Hermès S/S 2025 การนำเสนออัตลักษณ์ของเมซงอย่างลึกซึ้งพร้อมมิติความเนี้ยบประณีต
Nadège Vanhee-Cybulski เสิร์ฟความอมตะด้านงานฝีมือระดับสูงตามแบบฉบับ Hermès พร้อมสอดแทรกงานกราฟิกที่ทั้งเรียบหรูแต่เรียบง่ายในเวลาเดียวกัน
Hermès S/S 2025: ‘The Amazing (G)race’
โชว์ Hermès Spring/Summer 2025 โดย Nadège Vanhee-Cybulski ยังคงเอกลักษณ์ของความมินิมัลที่เรียบหรู ผสมผสานความเป็นม้าในแบบของ Hermès เข้ากับความทันสมัยอย่างลงตัว เธอได้ถ่ายทอดคอลเล็กชั่นที่เต็มไปด้วยความประณีต แต่ในขณะเดียวกันก็ดูคิดวางแผนมาแล้วอย่างลึกซึ้ง ตั้งใจนำเสนอความต่อเนื่องจากงานก่อนหน้า แต่ก็ก้าวไปข้างหน้าด้วยไอเดียใหม่ๆ ที่สะท้อนถึงความงามที่เรียบง่ายแต่แฝงด้วยความหรูหราที่มีอยู่ในโลกยุคนี้"
โทนสีที่นำเสนอ ยังคงเป็นเฉดสีเอิร์ธโทนอันเป็นซิกเนเจอร์ของแบรนด์ เช่น โอเกอร์ (ochre) แต่ตั้งใจให้ดูสนุกเพื่อปลุกผู้ชมด้วยสีชมพูสดและผ้าหนังฉลุลายกราฟิกพรางตา เข้าคู่กับผ้าที่ดูอ่อนละมุนขึ้น เพิ่มความรู้สึกเย้ายวนที่เป็นเอกลักษณ์ของ Hermès คอลเล็กชั่นนี้เน้นเรื่องของพื้นผิวและวอลุ่มมากขึ้น สร้างความสมดุลระหว่างโครงสร้างชุดที่เข้มแข็งและการเคลื่อนไหวของผ้าที่อ่อนนุ่ม ในขณะที่การตัดเย็บถูกนำเสนอแบบที่ผ่อนคลายมากกว่าเดิม แสดงถึงชีวิตแบบ New Normal (Still? Anyone?!) หลังยุคโควิด ซึ่งความสบายกลายเป็นหัวใจสำคัญ แต่ลูกค้าคนสำคัญของ Hermès ก็ยังคงต้องการความหรูหราอยู่ดี
งานหนังยังคงเป็นจุดเด่นของโชว์นี้ ไม่ว่าจะเป็นโค้ตหนังสุดนุ่ม แจ็กเก็ตครอปที่ดูซับซ้อน รวมถึงรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่ชูให้เห็นถึงความปราณีตของการผลิตหนังของ Hermès ในขณะที่คอลเล็กชั่นก่อนหน้านี้ของเธอโดดเด่นด้วยความแม่นยำชัดเจนในเรื่องการตัดเย็บ คอลเล็กชั่นนี้กลับมีความอิสระมากขึ้นในการทดลองกับการตัดเย็บของหนัง ความนุ่มนวลของเส้นสายในชุดต่างๆ อย่างการพับ การทับซ้อน ดูเหมือนจะเป็นจุดแข็งที่เธอสำรวจรูปทรงได้อย่างต่อเนื่อง
แต่เราเห็นแล้วว่าโชว์นี้ค่อนข้างเล่นกับสไตล์ที่คุ้นเคยไปหน่อย แม้ว่าความเสมอต้นเสมอปลายในงานออกแบบของ Vanhee-Cybulski เป็นเรื่องที่น่าชื่นชม แต่อาจทำให้บางครั้งรู้สึกเล่นโจทย์ที่ง่ายเกินไป คอลเล็กชั่นนี้แม้ว่าจะตอบโจทย์ผู้หญิงที่ชื่นชอบความคลาสสิกของ Hermès แต่บางทีก็เห็นได้ว่าขาดความเสี่ยงที่ดูสนุก และเป็นข้อด้อยเมื่อนำมาเปรียบเทียบกับคอลเล็กชั่น Fall/Winter 2024 ที่มีการเล่นกับรูปทรงและสัดส่วนมากกว่า ซีซั่นนี้กลับดูเบาลง ซึ่งอาจเป็นที่ชื่นชอบสำหรับลูกค้าประจำของ Hermès แต่สำหรับคนที่ต้องการความตื่นเต้นกับความแปลกใหม่ อาจจะรู้สึกว่าคอลเล็กชั่นนี้ไม่ได้นำเสนอสิ่งนั้นมากพอ
สิ่งที่ Vanhee-Cybulski ทำได้อย่างยอดเยี่ยม คือการสร้างเสื้อผ้าที่ถูกออกแบบมาให้มีอายุการใช้งานอย่างยืนยาว เฉกเช่นกระเป๋าหนังรุ่นดังข้างกาย ซึ่งเป็นการเน้นย้ำเรื่องความยั่งยืนผ่านคุณภาพมากกว่าการตามเทรนด์ที่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ถึงแม้ว่าจะเป็นแนวทางที่น่าชื่นชม แต่บางทีอาจมองว่าแนวทางนี้อาจไม่สามารถดึงดูดความสนใจของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการความตื่นเต้นและความแปลกใหม่ได้เสมอไป ซึ่งถือเป็นการบ้านที่น่าท้าทายสำหรับเธอในการรักษามรดกของ Hermès ให้คลาสสิก แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องตามทันโลกที่ต้องการสิ่งใหม่ๆ ตลอดเวลา
ผลงานในครั้งนี้จึงเป็นการสะท้อนถึงมรดกของแบรนด์ที่ถ่ายทอดผ่านความมินิมัลที่ลึกซึ้งของ Vanhee-Cybulski ซึ่งคอลเล็กชั่นนี้แน่นอนว่าจะตอบโจทย์ลูกค้าประจำของ Hermès ที่ให้ความสำคัญกับสไตล์ที่คงทนมากกว่าการวิ่งตามเทรนด์ แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าเธออาจจะลองผลักดันขอบเขตของตัวเองไปให้ไกลกว่านี้อีกหน่อยได้หรือไม่ โดยเฉพาะในโลกแฟชั่นที่กระหายความท้าทายและเรื่องราวที่มาพร้อมเรื่องเล่าที่เร้าอารมณ์และเงินในกระเป๋ามากยิ่งขึ้นกว่านี้
1 / 62
2 / 62
3 / 62
4 / 62
5 / 62
6 / 62
7 / 62
8 / 62
9 / 62
10 / 62
11 / 62
12 / 62
13 / 62
14 / 62
15 / 62
16 / 62
17 / 62
18 / 62
19 / 62
20 / 62
21 / 62
22 / 62
23 / 62
24 / 62
25 / 62
26 / 62
27 / 62
28 / 62
29 / 62
30 / 62
31 / 62
32 / 62
33 / 62
34 / 62
35 / 62
36 / 62
37 / 62
38 / 62
39 / 62
40 / 62
41 / 62
42 / 62
43 / 62
44 / 62
45 / 62
46 / 62
47 / 62
48 / 62
49 / 62
50 / 62
51 / 62
52 / 62
53 / 62
54 / 62
55 / 62
56 / 62
57 / 62
58 / 62
59 / 62
60 / 62
61 / 62
62 / 62
ภาพ: Daniele Oberrauch / Gorunway.com (Vogue Runway)
WATCH
WATCH