เมแกน มาร์เคิล ให้กำเนิดทายาทคนที่ 2 แล้ว พร้อมตั้งชื่อตามควีนเอลิซาเบธฯ และเจ้าหญิงไดอาน่า!
ชื่อของทายาทคนล่าสุดแห่งครอบครัวซัสเซกซ์คือ การนำชื่อบุคคลสำคัญของราชวงศ์อังกฤษมาใช้ประกอบกันอย่างคาดไม่ถึง
หลังจากที่ออกมาประกาศว่ากำลังตั้งครรภ์ทายาทคนที่ 2 สร้างเซอร์ไพรส์ให้กับเหล่าแฟนคลับราชวงศ์ไปเมื่อช่วงวันวาเลนไทน์ที่ผ่านมา พร้อมคาดการณ์ว่าจะให้กำเนิดทายาทเพศหญิงในช่วงฤดูร้อนนี้ ล่าสุดก็มีรายงานอย่างเป็นทางการออกมาแล้วว่า เมแกน มาร์เคิล ดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ ได้ให้กำเนิดทายาทคนล่าสุดแล้ว เมื่อวันศุกร์ที่ 4 มิถุนายน 2021 ที่ผ่านมา โดยให้ชื่อว่า "Lilibet Diana Mountbatten-Windsor" และมีชื่อเล่นว่า 'Lili' ตามการคาดการณ์ของสื่อฝั่งอเมริกา
ทั้งนี้ชื่อเต็มของทายาทคนล่าสุดของครอบครัวซัสเซกซ์ มีที่มาจากการนำชื่อของบุคคลสำคัญ 2 ชื่อมาใช้ประกอบกัน นั่นคือ 'Lilibet' ซึ่งเป็นพระนามลำลองของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 พระอัยยิกาของเจ้าชายแฮร์รี่ และ 'Diana' ที่มาจากชื่อของ ไดอาน่า สเปนเซอร์ เจ้าหญิงแห่งเวลส์ผู้ล่วงลับ พระมารดาของเจ้าชายแฮร์รี่ เพื่อเป็นเกียรติให้กับทั้ง 2 พระองค์นั่นเอง
ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ยังมีรายงานจากสำนักข่าว The Sun ว่า เมแกน มาร์เคิล อาจให้กำเนิดทายาทคนที่ 2 นี้ ในวันที่ 10 มิถุนายน 2021 วันเดียวกันกับวันคล้ายวันประสูติของเจ้าชายฟิลิป ดยุกแห่งเอดินบะระผู้ล่วงลับ ซึ่งถ้าหากเจ้าชายฟิลิปยังไม่สิ้นพระชนม์ไปก่อน ทายาทคนนี้ก็จะถือกำเนิดขึ้นในวันที่เจ้าชายฟิลิปมีพระชนมายุครบ 100 พรรษาพอดิบพอดีอีกด้วย ซึ่งสื่อฝั่งอเมริกาต่างคาดเดาว่า หากเป็นเช่นนั้นจริง เจ้าชายแฮร์รี่ และเมแกน มาร์เคิล ก็น่าจะตั้งชื่อที่มีความเกี่ยวข้องกับเจ้าชายฟิลิป หรือสมาชิกแห่งราชวงศ์อังกฤษอย่างแน่นอน และแน่นอนว่าหนึ่งในหลายตัวเลือกยังมีชื่อ "Lilibet" รวมอยู่ด้วย
อย่างไรก็ตาม นับเป็นข่าวดีอย่างยิ่งสำหรับเจ้าชายแฮร์รี่, เมแกน มาร์เคิล และอาร์ชี่ เมาต์แบทเทิน หลังจากที่ต้องจับมือกันฟันฝ่าอุปสรรค และมรสุมชีวิตมากมาย ไม่ว่าจะเป็นคดีความฟ้องร้องสื่อ Mail on Sunday ที่ศาลเพิ่งตัดสินให้ทั้งคู่ชนะคดีไปไม่นาน หรือกระทั่งข่าวสุดช็อกกับการแท้งลูกของ เมแกน มาร์เคิล เมื่อช่วงฤดูร้อนปี 2020 ที่ไม่เคยมีใครรู้มาก่อน และกระแสวิพากษ์วิจารณ์โจมตีต่อรายการสัมภาษณ์สุดอื้อฉาวของ โอปราห์ วินฟรีย์ ที่ยังคงส่งผลกระทบมาจนถึงตอนนี้ แม้ว่าจะผ่านมาหลายเดือนแล้วก็ตาม
ข้อมูล : British Vogue
WATCH