LIFESTYLE
5 เหตุผลทำไมคุณควรไป Wonderfruit ปีนี้!เฟสติวัลระดับโลกกำลังจะกลับมาอีกครั้ง เหตุผลที่คุณควรไปเยือนสักครั้งมีตามนี้ |
จู่ๆ เทศกาลดนตรีก็เข้ามามีอิทธิพลในวงการเพลงบ้านเราอย่างมหาศาล ซึ่งจะใช้คำว่า “จู่ๆ” เสียทีเดียวก็คงจะไม่ถูกนัก เพราะกระแสนิยมเหล่านี้สืบเนื่องและค่อยๆ แทรกซึมเข้ามาผ่านวัฒนธรรมต่างชาติที่บ้านเรารับมาปฏิบัติไปเสียแทบจะทุกอย่าง ส่วนกระแสเฟสติวัลหรือเทศกาลดนตรีและไลฟ์สไตล์เองก็เป็นอีกหนึ่งผลพวงดีๆ ที่เราได้รับมาเช่นกัน “วันเดอร์ฟรุ๊ต” ได้ชื่อว่าเป็นเฟสติวัลระดับโลกในไทยที่ผู้คนพูดถึงมากที่สุดตลอด 4 ปีนับตั้งแต่ครั้งแรก ด้วยเอกลักษณ์และอุดมการณ์ที่นอกจากจะพาเหล่าวันเดอร์เรอร์ไปสนุกกับเสียงดนตรีแล้ว วันเดอร์ฟรุ๊ตยังพาคุณไปออกกำลังกายสมอง ความคิด และจิตสำนึกเพื่อโลกที่น่าอยู่ขึ้น ใครที่เคยไปเยือนมาแล้วเราคงไม่มีอะไรเล่าให้คุณฟังมาก แต่หากคุณยังไม่เคยแล้วล่ะก็ ลองมาดูเหตุผลที่ควรไปสักครั้งโดยด่วน!
1. แน่นอนว่าเหตุผลแรกที่หลายคนเลือกแพ็คกระเป๋ามาเยือนวันเดอร์ฟรุ๊ตคือเพื่อเปิดโสตประสาทรับหลากหลายชาวด์ดนตรีจากศิลปินทั่วโลกที่เดินทางมาแสดงแบบเอกซ์คลูซีฟที่งานนี้โดยเฉพาะ สำหรับไลน์อัพในปีนี้ประกอบไปด้วยศิลปินชื่อดังอย่าง Richie Hawtin, Roots Manuva, Wild Beasts, Chronixx & Zincfence Redemption ไปจนถึง Craig Richards แน่นอนว่าคุณหาฟังเพลงพวกเขาสดๆ ไม่ได้ง่ายๆ แถมซาวด์ดนตรียังเล่นต่อเนื่องตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นยันดึกพร้อมกับบีทส์ที่เร่งเร้าอารมณ์มากขึ้นเรื่อยๆ
บรรยากาศการแสดงดนตรีที่วันเดอร์ฟรุ๊ต เฟสติวัลระดับโลกที่จัดขึ้นในประเทศไทย / ภาพ: The Courtesy of Wonderfruit
2. นอกจากวันเดอร์แคมป์ที่มีผู้ชื่นชอบกันทุกๆ ปีแล้ว วันเดอร์ฟรุ้ตในครั้งนี้จะเป็นปีแรกที่มีการเปิดตัวแคมป์แนวคิดใหม่หลายแคมป์ด้วยกัน ไล่ตั้งแต่ Straight Outta Thonglor หรือ #SOT สำหรับสาวกฮิปฮอปโดยเฉพาะ ซึ่งแฟนชาวฮิปจะได้พบกับดีเจแถวหน้าของไทย และดีเจรับเชิญจากต่างประเทศ และไฮไลต์อย่างช่วงโอเพ่นไมค์ฟรีสไตล์แจมกัน ไปจนถึง ALTN8 แคมป์ใหม่ที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก Alice in Wonderland ให้วันเดอเรอร์ทั้งหลายหลุดเข้าไปในโลกแฟนตาซี
บรรยากาศการแสดงดนตรีที่วันเดอร์ฟรุ๊ต เฟสติวัลระดับโลกที่จัดขึ้นในประเทศไทย / ภาพ: The Courtesy of Wonderfruit
3. การกลับมาของโครงสร้างสถาปัตยกรรมที่ออกแบบโดยศิลปินและวิศวกรระดับโลก ที่นี่คุณจะได้ตื่นตาตื่นใจกับศิลปะหลากหลายแขนงที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีในโลก เช่นการแสดงศิลปะแห่งไฟโดยสมโภชน์ ทองหยวก ประติมากรรมและ Installation โดยปุญญิศา ศิลปรัศมี ไปจนถึงการตกแต่งภายในงานที่ถูกสร้างจากขยะรีไซเคิล ทั้งหมดนี้คือศิลปะหาชมได้ยากที่วันเดอร์ฟรุ๊ตสามารถยกมารวมกันไว้ในที่เดียว
บรรยากาศการแสดงศิลปะแขนงต่างๆ ที่วันเดอร์ฟรุ๊ต เฟสติวัลระดับโลกที่จัดขึ้นในประเทศไทย / ภาพ: The Courtesy of Wonderfruit
4. เช่นเคยที่วันเดอร์ฟรุ๊ตคัดสรรเมนูอาหารจากร้านดังทั่วประเทศทั้งจากเชฟชาวไทยและต่างชาติมาเสิร์ฟให้ถึงแคมป์ สำหรับปีนี้เริ่มเสิร์ฟเย็นวันศุกร์ด้วยอาหารไทยจากร้านดัง “สุพรรณิการ์” ต่อด้วยเชฟปริญญ์ ผลสุข จากร้านน้ำ และผู้สร้างสรรค์สำรับสำหรับไทยในวันเสาร์ และไฮไลต์เด็ดที่ห้ามพลาดคือการปรากฏตัวของเชฟจากร้าน Suhring เจ้าของอันดับที่ 13 จาก 50 สุดยอดเชฟแห่งเอเชีย และ Gert de Mangeleer เชฟ 3 มิชลิน สตาร์ในมื้อค่ำที่คุณคงลืมไม่ลง
Farm to Feasts โซนอาหารแห่งเดียวภายในงานวันเดอร์ฟรุ๊ตที่รวมเอาร้านดังของเมืองไทยมาไว้ในที่เดียว / ภาพ: The Courtesy of Wonderfruit
5. นอกจากความบันเทิงหลากหลายรูปแบบ ปีนี้วันเดอร์ฟรุ๊ตยังมาพร้อมเชื้อเพลิงเติมพลังสมองด้วยการเนรมิตฟาร์มสเตจให้เป็นเวทีแชร์มุมมองของบุคคลแถวหน้าจากหลากหลายวงการ ไล่ตั้งแต่ Bea Johnson ผู้เขียนหนังสือเรื่อง Zero Waste Home, Dianna Cohen ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอแห่ง Plastic Pollution Coalition, Tony Fernandes ซีอีโอของ แอร์เอเชีย, ชาตรี ศิษย์ยอดธง ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ ONE Championship มาร่วมเล่าประสบการณ์และจุดประกายไอเดียใหม่ๆ ให้เหล่าวันเดอเรอร์
เหตุผลครบทั้งห้าข้อทำให้คุณพร้อมออกไปจุดไฟในตัวเองและมอบสิ่งดีๆ กลับคืนสู่โลกใบนี้แล้วหรือยัง ถ้าพร้อมแล้วกดซื้อบัตรได้เลยแล้วไปสนุกกันในวันที่ 14 – 17 ธันวาคมนี้ ณ เดอะฟิลด์ แอท สยามคันทรีคลับ พัทยา!
WATCH