RUNWAY

Diesel Spring/Summer 2025 คอลเล็กชั่นไม้ตาย เพื่อกลับมาทวงคืนตำแหน่ง 'เจ้าพ่อแห่งเดนิม'

ล่าสุดกับการลงทุนถมทับรันเวย์ด้วยขุยผ้าเดนิมหลายตัน เพื่อลากการรับรู้ของทุกคนให้กลับไปนึกถึงยุครุ่งเรืองของแบรนด์อีกครั้ง ซึ่งก็ยังไม่แน่ใจว่าจะสำเร็จตามที่คาดหวังหรือไม่ แต่คนที่จะตัดสินได้ว่า Diesel ทำสำเร็จหรือไม่ก็มีเพียงแค่สาวกของแบรนด์เท่านั้น ว่าพวกเขายัง “Enjoy Denim,…,Enjoy Diesel” (ประโยคจากเสียงซาวด์แทร็กในโชว์) อยู่หรือเปล่า? #Diesel #DieselSS25

ย้อนกลับไปที่โชว์คอลเล็กชั่นประจำฤดูใบไม้ร่วง/ฤดูหนาว ปี 2023 ฝั่งเสื้อผ้าบุรุษของแบรนด์ Diesel ที่มี Glenn Martens กุมบังเหียนเป็นผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ ซึ่งได้เนรมิตให้รันเวย์แฟชั่นกลายเป็นกองภูเขา ‘ถุงยางอนามัย’ จำนวนมากกว่า 2 แสนชิ้น จนกลายเป็นที่กล่าวขานบนโลกโซเชียลมาแล้ว และในซีซั่นนี้เซ็ตติ้งรันเวย์ของ Diesel ก็ยังคงต้องเป็นสิ่งที่ถูกพูดถึงเป็นอันดับแรกเช่นกัน เพราะเซ็ตติ้งรันเวย์ที่ถูกถมทับไปด้วยเศษผ้า ‘เดนิม’ ทั่วทุกอณาบริเวณ คือสิ่งซึ่งบอกเล่าเรื่อวราวรากเหง้าของแบรนด์ได้ดีที่สุดและชัดเจนที่สุด ว่าตัวตนของ Diesel ที่แท้ก็คือ Denim

จากต้นเสาขนาดใหญ่ทั้งสองฝั่งของรันเวย์ลากยาวลงมาสู่พื้นรันเวย์ เศษผ้าเดนิมถูกถมอย่างแน่นขนัดไม่มีที่ว่างให้เห็นแม้แต่มิลิเมตรเดียว มองเผินๆ ราวกับว่าผู้ชมที่หลงเข้าไป ไม่ได้อยู่บนโลกนี้อีกต่อไป เหมือนกับเดินทางสู่โลกใหม่ นั่นคือโลกของ Diesel โลกที่อุทิศทั้งหมดทั้งมวลให้กับ Denim โดยสมบูรณ์ นับตั้งแต่ลุคแรกที่เปิดตัวออกมาบนพื้นที่ถูกถมไปทั่วด้วยขุยเดนิมจนถึงลุคสุดท้าย ทั้งหมด 71 ลุค คือการโชว์ทุกทักษะและทุกเทคนิคที่โลกแฟชั่นพอจะนึกออกว่า มนุษย์และนวัตกรรมสามารถทำอะไรกับเดนิมได้บ้าง ไล่เรียงมาตั้งแต่เทคนิกการเฟดสีเดนิมให้เกิดมิติไล่เฉดอ่อนเข้ม, เทคนิคงาน Ripped Jeans ที่ให้กำเนิดเทรนด์แฟชั่นกางเกงยีนส์รุ่ยมาจนถึงปัจจุบัน แต่ในคอลเล็กชั่นนี้เพิ่มความพิเศษด้วยการซ้อนทับเดนิมเป็นเลเยอร์ด้านในอีกชั้นซ้อนกัน เรื่อยไปจนถึงงานเทเลอริ่งเนี้ยบกริบจากกงานตัดสูทที่ถูกนำมาใช้ผ้าเดนิมและแผ่นหนังที่เป็นแมตทีเรียลหลัก มาพร้อมกับซิลูเอตตามมาตรฐานในยุคของ Glenn ที่จะต้องเซ็กซี่ มีความดิบสไตล์สตรีต และเจือกลิ่นแบบ Avant-Garde เข้าไป ซึ่งหัวเรือใหญ่ของ Diesel ยังคงสามารถจัดการออกมาได้อย่าลงตัวเหมือนเคย

นอกจากงานเดนิมที่พูดได้ตรงนี้เลยว่าเป็นความตั้งใจ ‘โชว์ของ’ ของ Diesel เพื่อเป็นการพิสูจน์ให้เป็นที่ประจักษ์ต่ออุตสาหกรรมแฟชั่นว่า ‘ใครกันแน่คือตัวจริง!’ แล้วนั้น เรายังได้เห็นวิธีการจัดการกับแมตทีเรียลหนังเรียบมันวาวของ Glenn และทีมงาน กับการกรีดหนังเป็นเส้นฟรินจ์ (fringe) ก่อนนำมาเย็บตัดต่อเป็นส่วนหนึ่งของเสื้อผ้าในคอลเล็กชั่นล่าสุด (แบบที่นางแบบชาวไทย แจน-ใบบุญ สวมใส่ในลุคที่ 19) เพื่อเพิ่มเติมความสนุกในการสไตลิ่ง หรือกระทั่งการจัดการกับผ้าเจอร์ซี่ย์และผ้าอีลาสติกพิมพ์ลาย ที่สร้างสรรค์ลุคท้ายๆ ออกมาได้อย่างน่าสนใจ กับการพิมพ์ลวดลายโลโก้ D รวมกับลายลูกน้ำเพสลีย์ (paisley) และพาเลตต์สีซัมเมอร์ ที่ต้องขอชื่นชม ณ ตรงนี้ว่า จังหวะการวางลวดลายที่ไปคนละทิศคนละทางและมีเอกลักษณ์ในตัวเองสูงเช่นนี้ไว้ด้วยกันบนผ้าผืนเดียวนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ทว่า Glenn ก็สามารถข้ามกำแพงยากนั้นมาได้ ถึงอย่างนั้น 12 ลุคสุดท้ายที่ Diesel พยามยามออกนอกกรอบเพื่อโชว์ให้เห็นว่าแบรนด์ทำอะไรได้มากกว่างานเดนิม ก็เหมือนเป็นเพียงแค่การใส่พาเหรดลุคซัมเมอร์เข้ามาเผื่อกันคนถามว่า “ตลอดห้าสิบกว่าลุคก่อนหน้านี้ มันดูซัมเมอร์ตรงไหน?” ก็เท่านั้น...

แม้ว่าโชว์คอลเล็กชั่นล่าสุดของ Diesel จะมีความชัดเจนที่ต้องการกลับมาทวงบัลลังก์ตัวพ่อเรื่องเดนิมคืนอีกครั้ง หลังจากที่แบรนด์เคยผ่านทั้งจุดรุ่งเรืองถึงขีดสุดในยุค 2000s ในฐานะของผู้นำเทรนด์การเกงยีนส์เอวต่ำและงานเดนิมในโลกแฟชั่น ก่อนที่ต่อมาต้องเดินทางเข้าสู่ยุคมืดกับการถูกยื่นฟ้องล้มละลาย และฟื้นคืนชีพอีกครั้งในวงสนทนาของคนแฟชั่นเมื่อไม่กี่ปีมานี้ ด้วยการตัดสินใจดึงเอา Glenn มาเป็นหัวเรือใหญ่คนใหม่ และล่าสุดกับการลงทุนถมทับรันเวย์ด้วยขุยผ้าเดนิมหลายตัน เพื่อลากการรับรู้ของทุกคนให้กลับไปนึกถึงสู่ยุครุ่งเรืองของแบรนด์อีกครั้ง ซึ่งก็ยังไม่แน่ใจว่าจะสำเร็จตามที่คาดหวังหรือไม่ แต่คนที่จะตัดสินได้ว่า Diesel ทำสำเร็จหรือไม่ ก็มีเพียงแค่สาวกของแบรนด์เท่านั้น ว่าพวกเขายัง “Enjoy Denim,…,Enjoy Diesel” (ประโยคจากเสียงซาวด์แทร็กในโชว์) อยู่หรือเปล่า?