RUNWAY

Balenciaga S/S 2025 นำเสนอแฟชั่นฉีกกฎเกณฑ์และพาย้อนสู่ประสบการณ์วัยเด็กของ Demna

Demna ยึดถือเอกลักษณ์ในงานออกแบบของตัวเอง พร้อมเสริมสร้างนิยามแฟชั่นรูปแบบใหม่อยู่เสมอท่ามกลางบรรยากาศรันเวย์โต๊ะกินข้าวยาวสุดลูกหูลูกตา

Balenciaga S/S 2025: ‘Sweet Child O’ Mine’

Balenciaga Spring/Summer 2025 ของ Demna ครั้งนี้ เหมือนการตั้งใจตอกกลับให้กับทุกคนที่ยังติดอยู่กับแฟชั่นที่ดีในยุคนี้ต้องเนี้ยบและเพอร์เฟกต์ตลอดเวลา ด้วยจดหมายน่ารักที่เขียนด้วยลายมือเหมือนฉีกมาจากสมุดนักเรียน พาเราย้อนกลับไปถึงโต๊ะในครัวของคุณย่าที่เด็กชายคนหนึ่งในจอร์เจียเคยฝันถึงเสื้อผ้าและการเติบโตมาเป็นดีไซเนอร์ แต่เอาเข้าจริง นี่ไม่ใช่จดหมายรักหวานซึ้งหรอกนะ แต่เนื้อหาของมันคือเนื้อเพลงของ Britney Spears จากเพลง Gimme More ที่นำมารีมิกซ์ใหม่ประกอบการแสดง พร้อมๆ กับลุคที่ได้แรงบันดาลใจมาจากภาพของ Bella Baxter จาก หนังดัง Poor Things ที่เต้นโชว์ความแปลกแบบแฟนตาซีสุดโต่งไปพร้อมกัน และถ้าแฟชั่นเป็นแท็บลอยด์โชว์ชีวิตคนดัง คอลเล็กชั่นนี้ของ Demna คือภาพหลุดสุดดราม่าที่ดึงดูดทุกสายตา ด้วยความโกลาหลบนแอตติจูดที่ตั้งใจเก็กให้ดูเคร่งขรึมของนายแบบและนางแบบบนรันเวย์ยาวที่จำลองโต๊ะทานข้าวมาต่อเรียงกันรายล้อมไปด้วยเหล่าผู้ชมตลอดแนวที่จะว่าไปคลับคล้ายคลับคลารันเวย์เก่าของ Martin Margiela ย้อนหลังไปในปี 1996 อยู่ไม่น้อย

มาเริ่มกันที่เสื้อผ้าบ้าง ซิลูเอตทรง Cocoon วอลุ่มใหญ่ที่แฟนพันธุ์แท้ของ Balenciaga คุ้นเคยกันดี เพราะมันมาจากงานของดีไซเนอร์ต้นแบบ Cristóbal เอง แต่ Demna นำมาเล่นใหม่แบบตั้งใจปรับเพิ่มขยาย ให้กลายเป็นไอเทมเก๋สำหรับ Gen Z ที่พร้อมไปปาร์ตี้ในคลับ เสื้อพองๆ แนบชิดร่างกายที่เหมือนหลุดมาจากลุคของสตาร์ดังย้อนไปในยุคฮอลลีวู้ดช่วงมิลเลนเนียม ที่คนดังถูกปาปาราสซี่ไล่ตามถ่ายภาพอย่างบ้าคลั่ง ลองนึกถึง Lindsay Lohan เดินออกจากไนต์คลับ แต่คราวนี้ไม่ได้ใส่ส้นสูงนะ ใส่รองเท้าผ้าใบล้ำยุคแทน แถมใส่ยีนส์ที่ต่ำจนแทบจะหลุดจากสะโพกที่น่าจะกลายมาเป็นชิ้นเด่นที่ขายดีอย่างแน่นอน มาดูกันที่การสร้างสรรค์งานใหม่ๆ ของ Demna กันบ้าง เขาชอบเล่นกับกรอบความคิดแบบเดิมๆ เพิ่มเติมคือนำมาศึกษา ทดลอง และสร้างสรรค์ใหม่ ทั้งการใส่คอเสื้อแบบเมดิสซีจากศตวรรษที่ 17 เข้ากับคอร์เซ็ต และนำมาทำเป็นแจ็กเก็ตที่ใช้สวมใส่สไตลิ่งได้หลายแบบ ตั้งแต่ใส่ไปดินเนอร์จนสวมใส่เป็นชิ้นเด่นไปร็อกคอนเสิร์ตได้ในพริบตา ซึ่งนี่แหละคือทีเด็ดของ Demna ที่ยังคงตั้งใจดันแฟชั่นไปข้างหน้าแบบไม่หยุดยั้งจนบางครั้งความล้ำที่ว่ามันกลับไม่ดำเนินไปพร้อมๆ กับว่าโลกข้างนอกจะดำเนินไปอย่างไร เพราะโลกใบใหญ่ในจินตนาการและความชอบของเขานั้นสำคัญกว่าสิ่งใด เรื่อง What, When, Where, Why, How และ Now จึงไม่ใช่ประเด็นสำคัญ แม้ว่าอาจจะมีข้อถกเถียงว่า เขานี่ล่ะแฟชั่นตัวพ่อที่มักจะหยิบเอาประเด็นทางแฟชั่น เศรษฐกิจ การเมืองมาแฝงไว้ในงานเสมอๆ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ ในโลกแห่งแฟชั่นและความสวยงาม บางครั้งเราก็ไม่จำเป็นต้องเลือกทำงานเพื่อตอบโจทย์ใดเพียงอย่างเดียว

แต่สิ่งที่น่าจะชนะใจแฟนคลับและกูรูแฟชั่นตัวจริง น่าจะเป็นลุคแรกๆ อย่าง บรา ลูกไม้ตัวเก่ง และใช่แล้ว มันไม่ใช่แค่บราธรรมดา แต่เป็นการเอาบรา ชุดชั้นใน และกางเกงในตาข่ายมาวางทับบนผ้าสต็อกกิ้งสีเนื้อ มันคือเวอร์ชั่นเซ็กซี่ของ Demna ที่ไม่ได้มาแบบตรงไปตรงมา แต่กลับยั่วเย้าแบบน่าคิดและติดตาม มีลูกเล่นที่ดูขี้เล่นและขบถไปพร้อมกัน และจะมีใครจะทำให้คุณรู้สึกเหมือนได้เห็นอะไรที่ดิบๆ และดูแรง แถมยังทำให้ผู้ชมในโชว์ต้องมองหันไปหันมาเพื่อดูปฏิกิริยาตอบสนองต่อสิ่งที่กำลังเห็นและเป็นไปอยู่ตรงหน้าตั้งแต่ต้นจนจบ “ถึงเวลาแล้วที่แฟชั่นจะต้องมีจุดยืน” ดีไซเนอร์คนดังกล่าวย้ำถึงจุดยืนในจุดยืนของเขาเอง และถ้ามีใครสักคนที่กล้าทำมันแบบไร้ข้อกังขา ก็คงไม่พ้นเขานี่แหละ ในโลกที่คนหมกมุ่นกับความเพอร์เฟกต์ Demure และ Define แต่ Demna กลับมาพร้อมความสับสนที่เต็มไปด้วยความมั่นใจในแบบของเขาเอง

แต่ก็ไม่ใช่ทุกอย่างในโชว์นี้จะดูราบรื่นไปหมด บางลุคที่ Demna พยายามทำให้ “น่าสนใจ” กลับดูพยายามเกินไป บางเลเยอร์ที่รื้อโครงสร้างออกมาดูเหมือนจะฝืนและฝืด ส่วนการผสมผสานยุคต่างๆ อย่างการจับคอเสื้อแบบศตวรรษที่ 17 เข้ากับยีนส์แสนธรรมดา บางทีก็รู้สึกเหมือนเป็นความท้าทายมากกว่าจะเป็นการสนทนาระหว่างอดีตกับปัจจุบัน แต่บางทีนั่นอาจเป็นจุดประสงค์ของเขา ที่พยายามเน้นว่าแฟชั่นไม่จำเป็นต้องเข้าใจง่าย มันควรกระตุ้นความคิด สร้างความรู้สึกไม่สบายใจ และปล่อยให้คุณรู้สึกเหมือนกำลังแอบดูภาพหลุดฉาวๆ

สุดท้ายแล้ว Balenciaga Spring/Summer 2025 ของ Demna อาจจะไม่ได้เหมาะกับคนขี้กลัว แต่เป็นผู้คนที่จะร่วม BRAT แบบ Balenciaga และนั่นแหละคือเหตุผลที่เราอดใจไม่ไหวที่ต้องตามดูต่อ เพราะมันดิบ มันจริง และมันไม่ประนีประนอมกับใครๆ และใดๆ มันอาจจะเป็นภาพแฟชั่นที่เข้ากับยุคสมัยในกาลข้างหน้าอีกครั้งก็เป็นได้ เพราะบางทีแฟชั่นมันอาจจะต้องยุ่งเหยิงและอลหม่านบ้าง แต่สิ่งที่เราควรจดจำไว้ก็คือ ไม่ใช่ว่ามันจะไร้ซึ่งความงดงามและน่าทึ่งไปเสียทั้งหมด หรือว่าไง?