LIFESTYLE
Favourite 5 : Japan without leaving Bangkokไปญี่ปุ่นแบบไม่ต้องแพ็คกระเป๋า ไม่ต้องจองตั๋ว แค่สตาร์ทรถ คาดเข็มขัด แล้วโกเจแปนกัน ! |
Favourite5 : Japan without leaving Bangkok
ยุคนี้การไปเที่ยวญี่ปุ่นมันช่างง่ายเหลือเกิน ราคาหรือก็ไม่ได้ทำให้กระเป๋าฉีกแบบแต่ก่อน แต่ด้วยภาระที่รัดตัวและเวลาอันจำกัดการนั่งเครื่องบินเพื่อไปกินราเมงร้านต้นตำรับคงไม่ใช่เรื่องที่จะทำกันง่ายๆ แต่ถ้าโว้กบอกว่าสาวๆสามารถกินโซบะสูตรดั้งเดิม แล้วต่อด้วยลองโอมากาเสะแบบอื่นๆ ที่ไม่ใช่แค่ซูชิ นอนแช่น้ำแร่ในใจกลางสุขุมวิท เข้าบาร์สไตล์ญี่ปุ่นที่มี selection วิสกี้วางเรียงรายสูงเต็มผนัง และหวดลูกโฮมรันแบบไม่ต้องไปโคชิเอ็ง แต่เพียงแค่ขับรถไม่กี่นาทีล่ะ ถ้าไม่เชื่อให้ Mercedes-Benz E 350 e Avantgarde พาไปทัวร์ญี่ปุ่นขนาดย่อมดูแล้วกัน คาดเข็มขัดให้พร้อมแล้ว Go Tokyo in Bangkok!
Soba Factory / Bangkok Marriott Marquis Queen’s Park
ขอเปิดประตูสู่ความเจแปนนีสด้วยอาหารที่เรียบง่ายอย่างโซบะ ที่จะทำให้ทั้งอิ่มท้องและอิ่มประสบการณ์ Soba Factory ที่โรงแรม Bangkok Marriott Marquis Queen’s Park ทุกชามโซบะที่นี่เริ่มทำตั้งแต่ผงแป้ง Buckwheat ผ่านน้ำร้อน ค่อยๆตะล่อม นวด แล้วบรรจงรีดครั้งแล้วครั้งเล่าจนได้ความบางที่ต้องการ ที่สำคัญคือถูกปรุงด้วยประสบการณ์หลายสิบปีของ เชฟมิซูโฮ นากาโอะ ทายาทรุ่นที่สามของครอบครัวที่ทำโซบะแบบดั้งเดิมจากเมืองฟุกุโอกะ ประเทศญี่ปุ่น
นอกจากการได้ชิมโซบะที่มีให้เลือกหลากหลายเมนูที่ Soba Factory แล้ว การได้ดูเชฟบรรจงทำเส้นสดต่อหน้าต่อตาก็เป็นไฮไลต์อีกอย่างหนึ่ง และต้องบอกว่าดูเพลินจนเรียกน้ำย่อยได้เป็นอย่างดี เส้นโซบะของที่นี่มีให้เลือก 2 แบบ คือแบบ buckwheat 80% และแบบ 100% ซึ่งเชฟแนะนำให้เลือกแบบ 80% สำหรับเมนูร้อน และ 100% ในเมนูโซบะเย็น เพราะคาแรกเตอร์ของเส้นที่ต่างกัน จึงมีความเหมาะสมและให้กลิ่น รส และรสสัมผัสของเส้นที่ต่างกัน เมนู Tororo Soba ที่ใส่มันภูเขาฝนหนืดๆลงไปเป็นเมนูที่อยากแนะนำให้ได้ลองอย่างยิ่ง หรือใครชอบเมนูที่มีความซับซ้อน Daikon Oroshi Soba ที่มีทั้งปลาแห้งแผ่นบาง วาซาบิ ต้นหอมซอย และหัวไชเท้าฝนแบบเย็นน่าจะถูกใจ หลังกินเส้นจนเสร็จพนักงานจะนำ Soba Yu ซึ่งคือน้ำต้มเส้นโซบะที่เต็มไปด้วยคุณค่าทางอาหาร และหอมกลิ่น buckwheat มาเติมให้ในซอสที่เหลือ ให้ได้ซดกันร้อนๆ คล้ายการจิบชา
1 / 7
2 / 7
3 / 7
4 / 7
5 / 7
6 / 7
7 / 7
นอกจาก Soba Factory จะเด่นเรื่องเส้นโซบะสดในเมนูต่างๆแล้ว ที่นี่ยังมีจานทานเล่น และของปิ้งย่างสไตล์ izakaya เครื่องดื่มอย่างค็อกเทลที่มีส่วนผสมจากวัตถุดิบของญี่ปุ่น และซีเล็คชั่นสาเก ให้ได้เลือกจับคู่กันได้อีกด้วย ใบ้ให้ว่าลิ้นวัวย่างร้อนๆ แกล้ม Saketini หอมสดชื่น คือ A must ไม่แพ้เส้นโซบะสดเลย
Vogue Tips : แนะนำให้กินโซบะที่เพิ่งทำเสร็จใหม่ๆ หลังเสิร์ฟภายใน 10 นาที เพื่อสัมผัสกับเท็กซ์เจอร์ที่ดีงาม และรสชาติของโซบะสดๆ ในตอนที่กำลังพีคที่สุด
Let’s talk with เชฟมิซูโฮ นากาโอะ / Head chef ห้องอาหาร Soba Factory โรงแรม Bangkok Marriott Marquis Queen's Park
ความทรงจำแรกเกี่ยวกับโซบะ
เริ่มตั้งแต่ 7 ขวบ เห็นโซบะตั้งแต่จำความได้เพราะคุณปู่และคุณพ่อทำ พอเรียนจบมัธยมปลายก็เริ่มเข้าครัว และเริ่มต้นช่วยที่บ้านทำโซบะ
โซบะมีกี่ประเภท และโซบะแบบไหนที่เชฟชอบมากที่สุด
โซบะมีทั้งหมด 3 ประเภท
1.Hikikurumi Soba ที่ใช้ทั้งเมล็ดธัญพืช รวมทั้งเปลือกด้วย ในการทำ
2.Mukimi Soba ใช้แต่เมล็ด ไม่รวมเปลือก
3.Sarashina Soba ใช้เฉพาะแกนกลางของธัญพืชเท่านั้น และเป็นโซบะชนิดเดียวที่สามารถผสมสีได้ มีราคาแพงที่สุด
ส่วนตัวชอบแบบที่ 2 Mukimi Soba มากที่สุด เพราะโซบะชนิดนี้สามารถบ่งบอกได้ว่าเชฟคนไหนมีฝีมือทำโซบะได้อร่อยหรือไม่
WATCH
เครื่องดื่มกับอะไรเข้ากับโซบะที่สุด
เหล้าสาเก
อาหารไทยกับอาหารญี่ปุ่นเมนูไหนที่มีความคล้ายกัน อย่างไร
อาหารไทย และอาหารญี่ปุ่น ไม่มีความคล้ายกันเลย นอกจากเรื่องข้าว เพราะข้าวเหนียวของไทยคล้ายกับโมจิโกะเมะ (ข้าวที่ใช้ทำโมจิ) มีความเหนียว และสามารถทานเป็นทั้งของคาว และของหวานได้เช่นกัน
บ้านเกิดของเชฟคือเมืองอะไร อยากให้แนะนำสถานที่ที่ควรไปที่จังหวัดนี้สัก 1 แห่ง
ผมเกิดที่เมืองฟุกูโอกะ จังหวัดฟุกูโอกะ อยากแนะนำให้ไป Yafu Dome Station เพราะในจังหวัดนี้ ดังเรื่องเบสบอล และฟุตบอล
-
199 สุขุมวิท 22 (ซ.สายน้ำทิพย์)
โทร : 02 059 5555
ทุกวัน มื้อกลางวัน 12:00 - 14:30 / มื้อเย็น 17:30 - 22:00
FB : bangkokmarriottmarquis
Bangkok Batting Center
ได้เวลาออกกำลังกายเรียกเหงื่อสไตล์ญี่ปุ่นกันบ้าง ลองมาฝึกความไวของสายตาให้ประสานกับวงสวิงของแขนกันที่ Bangkok Batting Center สนามเบสบอลกลางใจเมืองกันดูสักตั้ง แล้วคุณจะรู้ว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะตีถูกในลูกแรกๆ แต่มันก็ไม่ยากเกินไปที่คุณจะเริ่มจับวิถีโค้งได้ในลูกต่อๆมา
ไม่ต้องกังวลถ้าคุณไม่เคยมีประสบการณ์ในการตีเบสบอลมาก่อน เพราะคุณ Nobutake Haoka เจ้าของ Bangkok Batting Center เป็นมือโปรที่จะสามารถช่วยสาธิตวิธีการจับไม้ การวางขา และการจัดระเบียบร่างกายที่ถูกต้องในการตีให้กับคุณได้ แนะนำเพียงไม่นานคุณก็สามารถเผชิญหน้าและสนุกไปกับเครื่องยิงลูกเบสบอลได้ทันที ที่นี่จะมีด้วยกันทั้งหมด 5 บูธ แบ่งเป็น 2 บูธสำหรับคนถนัดขวา และอีก 3 บูธที่เหมาะกับทั้งคนถนัดขวาและซ้าย เพราะฉะนั้นไม่ว่าคุณจะถนัดมือไหน ที่นี่ก็บูธมีที่เหมาะสำหรับการวาดวงสวิงของคุณ ส่วนอุปกรณ์อย่างไม้เบสบอลก็มีให้เลือกสแตนด์บายพร้อมอยู่ด้านในบูธ หรือใครอยากปลอดภัยไว้ก่อนก็สามารถติดต่อขอยืมถุงมือผ้า และหมวกกันน๊อคได้ การจะเข้ามาลองตีลูกเบสบอลที่นี่ก็ง่ายสุดๆ แค่คุณบอกจำนวนเกมส์ที่ต้องการเล่นแล้วจ่ายเงิน คุณก็จะได้เหรียญของ Bangkok Batting Center มาหยอดตู้ แค่นั้นก็เริ่มวอร์มไม้รอ เตรียมฟาดกันให้มันส์ได้เลย โดยใน 1 เกมส์ จะมีบอลทั้งหมด 25 ลูก ปล่อยต่อเนื่องด้วยจังหวะสม่ำเสมอ ตั้งแต่ลูกแรกจนลูกสุดท้ายเป็นเวลาทั้งหมดประมาณ 3 นาที อยู่ที่ราคา 100 บาท ต่อเกมส์ หรือใครเล่นแล้วติดใจอยากซื้อเป็น Batting Card 15 เกมส์ได้ในราคา 1000 บาท และสามารถกลับมาใช้วันหลังได้ ก็จะยิ่งคุ้มไปอีก
1 / 6
2 / 6
3 / 6
4 / 6
5 / 6
6 / 6
เปลี่ยนชุดแล้วขับรถมาจับไม้เบสบอลหวดกันให้สะใจ ได้เหงื่อ แถมได้กล้ามแขน และงานเอวเอส เพลินจนไม่รู้สึกว่ากำลังออกกำลังกายกันอยู่เลย ความญี่ปุ่นในกรุงเทพนี่มีให้เลือกสนุกกันครบรสจริงๆ ชนิดไม่ต้องแพคกระเป๋าตีตั๋วเดินทางไกลด้วยซ้ำไป!
Vogue tips : อย่าลืมวอร์มร่างกายกันก่อน โดยเฉพาะช่วงเอว และไหล่ เพื่อป้องกันการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ และสำหรับมือใหม่หัดหวด แนะนำให้เลือกใช้ไม้เบสบอลขนาดสั้น เพราะจะคอนโทรลได้ง่ายกว่า
-
108/1 ซ. สี่แยกสวัสดี สุขุมวิท 31
โทร : 02 262 0699, 081 913 9565
ทุกวัน 10:30 - 21:30
FB : BangkokBattingCenterTH
Kashikiri Onsen and Spa
หากบ้านเราอากาศเย็นสัก 20 องศาต้นๆ มีบ่อน้ำร้อนที่เต็มไปด้วยแร่ธาตุจากธรรมชาติให้ได้แช่บำรุงผิวและสุขภาพเหมือนอย่างที่ญี่ปุ่นคงดีไม่น้อย - ก็แล้วใครว่าไม่มี! ขอแนะนำให้รู้จักกับ Kashikiri Onsen and Spa ที่แปลตรงตัวว่า 'ออนเซ็นและสปา เฉพาะสำหรับคุณ' ใช่แล้วเพราะบ่อออนเซ็นของที่นี่เป็นไพรเวทอยู่ในห้องส่วนตัวทุกบ่อ คุณสามารถใช้เวลาแช่น้ำร้อนและผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจได้อย่างไร้กังวล จะเลือกใช้เวลากับตัวเองลำพัง หรือจะเลือกแชร์โมเม้นต์ร่วมกับคนข้างกายในบ่อคู่ ก็ได้ความเป็นส่วนตัวอย่างแท้จริง ข้อดีของการเป็นบ่อน้ำร้อนส่วนตัวคือ ทางร้านสามารถปรับอุณหภูมิความร้อนของแต่ละบ่อให้เหมาะสมตามความต้องการของลูกค้าแต่ละคนได้ และทำความสะอาดทุกครั้งหลังใช้ เพราะฉะนั้นจึงไม่ต้องใส่คลอรีนเยอะเพื่อคอยฆ่าเชื้อเหมือนบ่อรวม แร่ธาตุในน้ำจึงยังอยู่ครบ ทำให้การแช่น้ำในแต่ละครั้งของคุณจะได้รับการบำรุงจากแร่ธาตุที่มีประโยชน์อย่างที่ควรจะเป็น ไม่ต่างจากการไปแช่ออนเซ็นที่ญี่ปุ่นเลย
1 / 7
2 / 7
3 / 7
4 / 7
5 / 7
6 / 7
7 / 7
ซึ่งที่นี่ก็นำเข้าผงแร่จาก 3 เมืองขึ้นชื่อเรื่องออนเซ็นธรรมชาติของประเทศญี่ปุ่น ได้แก่ เมือง Kusatsu ที่มีคุณสมบัติในการฆ่าแบคทีเรีย และช่วยรักษาอาการอักเสบของผิวหนัง เมือง Ureshino อุดมไปด้วยธาตุเหล็ก เด่นในด้านการบำรุงผิวให้ผุดผ่อง และเมือง Nyuto ที่มาพร้อมกับแร่ธาตุที่ช่วยระบบการไหลเวียนเลือด บำรุงผิว และมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ให้ได้เลือกตอบโจทย์ความต้องการของตัวเอง
ซึ่งนอกจากที่นี่จะมีบ่อออนเซ็นให้ได้แช่กันอย่างสบายและเป็นส่วนตัวแล้ว หากต้องการการผ่อนคลายแบบสุดๆ หลังแช่น้ำร้อน ต่อด้วยการนวดก็จะยิ่งฟิน เพราะการแช่น้ำร้อนก่อนนวดถือเป็นการช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อให้พร้อมรับการนวด ช่วยลดการเจ็บจากการนวดน้อยลง
Vogue tips : อุณหภูมิปกติจะถูกตั้งอยู่ที่ 40 องศาเซลเซียส แต่ถ้าหากคุณเป็นคนที่มีความดันสูง (ไม่มาก) และทานยาควบคุมอยู่เป็นประจำ หรืออยู่ในระยะตั้งครรภ์หลัง 5 เดือนแล้ว ก็สามารถแช่ได้ (แนะนำให้มีพาร์เนอร์มาแช่ด้วย) โดยทางร้านสามารถลดอุณหภูมิน้ำลงมาที่ 38-38.5 องศาเพื่อความเหมาะสมได้
-
84 สุขุมวิท 49 (ซอยกลาง)
โทร : 081 268 4624
ทุกวัน 09:30 - 22:30 www.kashikirionsenandspa.com
FB : onsen49
Salon du Japonisant
เติมลิปสติกสีเด่นแล้วมองหาประตูไม้สัก หลังกำแพงหินสีดำภายในซอยพร้อมศรี 1 ที่เชื่อมระหว่างสุขุมวิท 39 กับสุขุมวิท 49 ให้ดี เพราะสถานแห่งนี้ มีความญี่ปุ่นสุดคราฟท์รอต้อนรับคุณอยู่ กับซีเล็คชั่นวิสกี้ โชจู อูเมะชู และอีกสารพัดเครื่องดื่มจากแดนอาทิตย์อุทัย เรียงรายอยู่เต็มผนังพร้อมรอให้คุณได้ทำความรู้จักผ่านการจิบตลอดค่ำคืน ใช่แล้ว Salon du Japonisant ร้านเล็กๆ แต่อัดแน่นด้วยคุณภาพและความหลากหลายของเครื่องดื่มนำเข้าจากญี่ปุ่นแห่งนี้ และเป็นบาร์แบบญี่ปุ่นทุกกระเบียดนิ้ว ความปราณีตในการชง ลีลาที่ไม่รีบร้อนและแม่นยำของบาร์เทนเดอร์ บรรยากาศที่ผ่อนคลายและเป็นส่วนตัว คือรสชาติและประสบการณ์ที่บาลานซ์ออกมาเป็นแก้วที่อยู่ในมือ เป็นจุดเด่นที่ไม่มีบาร์ของชาติไหนลอกเลียนแบบได้
หากคุณได้นั่งหน้าเคาน์ทเตอร์บาร์ มองดู Kei-San บาร์เทนเดอร์เพียงคนเดียวของร้าน ค่อยๆ แกะน้ำแข็งด้วยมีดให้ได้ขนาดและรูปทรงที่เหมาะกับแก้วและเครื่องดื่มที่เค้ากำลังจะชงอย่างใจเย็น ความนิ่งและเป๊ะในการวัด ตวง คน เขย่า สโมค และกรองส่วนผสมให้เข้ากัน ก่อนจะพร้อมเสิร์ฟ คราฟท์ค็อกเทลของจริงที่ไม่ต้องอิงสตอรี่ใดๆ และที่สำคัญความบาลานซ์ของรสชาติ กลิ่น
1 / 6
2 / 6
3 / 6
4 / 6
5 / 6
6 / 6
จะว่าไปที่นี่น่าจะเป็นที่ที่มีซีเล็คชั่นวิสกี้ โชจู อูเมะชู ส่งตรงจากญี่ปุ่นให้คุณได้เลือกลองเยอะที่สุดแล้วในประเทศไทย แบบไม่ต้องบินไปไกลถึงห้าชั่วโมง หรือเจอภาษาญี่ปุ่นมากั้นกลางในการลองสั่งเครื่องดื่มใหม่ๆ เพราะที่นี่มีพร้อมทั้งช้อยส์ และตัวช่วย อยากได้รสชาติอย่างไร อารมณ์ไปทางไหน หรือลองอะไรที่ไม่เคยแม้แต่จะรู้จัก บอก Kei-San ให้ tailor made ให้คุณได้เลย ความเก๋และแน่จริงยังไม่จบที่แค่ความหลากหลายของสปิริตญี่ปุ่น แต่ทุกส่วนผสมที่ใช้ชงเครื่องดื่มทุกแล้ว อย่าง bitter ที่ช่วยเพิ่มความหอม และความซับซ้อนให้กับค็อกเทล แยมผลไม้สดที่ใช้เพิ่มรสหวาน (ที่นี่ไม่มีการใช้ไซรัปชงเครื่องดื่ม) หรือแม้กระทั่งชอคโกแลตที่ไว้กินคู่ตอนจิบ Old Fashioned นั้น Kei-San ก็ล้วนทำเองทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบ ยังไม่ต้องเชื่อเรา จนกว่าคุณจะมาลองด้วยตัวคุณเองสักครั้งที่ Salon du Japonisant
* ที่นี่มีค่าเซอร์ชาร์จ 200 บาท/คน ซึ่งถือเป็นธรรมเนียมปกติของค็อกเทลบาร์ญี่ปุ่นส่วนมาก (ไม่เกี่ยวกับเซอร์วิสชาร์จที่จะคิดจากค่าบริการ อาหาร และเครื่องดื่มทั้งหมด)
Vogue tips : อย่าพลาด Beni ที่แปลว่า scarlet ตรงกับสีค็อกเทลในแก้วสวย หอมราสพ์เบอรี่ชัดเจนพอๆกับกลิ่นข้าวจากสาเก Ohimine Jumai Daiginjo ดื่มง่ายแต่ดีกรีไม่ไร้เดียงสาเลย
-
36/5 สุขุมวิท 39
โทร : 083 019 9062
จันทร์ - เสาร์ 19:00 - 01:00
Kushikatsu Ishimoto
การเสิร์ฟสไตล์โอมากาเสะ (omakase) ไม่ได้เสิร์ปเฉพาะเมนูที่เป็นซูชิเท่านั้น ความจริงคำว่าโอมากาเสะยังมีการใช้ในอาหารประเภทอื่นด้วย ตามเรามาเปลี่ยนบรรยากาศจากซูชิโอมากาเสะแบบที่รู้จักกันดี เป็นของทอดที่เสิร์ฟแบบตามใจเชฟแต่ถูกใจเรากันดู และทำความรู้จักกับร้าน Kushikatsu Ishimoto ที่บอกเลยว่าแค่แหวกม่านก้าวเข้าร้าน ก็ราวกับก้าวมาถึงญี่ปุ่นได้ภายในเสี้ยววินาที เพราะถ้าไม่รวมพนักงานคนไทยแล้ว ลูกค้าในร้านเกือบ 100% เป็นชาวญี่ปุ่น
1 / 7
2 / 7
3 / 7
4 / 7
5 / 7
6 / 7
7 / 7
ก่อนอื่นเราต้องขอบอกว่า Kushikatsu คืออาหารประเภททอด ที่ต่างจากเทมปุระตรงแป้งที่ใช้ชุบทอด ซึ่งจะมีเกล็ดขนมปังเล็กๆ เสริมความกรุบกรอบ และจิ้มซอสที่ต่างกันไป โดยเฉพาะการกิน Kushikatsu แบบโอมากาเสะนั้น เชฟจะเรียงแต่ละไม้มาพร้อมแนะนำซอสที่ควรจิ้มกับไม้นั้น หรือหยอดซอสมาให้แล้วพร้อมกิน ที่ Kushikatsu Omakase ของ Ishimoto จะทยอยเสิร์ฟเนื้อ ผัก และอาหารทะเล สลับกันไปตลอดมื้อ ความพีคจึงทยอยมาอร่อยกันเรื่อยๆ โดยคร่าวๆ ทั้งคอร์สจะอยู่ที่คนละ 20-25 ไม้ ไม่ซ้ำกัน ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะหยุดจะอิ่มกันที่จุดไหน แต่หากคุณยังอยากไปต่อ เชฟก็สามารถให้สิทธิ์นั้นกับคุณได้ทันที
เห็นเป็นของทอดล้วนๆ อย่างนี้ หลายคนอาจเริ่มหวั่นใจในปริมาณน้ำมัน แต่ยืนยันได้เลยว่าแต่ละอย่างเชฟได้ทำการทอดมาทีละไม้ อย่างพิถีพิถัน ด้วยอุณหภูมิที่เหมาะสม ทำให้ไม่มีการอมน้ำมัน ใช้น้ำมันใหม่ และมีความกรอบนอก ก่อนจะกัดเข้าไปเจอไอเท็มที่ซ่อนตัวอยู่ภายใต้แป้งชุบนุ่มๆ ที่มีคาแรกเตอร์ของรสชาติ และรสสัมผัสแตกต่างกันไป
ไฮไลต์อีกอย่างของการกิน Kushikatsu แบบโอมากาเสะ ที่เกือบทุกไม้จะมาในหน้าตาที่ค่อนข้างคล้ายกัน ถึงแม้เชฟจะคอยบอกว่าแต่ละไม้คือะไร แต่ก็ยากจะคาดเดารสชาติได้จากภายนอก จนกระทั่งได้กัดผ่านชั้นแป้งกรอบๆเข้าไปแล้วนั่นเอง ความอร่อยที่ต่างกันไปในแต่ละไม้จึงทำการเผยตัว และถึงแม้นี่จะเป็นการกินแบบตามใจเชฟเสิร์ฟ แต่คุณก็มีสามารถสั่งซ้ำไม้ที่กินแล้วติดใจได้อีก หรือใครอยากลองแบบเบาๆ ก่อน ก็สามารถสั่ง a la cart จากวัตถุดิบที่ชอบอยู่แล้วได้ เช่นอยากกินกุ้ง หอยเชลล์ หรือเนื้อวากิวเป็นต้น
Vogue tips : มีคอร์ส Service set 1,000 บาท ที่เชฟจะเลือกเสิร์ฟ Kushikatsu หลากหลายไอเท็มให้คุณทั้ง 10 ไม้ พร้อมจานเรียกน้ำย่อยย่อมๆ และสลัดกะหล่ำปลีสด ในกรณีที่คุณอยากได้มื้อไลท์ๆ หรือจะสั่งแบบโอมากาเสะ แล้วค่อยๆกิน 3-4 ไม้ แล้วขอพักนั่งจิบนั่งคุย ก่อนบอกเชฟให้ไปต่อก็ได้
-
62/5-6 ชั้น 2 ซ.ธนิยะ สีลม
โทร : 02 632 9989, 097 239 0808
ทุกวัน 17:00 - 23:00
WATCH