VOGUE GALA
เจาะลึกเบื้องหลังปณิธานสำคัญของ ‘Vogue Gala’ ที่ไม่ใช่แค่งานนำเสนอความสวยงามของผ้าไทยทั่วไป#VogueScoop ในครั้งนี้ขอพาผู้อ่านทุกคนย้อนชมความสำคัญและปณิธานอันแข็งแกร่งของค่ำคืนแห่งงานเลี้ยงผ้าไทย ‘Vogue Gala’ เตรียมพร้อมต้อนรับงาน #VogueGala2024 ที่จะกลับมาอีกครั้งในวันที่ 20 มีนาคม 2024 ที่กำลังจะถึงนี้ |
“ค่ำคืนแห่งงานเลี้ยงผ้าไทย” คีย์หลักของประโยคสั้นๆ ที่ใครหลายคนได้ยินแล้วคงคุ้นหูกันไม่น้อย และหวนคิดถึงงานเลี้ยงประจำปีของนิตยสารโว้กประเทศไทยอย่าง ‘Vogue Gala’ กันถ้วนหน้า เพราะเอกลักษณ์ของงานราตรีนี้เหล่าสาวกจะได้เห็นผู้ทรงอิทธิพลแห่งวงการแฟชั่นไทย เรื่อยไปจนถึงดีไซเนอร์ไทย หรือเหล่าเซเลบริตี้ไทยได้มารวมตัวกันในค่ำคืนนี้ ภายใต้การรังสรรค์โททัลลุคด้วย ‘ผ้าไทย’ ที่ร่วมมือกับเหล่าลักชัวรีแบรนด์ระดับโลกกันอย่างตระการตา ความรู้คร่าวๆ เหล่านี้คงจะเป็นสิ่งที่รู้กันดีอยู่แล้ว #VogueScoop สัปดาห์นี้จึงจะพาผู้อ่านทุกคนไปเจาะลึกทุกมุมมองของงานโว้กกาล่าซึ่งในปีนี้จะกลับมาผงาดถึงความยิ่งใหญ่อีกครั้งในวันที่ 20 มีนาคม 2024 ว่าแท้จริงแล้วมีความสำคัญอย่างไร มีอะไรเกิดขึ้นในงานนี้ และเพราะเหตุใดผู้คนจึงขนานนามว่า ‘โว้กกาล่า คืองานเลี้ยงเพื่อเฉลิมฉลองและส่งเสริมผ้าไทยให้ไปสู่เวทีโลก’ อย่างแท้จริง
ผ้าไทยเฉิดฉายในราตรีแห่งการเฉลิมฉลอง
สิ่งแรกที่ต้องกล่าวถึงคือปณิธานที่มีมาแต่เริ่มของนิตยสารโว้กประเทศไทย ที่ ‘สิรี อุดมฤทธิรุจ’ ซีอีโอแห่งบริษัทเซเรนดิพิตี้มีเดียจำกัด และ ‘กุลวิทย์ เลาสุขศรี’ บรรณาธิการนิตยสารโว้กประเทศไทย ที่ต้องการสนับสนุนกลุ่มชุมชนช่างฝีมือและงานหัตถกรรมของไทย เพื่อผลักดันให้เป็นส่วนหนึ่งของเวทีแฟชั่นโลกตั้งแต่แรก ประกอบกับอัตลักษณ์ของโว้กที่ผูกโยงกับความเป็นไทยมาแต่เริ่มต้น ซึ่งนำเสนอผ่านแฟชั่นเซ็ตตลอดกว่า 10 ปีที่ผ่านมา พร้อมผสมผสานความเป็นไทยอย่างสม่ำเสมอ ทั้งยังสร้างความเป็นไทยให้เป็นส่วนหนึ่งของความเป็นสากลอีกด้วย
แน่นอนว่าปณิธานดังกล่าวถูกส่งต่อมาสู่งาน โว้ก กาล่า ผ่านการนำผลงานผ้าของช่างฝีมือตามชุมชนหัตถกรรมในที่ต่างๆ ของไทย อาทิ ชุมชนนาหว้า จังหวัดนครพนม, บ้านดอนกอย จังหวัดสกลนคร หรือการมุ่งหน้าสู่ชุมชนผู้เชี่ยวชาญด้านการทอผ้า เป็นต้น มาสร้างมูลค่าเพิ่มด้วยการส่งต่อให้ดีไซเนอร์และแบรนด์ระดับโลกรังสรรค์ผลงานที่มีแค่ชิ้นเดียวในโลกนำมาประมูลในงาน ทั้งยังนำผลงานดังกล่าวมาประยุกต์ให้เป็นชุดหรือเหล่าแฟชั่นไอเท็มให้เกิดความร่วมสมัย เพื่อเข้าถึงผู้คนยุคนี้ได้ง่ายขึ้นและมิอาจให้ใครมาตราหน้าได้ว่า ‘ผ้าไทยเชย’ หรือ ‘ผ้าไทยต้องสำหรับผู้สูงวัยสวมใส่’ เท่านั้น เหล่าดีไซเนอร์ไทย เซเลบริตี้ไทย หรือผู้ทรงอิทธิพลแห่งวงการแฟชั่นไทยจึงเลือกสวมใส่หรือเลือกไอเท็มจากผ้าไทยเป็นหลักมาเฉิดฉายในงานโว้กกาล่าในแต่ละปี เพื่อนำแสงสปอตไลต์มาสู่ผ้าไทยให้เป็นที่กล่าวถึงจากผู้คนรุ่นต่อรุ่นสืบไป
การร่วมเฟรมของเหล่าคนดังในไทยในชุดผ้าไทย
แน่นอนว่าเมื่อเหล่าคนดังหรือผู้ทรงอิทธิพลแห่งอุตสาหกรรมแฟชั่นและบันเทิงไทยมาพบปะกันอย่างคับคั่ง จุดหนึ่งที่เป็นไฮไลต์นอกเหนือไปจากแบ็กดรอปก่อนเข้างานแล้ว แฟชั่นสตูดิโอที่สร้างสรรค์ขึ้นมาพิเศษภายในงานก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กัน โดยสตูดิโอดังกล่าวจะถูกจัดขึ้นให้สวยงามและเปลี่ยนไปในแต่ละปี พร้อมเชิญชวนเหล่าคนดังของไทยมาร่วมเฟรมกันภายใต้การลั่นชัตเตอร์ของ ‘สุดเขต จิ้วพานิช’ ที่จะสามารถเก็บภาพแห่งความทรงจำของผู้คนที่มาร่วมงานโดยบางภาพไม่เคยเกิดขึ้นที่ใดมาก่อน เนื่องจากคำว่า ‘การร่วมเฟรมของเหล่าคนดัง’ คือการร่วมเฟรมกันอย่างแท้จริง บางคนอาจไม่เคยเจอกัน หรือบางคนเคยพบกันแล้วทว่ายังไม่เคยถ่ายภาพร่วมกันมาก่อน แฟชั่นสตูดิโอแห่งนี้ในงานโว้ก กาล่าจึงเปรียบเสมือนจุดเช็กอินที่ให้ผู้คนจากต่างวงการมาเจอกัน และเก็บภาพถ่ายอันเป็นดั่งภาพที่ระลึกที่มิสามารถหาที่ใดได้
WATCH
การประมูลเหล่าไอเท็มแบรนด์ดังระดับโลกโดยใช้ผ้าไทยเป็นตัวละครสำคัญในการรังสรรค์
อีกหนึ่งไฮไลต์สำคัญที่มิอาจมองข้ามไปได้คือการประมูลเหล่าไอเท็มจากแบรนด์ชั้นนำระดับโลกที่นำผ้าไทยมาใช้ในการรังสรรค์ โดยเหล่าไอเท็มที่ผ่านมาจะนำมาจัดแสดงก่อนงานประมูลจะเริ่มขึ้นเพื่อให้เหล่าแขกคนสำคัญได้เห็นและสัมผัสถึงความสวยงามและความประณีตของผลงาน ก่อนที่เหล่าไอเท็มดังกล่าวจะถูกจับจองของผู้ที่ประมูลได้ ซึ่งงานโว้ก กาล่าที่ผ่านมาจะมีของประมูลที่ประกอบไปด้วยเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า หรือเฟอร์นิเจอร์จากแบรนด์ดังอาทิ Sirivannavari Bangkok, Kate Spade, Jimmy Choo, Christian Louboutin, Karl Lagerfeld, Max Mara, MCM และ Emilio Pucci เป็นต้น ซึ่งหากการประมูลสิ้นสุดจะนำเม็ดเงินนี้ไปสนับสนุนแก่เหล่าดีไซเนอร์ไทยผู้มีศักยภาพและนำรายได้ไปหมุนเวียนในอุตสาหกรรมสิ่งทอไทยต่อไป ทั้งนี้ระหว่างการประมูลที่ครึกครื้นแล้วเหล่าแขกคนสำคัญยังร่วมรับประทานอาหารกาล่าดินเนอร์เพื่อให้ทุกคนได้มีโอกาสได้ลิ้มรสความอร่อยของรสชาติอาหาร และได้ใช้เวลาร่วมกันในการพูดคุยอย่างเป็นกันเองและอบอุ่นดั่งครอบครัวโว้กเสมอมา และในปีนี้จะมีเหล่าไอเท็มจากแบรนด์ดังใดบ้างที่มีผ้าไทยเป็นตัวชูโรง ต้องรอติดตาม
ความประทับใจอันแสนพิเศษที่มิอาจลืมเลือน
เมื่อค่ำคืนแห่งโว้ก กาล่าในแต่ละปีได้สิ้นสุดลง แน่นอนว่าความประทับใจก็เปรียบดั่งควันหลงหลังเลิกงานที่มิอาจหมดไป ประสบการณ์ใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นในทุกๆ ปีคือการได้เห็นเหล่าไอเท็มอันมากมูลค่าได้มาเฉิดฉายให้เหล่าผู้สนใจได้จับจอง ทว่ามูลค่าทางจิตใจย่อมเป็นที่ประจักษ์ยิ่งกว่าเมื่อทุกคนได้สัมผัสกับบรรยากาศงานกาล่าที่เต็มไปด้วยความสุข ความสนุกสนาน ความอบอุ่น และยังได้เป็นส่วนหนึ่งหรือเป็นผู้สนับสนุนสำคัญให้ผ้าไทยได้มีจุดยืน พร้อมนำเสนอความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของผ้าไทยที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือนอีกด้วย
ทั้งหมดที่กล่าวมานั้นจึงถือเป็นจุดเด่นที่ ‘โว้ก กาล่า’ มิได้เป็นเพียงงานเลี้ยงยามราตรีที่เพียงแต่มอบความสวยงามทางด้านวัตถุให้แก่อุตสาหกรรมแฟชั่นและบันเทิงเท่านั้น ทว่าได้ถ่ายทอดปณิธานอันแข็งแกร่งและมั่นคงเสมอมาด้วยการเป็นกระบอกเสียงอันสำคัญให้แก่ ‘ผ้าไทย’ ได้ก้าวไกลสู่เวทีระดับโลกต่อไป และ #VogueScoop ในเอพิโสดหน้าจะมาบอกเล่าอะไรเกี่ยวกับงาน ‘Vogue Gala’ เตรียมนับถอยหลังเข้าสู่ Vogue Scoop: Vogue Gala EP.2 ได้ในวันที่ 20 มีนาคม 2024 พร้อมกับความพิเศษของงานโว้ก กาล่าครั้งที่ 10 ที่จะเกิดขึ้นว่ามีอะไรให้น่าติดตามหรือมีอะไรรอเซอร์ไพรส์อีกบ้าง…
กราฟิก : จินาภา ฟองกษีร
WATCH