หมุดหมายใหม่ในเอเชีย พาไปพักผ่อนที่โรงแรม Rosewood กรุงเทพและฮ่องกง

“จุดหมายปลายทาง” คำนี้ถ้าเป็นเมื่อก่อนเราอาจจะหมายถึงแค่สถานที่ที่เราอยากไปชม หรือประเทศที่เราอยากไปเที่ยวเพียงแค่นั้น หากปัจจุบันจุดหมายปลายทางของการท่องเที่ยวคงไม่ใช่แค่การไปดูหรือไปชมสถานที่อีกต่อไปแล้ว เพราะการดั้นด้นนั่งเครื่องบินนานเป็นวันข้ามฝากไปอีกซีกโลกหนึ่งก็เพื่อจะได้ไปกินร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์ หรือเข้าพักผ่อนในโรงแรมสุดหรูหลายดาวที่ครั้งหนึ่งต้องเคยได้ไปเหยียบ สิ่งเหล่านี้กลับกลายเป็นการท่องเที่ยวในแบบยุคสมัย 4.0 เสียมากกว่า และแน่นอนแหละว่าการไปเพื่อ “กิน” ก็ดูเหมือนใครๆ ก็ทำบ่อยแล้ว แต่หากการไปเพื่อเข้า “พัก” ที่โรงแรมโดยเฉพาะล่ะ คุณเคยทำหรือยัง?

 

ถ้ายัง ก็เตรียมตัวเคลียตารางงานและแพ็คกระเป๋าไว้ได้เลย เพราะโรงแรมสุดหรูระดับอัลตร้าลักซ์ชัวรีที่ไม่ว่าใครๆ ก็ต้องดั้นด้นมาเพื่อเข้ารับการพักผ่อนในระดับขีดสุดนี้คือ Rosewood Hotel and Resort ที่ปัจจุบันกลายเป็นหมุดหมายและ Asia Destination ของใครไปแล้วหลายคน ด้วยโรสวูดเน้นการให้คุณค่าและมาตรฐานของสิ่งที่เรียกว่า “A sense of place” มาเป็นหลักในการออกแบบพร้อมผสมผสานด้วยวัฒนธรรมของแต่ละท้องที่ เพื่อที่จะสะท้อนถึงไลฟ์สไตล์ของแต่ละวัฒนธรรมได้อย่างสมบูรณ์แบบ และยังนำเสนอโรงแรมระดับอัลตร้าลักซ์ชัวรี่ที่มอบประสบการณ์การพักผ่อนในแบบรีสอร์ทหากอยู่ในรูปแบบของโรงแรมได้อย่างดีที่สุดอีกด้วย โดยปัจจุบันโรสวูดมีสาขาในไทยแล้วถึง 2 สาขา สาขาแรกที่จังหวัดภูเก็ตและสาขาล่าสุดที่พึ่งได้รับการเปิดตัวไปอย่างสดๆ ร้อนๆ คือที่กรุงเทพฯ บนถนนเพลินจิตนั่นเอง และแน่นอนว่าวันนี้โว้กจะพาไปเจาะลึกกับโรสวูดถึง 2 สาขาอย่าง Rosewood Hongkong และ Rosewood Bangkok ให้ทุกคนได้ชมกันเพื่อไขข้อข้องใจว่าทำไมสองที่นี้กำลังจะกลายเป็น Asia Destination แบบที่ใครหลายคนพูดกัน

Rosewood Hongkong, Rosewood Bangkok

Admire the Looks

Bangkok: ตัวตึกของโรสวูดกรุงเทพฯ สูงตระหง่านจำนวน 30 ชั้นบนถนนเพลินจิตด้วยรูปลักษณ์แบบการประนมสองมือ “ไหว้” คล้ายรูปดอกบัว อันเป็นเอกลักษณ์อ่อนน้อมถ่อมตนของวัฒนธรรมไทย

Hongkok: สำหรับโรสวูดฮ่องกงด้วยความสูงจำนวน 27 ชั้นตั้งอยู่บริเวณปากอ่าววิคตอเรียบนย่านอันคึกคักอย่าง Tsim Sha Tsui พร้อมรูปทรงสี่เหลี่ยมตระหง่านฟ้าเพื่อจุดหมายในการเก็บเกี่ยวทิวทัศน์ของพระอาทิตย์ตกที่ปากอ่าวได้อย่างอิ่มตาอิ่มใจ

 

Beauty Inside

มาชมการตกแต่งของห้องพักภายในโรงแรมโรสวูดกันบ้าง ที่นี่เน้นในเรื่องความเป็นโมเดิร์นผสมผสานสีเอิร์ธโทนที่เน้นสีขาว และน้ำตาลให้กลิ่นอายของการพักผ่อนในแบบรีสอร์ท โรสวูดมีบริการให้ครบทั้งห้องขนาดสวีท ห้องพักสไตล์สตูดิโอ และห้องพักในแบบบ้านพัก โดยวิวก็จะแตกต่างกันออกไปอย่างโรสวูดในกรุงเทพฯ ก็จะได้เห็นวิวของเมืองที่คลาคล่ำไปด้วยแสงสีและความคึกคัก เช่นเดียวกับโรสวูดภายในฮ่องกงที่นอกจากจะเลือกห้องพักเห็นวิวตัวเมืองแล้ว ทีนี้ยังสามารถเลือกห้องพักแบบวิวทะเลปากอ่าวก็ได้เช่นกัน

1 / 6

2 / 6

3 / 6

4 / 6

5 / 6

6 / 6

Have a good TASTE

สำหรับช่วงเวลาแห่งการพักผ่อนที่นอกจากที่นอนห้องหับจะต้องดีแล้ว อาหารการกินยังถือเป็นหลักใหญ่ใจความสำคัญไม่แพ้กัน

Bangkok: โรสวูด กรุงเทพนำเสนอห้องอาหาร Lakorn European Brasserie ร้านอาหารแบบ all-day dining เสิร์ฟตั้งแต่อาหารจากฟากฝั่งตะวันตกและเมนูอาหารไทยต้นตำหรับขึ้นชื่อ แต่หากใครเสน่หาในรสชาติแบบเอเชียก็เชิญทางนี้กับ Nan Bei (หนานเป่ย) ห้องอาหารจีนต้นตำหรับ ที่จะชวนคุณน้ำลายสอพร้อมลิ้มรสเมนูสุดพิเศษจากภูมิภาคเหนือและใต้ของประเทศจีนทั้งอาหารทะเลที่เลื่องชื่อของจีนตอนใต้ รวมทั้งเมนูดังระดับโลกอย่างเป็ดปักกิ่ง

Hongkok: สำหรับฟากโรสวูด ฮ่องกงนำเสนอ Holt’s Cafe คาเฟ่ชั้นเยี่ยมที่นำเสนออาหารเลิศรสหลากหลายสัญชาติ ใครชื่นชอบอาหารท้องถิ่น คาเฟ่ที่นี่นำเสนอวัตถุดิบท้องถิ่นระดับพรีเมี่ยมที่นำมาปรุงเป็นอาหารพื้นบ้านในสไตล์ของชาวฮ่องกงให้ได้ลองชิม หรือหากใครชื่นชอบอาหารนานาชาติห้องอาหารที่นี้ก็สามารถเนรมิตให้กับคุณได้เช่นกัน

1 / 3

2 / 3

3 / 3

พักท้องจากมื้อหนักๆ แล้วมาหาชาจิบสบายๆ ให้อุ่นท้องกันบ้าง

Bangkok: ที่ G&O (“green and organic”) คาเฟ่ออร์แกนิคสุดหรูนำแนวคิด farm-to-table สดจากฟาร์มสู่โต๊ะอาหารมารังสรรค์เมนูอาหารเพื่อสุขภาพในหลากหลายเมนู โดยเน้นวัตถุดิบที่ผ่านกระบวนการผลิตทางการเกษตรท้องถิ่นที่ปลอดสารเคมีทุกชนิด นอกจากนี้ยังมีกาแฟ ชาปรุงสด และไวน์ออร์แกนิคไว้บริการ

Hongkok: The Butterfly room ห้องอาหารสุดหรูที่พร้อมเสริฟ์ให้คุณตลอดทั้งวันแบบ all-day-dining จะเริ่มต้นมื้อเช้าด้วยอาหารนานาชาติและอาหารท้องถิ่น ไปจนถึงเมนูกาแฟรสกลมกล่อมและเซ็ตน้ำชายามบ่ายที่เสริฟ์คู่พร้อมแซนด์วิช สโคนอบใหม่หรือขนมอบอีกหลายรสให้ได้เลือกสรร

1 / 2

2 / 2

หากใครไม่ใช่คอชาหรือกาแฟแต่เน้นไปในทางนั่งจิบค็อกเทลมากกว่าก็ต้องเชิญต่อทางนี้

Bangkok: บาร์ Lennon’s คือบาร์สไตล์สปีคอีซี่บนชั้น 30 ที่เป็นคลังสะสมแผ่นเสียงไวนิลรวมแผ่นเสียงกว่า 6,000 แผ่นที่มาในสไตล์เพลงแจ๊ส ป๊อป ร็อคและบลูส์ ให้ได้เปิดฟังด้วยเครื่องเล่นเสียงเก๋ๆ พร้อมจิบค็อกเทลตามสไตล์เพลงต่างๆ ในอดีตคลอเคล้าไปกับบรรยากาศแสนสบาย

Hongkong: สำหรับโรสวูดฮ่องกงมีคลับ Darkside สุดคลาสสิิกไว้คอยบริการ คลับกลิ่นอายวินเทจที่ผสมผสานการตกแต่งร้านในแบบแจ๊สผสมผสานยุคศตวรรษที่ 19 พร้อมค็อกเทลชั้นเลิศไล่ตั้งแต่รัม โทนิค มาร์ตินี่และอีกหลากหลายรายการ คุณยังสามารถสูบซิการ์ในห้องนี้ได้อีกด้วย

1 / 2

2 / 2

Healing

ไปกันต่อกับกิจกรรมเพื่อการพักผ่อนในระดับขีดสุด

Bangkok: สำหรับคนรักสปาโรสวูด กรุงเทพมี The Serenity of Sense มอบบรรยากาศการผ่อนคลายที่หรูหราและเงียบสงบเป็นส่วนตัว โดยได้แนวคิดการบริการมาจากการบำบัดแผนโบราณผสมผสานกับนวัตกรรมความงามล่าสุด สำหรับใครที่ไม่ชอบนั่งอุดอู้อยู่ในห้องก็เชิญได้ที่เอ้าท์ดอร์บริเวณ สระน้ำโอเอซิสใจกลางเมือง เป็นระบบน้ำเกลือในร่มและกลางแจ้งสร้างบรรยากาศสไตล์เซนรายล้อมด้วยความอุดมสมบูรณ์ของพรรณไม้ แต่หากใครยังมีโอกาสพิเศษที่จำต้องใช้ห้องขนาดใหญ่แล้วล่ะก็โรสวูด กรุงเทพ ก็บันดาลให้คุณได้ด้วยบริการห้องจัดเลี้ยงสำหรับโอกาสพิเศษที่ออกแบบสำหรับงานประชุม งานฉลองหรืองานเลี้ยงในโอกาสต่างๆ ที่ตกแต่งด้วยบรรยากาศอันหรูหรา

Hoongkong: สำหรับโรสวูด ฮ่องกง นำเสนอครบสูตรการพักผ่อนด้วยการเข้าคอร์ส Wellness ปรนนิบัติและผ่อนคลายร่างกาย รวมถึงจิตใจให้รู้สึกถึงการพักผ่อนที่แท้จริง เริ่มตั้งแต่ฟิตเนสครบทุกรูปแบบ และสระว่ายน้ำเอ้าท์ดอร์ที่ให้คุณได้เพลิดเพลินไปกับวิวของอ่าววิคตอเรียยามว่ายน้ำเล่นอยู่กลางสระ และนอกจากนี้โรสวูด ฮ่องกงยังมีส่วนของห้องจัดเลี้ยงสำหรับงานประชุม งานมีตติ้งต่างๆ งานอีเว้นท์ไปจนถึงใครที่กำลังจะแต่งงานแล้วกำลังมองห้องบอลลูมจัดงานเลี้ยงโรสวูด ฮ่องกงก็ยังจัดหาให้คุณได้เช่นเดียวกัน

1 / 4

2 / 4

3 / 4

4 / 4

เป็นอย่างไรบ้างเห็นแล้วใช่ไหมว่าทำไมโรสวูด กรุงเทพ และโรสวูด ฮ่องกงถึงได้กลายเป็น Asia Destiny ที่ไม่ว่าใครก็ต้องดั้นด้นมาเพื่อเข้าพักให้ได้ เราพาชมกันขนาดนี้ “เครื่องถึง” ไหมชาวโว้ก แต่หากใครที่ยังนึกภาพและบรรยากาศไม่ออกอีก ก็เตรียมตัวแพ็คกระเป๋าแล้วไปเช็คอินที่โรงแรมโรสวูดกันได้เลย จะได้ Feeling In กับการพักผ่อนแบบสุดๆ เสียที