึ่งพีรู้สึกว่าบาเลนเซียกาตอบโจทย์ตรงนี้ เพราะให้ทั้งความสนุกและดีเทลที่ละเอียดมากๆ ทำให้พีได้มีความเป็นตัวเองอยู่ในความเป็นบาเลนเซียกา
V: แฟชั่นคืออะไรในมุมมองของพีพี
PP: แฟชั่นคือการแสดงออกถึงความเป็นตัวตนของเราครับ พีไม่ได้มองว่าแฟชั่นต้องเป็นแบบนี้แบบนั้น แต่ทุกวันพีอยากจะเลือกชุดที่ใส่แล้วมีความสุข ใส่แล้วได้เป็นตัวเอง แสดงออกถึงความเป็นตัวเองออกมาดีที่สุด
V: สไตล์ส่วนตัวของพีพีเป็นอย่างไร และอะไรเป็นซิกเนเจอร์ที่เห็นแล้วต้องนึกถึงพีพี
PP: ปกติถ้าไม่ได้ทำงานพีจะใส่กางเกงคาร์โกหรือ Sweatpants ง่ายๆ แมตช์กับเสื้อยืดครับ พีจะเน้นเรื่องแอ็กเซสเซอรี่มากกว่า อย่างสร้อย ตุ้มหู หรือนาฬิกา แต่ถ้าวันที่ต้องทำงานก็ดูตามความเหมาะสมว่างานที่ทำต้องการพรีเซนต์อะไร ไม่ได้ตายตัวว่าสไตล์พีต้องเป็นแบบนี้เท่านั้นนะ ส่วนไอเท็มซิกเนเจอร์จะเป็นเสื้อซีทรูกับซิลูเอตแบบคอร์เซ็ตครับ
V: Must-Have Item ประจำตู้ที่พีพีขาดไม่ได้
PP: ส่วนใหญ่จะเป็นแอ็กเซสเซอรี่ พวกโชกเกอร์ สร้อยคอครับ
V: ขอ 3 คำที่บ่งบอกถึงสไตล์ของตัวเอง
PP: Modern, Simple แล้วก็ Detail ครับ
V: มีอะไรอยากฝากถึงแฟนๆ กับผู้อ่านไหม
PP: ขอบคุณแฟนๆ ที่ซัปพอร์ตในงานต่างๆ ทั้งงานเพลง การแสดง แล้วก็แฟชั่น ขอบคุณที่คอยเป็นกำลังใจและเป็นแรงบันดาลใจให้ตลอด ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้พีพัฒนาไปข้างหน้าเรื่อยๆ ไม่หยุดอยู่กับที่ พีรู้สึกขอบคุณมากครับ สำหรับผู้อ่านโว้ก อยากให้ทุกคนมีความสุขกับการแต่งตัว อยากให้ลองโฟกัสที่ความเป็นตัวเราในแบบที่เรามั่นใจที่สุด และไปทางนั้นให้ไกลที่สุดเท่าที่จะไปได้ครับ
WATCH