VOGUE MORE

#VOGUEMORE “เบ็คกี้-เจมีไนน์” กับแฟชั่นคลาสสิกเหนือกาลเวลาผสานความร่วมสมัยผ่านคนรุ่นใหม่

เบ็คกี้-รีเบคก้า แพทรีเซีย อาร์มสตรอง และ เจมีไนน์-นรวิชญ์ ฐิติเจริญรักษ์ สร้างมิติความงดงามด้วยอัตลักษณ์ของคนรุ่นใหม่ผ่านสไตล์อันคลาสสิกของแบรนด์ Polo Ralph Lauren

นายแบบและนางแบบ: เบคก้า แพทรีเซีย อาร์มสตรอง, นรวิชญ์ ฐิติเจริญรักษ์
แฟชั่นไดเร็กเตอร์: จงกล พลาฤทธิ์
ช่างภาพ: สุดเขต จิ้วพานิช
แต่งหน้า(เบ็คกี้): @minddmakeup
ทำผม(เบ็คกี้): วงค์วรัชญ์ พรุเพชรแก้ว
แต่งหน้า(เจมีไนน์): สุธิพัฒน์ ปิ่นฉ่ำ
ทำผม:(เจมีไนน์): ก้องเกียรติ กริสกรี
สถานที่: Soho House Bangkok

การบอกเล่าเรื่องราวของแฟชั่นที่เดินทางผ่านกาลเวลาแต่ยังคงรักษาเอกลักษณ์ความคลาสสิกไว้คือสิ่งที่สะท้อนความไอคอนิกและเป็นอมตะเหนือกาลเวลา หรือที่คุ้นหูกับคำศัพท์ว่า “Timeless” วิถีแฟชั่นแบบอเมริกันจากหลายทศวรรษก่อนยังคงสร้างมิติความงดงามเชิงศิลป์ประกอบกับการสะท้อนรากฐานวัฒนธรรมและการถ่ายทอดมนต์เสน่ห์ผ่านเรื่องราวทั้งเก่าและใหม่สอดผสานกันได้อย่างลงตัว ใน #VOGUEMORE ครั้งนี้โว้กประเทศไทยก็พร้อมนำเสนอแฟชั่นจาก Polo Ralph Lauren กับวิถีแฟชั่นอันเป็นอมตะเหนือกาลเวลาและสามารถเชื่อมโยงกับยุคสมัยได้อย่างเฉียบคม

การเริ่มต้นตีความพร้อมนำเสนอคอลเล็กชั่นของทั้งผู้หญิงและผู้ชายจากแบรนด์โปโล ราล์ฟ ลอเรนคือการฉายภาพสะท้อนความคลาสสิกไปพร้อมกับการค้นหาวิธีการสร้างแง่มุมใหม่ๆ ผ่านตัวตนของผู้สวมใส่ที่ผลัดเปลี่ยนไปตามยุคตามสมัย แม้องค์ประกอบแฟชั่นสำคัญจะยังคงเดิม แต่การคงอยู่ซึ่งความดั้งเดิมคือกุญแจสำคัญที่ทำให้มันคลาสสิกเหนือกาลเวลา และครั้งนี้กับการนำเสนอแฟชั่นผ่าน “เบ็คกี้-รีเบคก้า แพทรีเซีย อาร์มสตรอง” และ “เจมีไนน์-นรวิชญ์ ฐิติเจริญรักษ์” คือการตอกย้ำว่าแฟชั่นไอคอนิกที่ล่องผ่านกาลเวลาและถูกตีความเล่าเรื่องด้วยรากฐานอันมั่นคงสามารถเชื่อมโยงกับคนรุ่นใหม่ได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยเช่นกัน

เรื่องราวสำคัญประการแรกคงต้องยกให้กับการนำเสนอและตีความ “Hemingway” ราชานักประพันธ์ชาวอเมริกันผู้วางรากฐานเชิงแฟชั่นไว้ได้อย่างมีนัยสำคัญ เขาไม่เพียงแต่รังสรรค์ผลงานวรรณกรรมชั้นยอดเท่านั้น แต่ยังสร้างรูปแบบแฟชั่นอันเชื่อมโยงประสานกับวิถีชีวิต วัฒนธรรม และรสนิยม รวมถึงการสร้างเอกลักษณ์ที่สอดคล้องกับแนวทางของโปโล ราล์ฟ ลอเรนอย่างไรอย่างนั้น ซึ่งการตีความในคอลเล็กชั่นก่อนฤดูใบไม้ร่วง 2024 ของแบรนด์สะท้อนผ่านเสื้อผ้าสมบุกสมบัน งานเดนิม เสื้อเชิ้ต และนิตแวร์ สามารถสะท้อนภาพของรูปแบบการใช้ชีวิตผ่อนคลายริมชายหาดและชีวิตในเมืองได้อย่างดี ซึ่งเจมีไนน์ก็ถ่ายทอดรูปแบบเหล่านี้ผ่านแฟชั่นเซ็ตที่คลุกเคล้าระหว่างความดิบตะลุยและความสง่างามที่พอเหมาะพอดี

นอกจากนี้หัวใจสำคัญของวิถีความคลาสสิกคือความง่ายดายในการสวมใส่ สามารถมิกซ์แอนด์แมตช์สร้างสไตล์ได้อย่างชัดเจน ดังนั้นสำหรับเจมีไนน์จึงไม่ใช่การแต่งกายตามวิถี “Hemingway” ชนิดลอกเลียนแบบ แต่หมายถึงการสร้างสรรค์ใหม่ภายใต้แนวทางแฟชั่นแบบร่วมสมัยมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีเรื่องราววิถีฉบับนักเดินทางหรือ “Traveler” กับแนวทางแฟชั่นตอบสนองไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของนักเดินทางที่เปี่ยมด้วยความเนี้ยบประณีต ด้วยหลักสำคัญในการออกแบบตามแนวคิดนี้สะท้อนผ่านรูปแบบแฟชั่นของเจมีไนน์อันเชื่อมโยงกับสไตล์อันหรูหรา อีกทั้งยังเผยกลิ่นความโมเดิร์นทั้งจากเสื้อผ้าเองและวิธีการมิกซ์แอนด์แมตช์ตามคาแร็กเตอร์และรสนิยมความชื่นชอบส่วนตัว มาพร้อมมิติความสวยงามอันหลากหลายที่ครอบคลุมตั้งแต่การสวมใส่เวลากลางวันไปจนถึงกลางคืนเลยทีเดียว



WATCH




และที่ขาดไม่ได้สำหรับโปโล ราล์ฟ ลอเรนคือการรังสรรค์ผ่านวิถีแฟชั่นของนักศึกษามหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกา สไตล์ “Preppy” ถูกตีความใหม่และนำเสนอสู่ความเป็นเอกลักษณ์ในแบบฉบับของแบรนด์ ซึ่งสไตล์ของเจมีไนน์ในแฟชั่นเซ็ตครั้งนี้นำเสนอการบิดรูปแบบของสไตล์ “Preppy” สู่การเป็นสไตล์สมัยใหม่เลียนล้อไปกับวิถีแฟชั่นการสวมใส่เสื้อผ้ายุคปัจจุบัน แม้รากฐานสำคัญส่วนใหญ่ยังคงเดิม แต่ด้วยกรอบแห่งความอิสระเปิดกว้างหนุ่มไฟแรงคนนี้ก็สามารถขับกล่อมเสน่ห์ของแฟชั่นยุคใหม่สอดคล้องไปกับความดั้งเดิมได้ตามแนวทางการรังสรรค์ของโปโล ราล์ฟ ลอเรน ซึ่งเรื่องราวแฟชั่นอันน่าสนใจนี้ก็สอดประสานไปกับแนวทางของผู้หญิงที่นำเสนอผ่านตัวตนของเบ็คกี้ที่แม้จะมีรายละเอียดและเรื่องราวเบื้องหลังแรงบันดาลใจต่างกันแต่ก็ปรับเข้าหากันได้อย่างไร้รอยต่อ

แน่นอนว่าสำหรับโปโล ราล์ฟ ลอเรนหัวใจสำคัญไม่ใช่การสร้างแฟชั่นหวือหวาล้ำนำสมัย แต่หมายถึงการสร้างความคลาสสิกดั้งเดิมให้สามารถเลียนล้อไปกับทุกยุคได้อย่างแนบเนียน สำหรับคอลเล็กชั่นที่แรงบันดาลใจ “Taos” คือการดึงเอามนต์เสน่ห์แห่งดินแดนทะเลทรายแถบตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศสหรัฐอเมริกามาตั้งต้นในด้านความสวยงามเชิงศิลป์ นอกจากนี้ยังเลือกรังสรรค์แฟชั่นอันพลิ้วไหวตามสไตล์เฟมินีนผสมผสานกับความดิบ ถอดแบบจากทิวทัศน์อันงดงามที่มาพร้อมภูมิประเทศอันท้าทายของดินแดนที่กล่าวถึง ซึ่งเบ็คกี้ก็สามารถถ่ายทอดเรื่องราวดังกล่าวได้โดยคงรักษาความร่วมสมัย ไปพร้อมกับเอกลักษณ์เด่นตามสไตล์ของแบรนด์ได้อย่างยอดเยี่ยม

เบ็คกี้สามารถสร้างความลื่นไหลด้านแฟชั่นได้อย่างเต็มเปี่ยมกับวิถีแห่งโปโล ราล์ฟ ลอเรน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับแนวทางการไล่ระดับสีที่เน้นย้ำสีคลาสสิกทั้งสีครีม น้ำตาล และดำ ในขณะเดียวกันก็เชื่อมประสานกับการแมตช์โทนสีพระอาทิตย์ที่กระทบน้ำทะเล ไล่ตั้งแต่สีม่วงอ่อน สีส้ม ไปจนถึงสีน้ำเงิน ตามเรื่องราวบันดาลใจของแบรนด์ในคอลเล็กชั่นพอดิบพอดี อีกทั้งตัวตนของเบ็คกี้ยังสะท้อนภาพความโรแมนติกกลิ่นอายเฟมินีน ในขณะเดียวกันก็สามารถสอดแทรกการตีความเรื่องความแข็งแกร่งสมบุกสมบันได้ในแบบที่โปโล ราล์ฟ ลอเรนตั้งใจนำเสนอมาโดยตลอด

และที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือสไตล์ “Preppy” ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของโปโล ราล์ฟ ลอเรนดั่งที่กล่าวไปก่อนหน้านี้ เบ็คกี้-เจมีไนน์สร้างมิติแฟชั่นที่สอดประสานกันแม้จะมีรากฐานแรงบันดาลใจของคอลเล็กชั่นฝั่งผู้หญิงและผู้ชายที่ต่างกัน แต่แกนหลักสำคัญของแบรนด์ยังคงเด่นชัดเสมอมา และยิ่งเด่นชัดขึ้นอีกกับการสร้างมนต์เสน่ห์ในรูปแบบเฉพาะตัว เชื่อมโยงกับความร่วมสมัย นำมาสู่การตีความในแบบที่ผู้เขียนนิยามว่า “Redifining the ‘PREPPY’” ซึ่งใน #VOGUEMORE ครั้งนี้ทั้งคู่ก็แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าความคลาสสิกอันเป็นอมตะเหนือกาลเวลาคือสิ่งที่จะคงอยู่อย่างมีเอกลักษณ์ และสามารถเชื่อมประสานกับแฟชั่นของโลกยุคใหม่ผ่านการนำเสนอแฟชั่นของคนรุ่นใหม่ที่มีสไตล์โดดเด่นอย่างเบ็คกี้และเจมีไนน์ และนี่คือความสมดุลแบบไม่จัดจ้านหวือหวาแต่สะท้อนภาพความไอคอนิกที่เดินทางผ่านกาลเวลาและพร้อมเดินทางต่อไปกับแนวทางแฟชั่นที่ไม่มีวันตาย เช่นเดียวกับตัวตนด้านแฟชั่นของทั้งคู่ที่สามารถคลุกเคล้ากลิ่นอายความคลาสสิก ความหลากหลาย และการเดินทางร่วมสมัยได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด

WATCH

TAGS : VOGUEMORE