...“การแต่งงานมันคือนรกตั้งแต่วันแรก”

“ชีวิตคู่ของเรามันมีถึง 3 คน ซึ่งมันอึดอัดเกินไป”

 “ฉันอยากเป็นราชินีในหัวใจประชาชนมากกว่า”...

 

     หากใครยังพอจำได้ ที่ผู้เขียนยกมาให้อ่านกันข้างต้นนี้คือ ข้อความส่วนหนึ่งที่ถูกตัดตอนมาจากบทสัมภาษณ์สุดอื้อฉาวกระฉ่อนโลก ที่เคยสั่นคลอนบัลลังก์แห่งราชวงศ์อังกฤษมาแล้ว กับการให้สัมภาษณ์เปิดใจแบบหมดเปลือกของ ไดอาน่า เจ้าหญิงแห่งเวลส์ ในปี 1995 ที่ในเวลานั้นได้ตัดสินใจแยกกันอยู่กับมกุฎราชกุมาร เจ้าชายชาร์ลส์ เจ้าชายแห่งเวลส์แล้วเป็นที่เรียบร้อย โดยการสัมภาษณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นผ่านรายการ “Panorama” โดยพิธีกรชื่อว่า นายมาร์ติน บาร์เชีย ซึ่งสามารถบันทึกสถิติผู้ชมได้สูงที่สุดเกือบ 23 ล้านคนทั่วโลกในเวลานั้น ซึ่งนับเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของช่อง BBC, เป็นจุดสูงสุดในหน้าที่การงานของมาร์ติน บาร์เชีย, เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของชีวิต ไดอาน่า สเปนเซอร์ และแน่นอนว่าเป็นกระแสสุดอื้อฉาวที่ตีกลับราชวงศ์วินด์เซอร์ไปแบบเต็มๆ หลังจากที่บทสัมภาษณ์สุดฉาวโฉ่ในครั้งนี้ได้ออกเผยแพร่ไป ไม่นานหลังจากนั้น พระราชวังบักกิ้งแฮมก็ถึงกับต้องออกแถลงการณ์ในสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ที่ทรงลงความเห็นให้เจ้าชาย และเจ้าหญิงแห่งเวลส์ “หย่าขาด” จากกันอย่างสิ้นเชิง โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นผู้ลงนามร่วมในแถลงการณ์ครั้งนั้น กระจายกลิ่นฉาวโฉ่ให้คละคลุ้งไปทั่วอังกฤษ (อีกทั้งยังเป็นการยืนยันโดยนัยว่าสิ่งที่ไดอาน่าพูดนั้นเป็นเรื่องจริงเสียยิ่งกว่าจริง) ก่อนที่ในเวลา 2 เดือนต่อมา ไดอาน่าจะใช้เวลาคิดทบทวน และตอบตกลงหย่าในที่สุด และเรื่องราวเหล่านั้นก็จบลงด้วยโศกนาฏกรรมที่ยากจะลืม

 คลิปสัมภาษณ์พิเศษบางช่วงของ ไดอาน่า เจ้าหญิงแห่งเวลส์ ในรายการ Panorama ทางช่อง BBC ที่กลายเป็นคดีฟ้องร้องถึงเรื่องจรรยาบรรณของสื่อในปัจจุบัน

 

     ผ่านมา 26 ปี ลูกชายคนเล็กของ ไดอาน่า สเปนเซอร์ อย่างเจ้าชายแฮร์รี่ พร้อมด้วยเมแกน มาร์เคิล กำลังจะกลับมาเขย่าบัลลังก์อังกฤษอีกครั้ง (ซึ่งก็ไม่รู้ว่านับเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้ว) ด้วยการตกปากรับคำพิธีกรรายการโทรทัศน์ชื่อดังอย่าง โอปราห์ วินฟรีย์ ในการนั่งสัมภาษณ์เปิดใจกับทุกเรื่องอื้อฉาวตลอดหลายปีที่ผ่านมาของทั้งคู่ ในรายการพิเศษที่ใช้ชื่อว่า "Oprah With Meghan and Harry: A CBS Primetime Special" ซึ่งมีกำหนดการออกอากาศในวันที่ 7 มีนาคม 2021 ที่กำลังจะถึงนี้ โดยยังมีรายงานเพิ่มเติมอีกว่า โอปราห์ วินฟรีย์ จะพูดคุยกับ เมแกน มาร์เคิล ทั้งในประเด็นที่ตัดสินใจลาออกจากราชวงศ์อังกฤษ, การรับมือกับการเป็นคนดังที่สื่อทั่วโลกต่างให้ความสนใจ ไปจนถึงการเป็นแม่ พร้อมพูดคุยกับเจ้าชายแฮร์รี่ในประเด็นเรื่องการปรับตัว และการใช้ชีวิตในสหรัฐอเมริกา ซึ่งนับว่ามีหลายประเด็นที่กล่าวมาข้างต้นนั้น เป็นที่รอคอยของเหล่าผู้ชมว่าการสัมภาษณ์ในครั้งนี้จะออกมาเป็นอย่างไร จะซ้ำรอยเดิมกับแม่ของเขาที่เคยทำเอาราชวงศ์อังกฤษต้องกุมขมับอีกหรือไม่

     กระนั้นหลังจากที่ข่าวดังกล่าวแพร่สะพัดออกไปอย่างรวดเร็ว ก็ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะได้รับกระแสวิพากษ์วิจารณ์ทั้งในด้านสนับสนุน และไม่เห็นด้วย ในฝั่งของผู้สนับสนุนมองว่า นี่ถือเป็นโอกาสที่จะทำให้คนทั่วไปได้ทำความเข้าใจในประเด็นที่คลุมเครือมานานกับความสัมพันธ์ระหว่างราชวงศ์ และเมแกน มาร์เคิล สะใภ้เจ้าสุดฮอต ทว่าในฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกลับมองว่า การทำเช่นนี้ไม่ต่างอะไรจากการ “โหน” กระแสแม่ตัวเองในอดีต ไม่เพียงแค่เรื่องของการตอบตกลงให้สัมภาษณ์แบบเปิดใจออกสื่อในครั้งนี้เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึง การพยายามสร้าง “ไดอาน่าโมเดล” ขึ้นมาใหม่เพื่อตามหลอกหลอนราชวงศ์วินด์เซอร์ไม่รู้จบสิ้น ทั้งการหันหลังให้ราชวงศ์ตั้งแต่ต้นปี 2020 ที่ผ่านมา ไปจนถึงการประกาศตั้งครรภ์ลูกคนที่สองของเมแกน มาร์เคิล ที่ถ้าสืบย้อนกลับไปในอดีตจะพบว่า วันที่เมแกนประกาศตั้งครรภ์ลูกคนที่สองนั้น เป็นวันเดียวกันกับที่ไดอาน่า เจ้าหญิงแห่งเวลส์ ประกาศตั้งครรภ์เจ้าชายแฮร์รี่ในปี 1984 ด้วยเช่นกัน ดังนั้นแล้วการตอบตกลงเปิดใจสัมภาษณ์กับ โอปราห์ วินฟรีย์ ในครั้งนี้ ก็คล้ายว่าเป็นการยืนยันกลายๆ แล้วว่าทั้งคู่กำลังเล่น “สงครามประสาท” กับราชวงศ์วินด์เซอร์แบบถึงพริกถึงขิง

     ไม่เพียงเท่านั้นเพราะสื่อหลายสำนักยังสาวไส้ไปถึงต้นตอของเรื่องนี้ โดยคาดเดาไว้ว่า จุดเริ่มต้นของการสัมภาษณ์ในครั้งนี้คงจะเริ่มต้นตั้งแต่ครั้งที่โอปราห์นั้นรับเป็นธุระจัดหาบ้านพักใหม่ให้กับดยุก และดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ หลังจากที่ทั้งคู่ต้องระเห็ดย้ายออกจากกระท่อมฟอร์กมอร์ปลายนาท้ายวังอังกฤษมาเมื่อกลางปี 2020 ที่ผ่านมาก็เป็นได้ ซึ่งก็ดูเป็นข้อแลกเปลี่ยนที่สมน้ำสมเนื้อไม่เบา

     อย่างไรก็ตามยังไม่มีใครสามารถให้คำตอบได้ว่า รูปแบบของรายการพิเศษที่พร้อมเขย่าขวัญราชวงศ์อังกฤษในครั้งนี้จะออกมาเป็นอย่างไร แต่ที่แน่ๆ ทั้งฝั่งของครอบครัวซัสเซกซ์ และฝั่งของราชวงศ์วินด์เซอร์ ก็คงจะกำลังเตรียมตั้งรับศึกครั้งนี้อย่างหนัก กับกระแสคลื่นนิยมที่กำลังจะแปรปรวนอีกครั้งไม่น้อยไปกว่าพาโนรามาในยุคไดอาน่าอย่างแน่นอน...