สิ่งที่ทาสแมวส่วนใหญ่ต้องเจอในการเลี้ยงเจ้านายขนปุยคงหนีไม่พ้น ‘ความเอาแต่ใจ คาดเดาไม่ได้’ นึกอยากจะอ้อนเมื่อไหร่ก็มา นึกอยากจะอยู่ตัวคนเดียวเมื่อไหร่ก็ทิ้งเจ้าทาสไปอย่างไม่สนใจไยดี จนบางทีก็ทำให้คิดไปว่าเจ้าเหมียวคงไม่รักทาสที่เลี้ยงดูอย่างเราเป็นแน่ ทั้งหมดนี้เป็นเพราะอุปนิสัยเฉพาะตัวของแมวที่ ‘รักอิสระ’ เป็นอย่างมาก ดังนั้นทาสแมวที่ต้องการให้แมวรักจึงต้องอาศัยการเลี้ยงดูและการดูแลที่แตกต่างจากสัตว์ชนิดอื่น

 

1. ให้อิสระ

     แมวเป็นสัตว์อินโทรเวิร์ต (Introvert) ที่มีโลกส่วนตัวสูง นั่นทำให้แมวมักจะหลบไปใช้เวลากับตัวเองเงียบๆ คนเดียว ในทางกลับกัน ทาสแมวจะชอบให้แมวอยู่ในสายตา ชอบให้แมวคลอเคลีย ชอบให้แมวเล่นด้วย (เพราะเป็นโมเมนต์ที่ร่างกายจะปล่อยฮอร์โมนออกซิโทซิน โดปามีน และเซโรโทนิน ทำให้รู้สึกมีความสุขและผ่อนคลายความเครียด) ซึ่งนั่นค่อนข้างขัดต่อธรรมชาติของแมว และบางครั้งทำให้แมวรู้สึกอึดอัด วิธีที่ดีที่สุดคือการปล่อยให้แมวอยู่ในโลกส่วนตัวได้เท่าที่ต้องการ (และเมื่อแมวต้องการความรักจากทาส ต้องการเล่นด้วย หรือต้องการอาหาร แมวจะกลับมาหาทาสด้วยตัวเอง)

 

2. อย่าเข้าหาแมว แต่ให้แมวเข้าหาเรา

     ความอินโทรเวิร์ตไม่ใช่แค่อิสระในการใช้ชีวิต แต่รวมถึงการตัดสินใจว่าจะเข้าหาทาสหรือไม่ ในขณะที่สุนัขชอบให้มนุษย์เข้าหาเพื่อเล่นด้วย แมวนั้นจะเป็นขั้วตรงกันข้าม ทาสแมวที่พุ่งเข้าหาทันทีที่เห็นจะทำให้แมวพยายามหลีกเลี่ยง แต่หากทาสแมวนั่งอยู่เฉยๆ และมีสมาธิจดจ่อกับบางสิ่งบางอย่าง หรือพยายามไม่เข้าใกล้ แมวจะเป็นฝ่ายเดินเข้ามาหาเอง นั่นเป็นเหตุผลที่แมวมักจะมานอนทับคีย์บอร์ดของทาสในขณะที่กำลังทำงาน นอกจากนี้แมวจะมีปฏิสัมพันธ์ (หรือเล่นด้วย) ต่อทาสที่นั่งรอในทิศทางที่ดีกว่าและยาวนานเมื่อเปรียบเทียบกับทาสที่พุ่งเข้าหาแมว

 

3. อาหารอร่อยในปริมาณพอเหมาะ

     ไม่ได้มีแค่มนุษย์ที่มีความสุขกับการกิน แมวเองก็ชื่นชอบอาหาร (และอาหารว่าง) รสชาติดีไม่แพ้กัน ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของทาสแมวที่ต้องเตรียมอาหารคุณภาพดี และอาหารว่างแสนอร่อยไว้ให้เจ้านายเสมอ โดยต้องสังเกตถึงความชอบของแมวแต่ละตัวด้วย อย่างไรก็ตาม แม้อาหารรสเยี่ยมจะเป็นการบ่งบอกถึงความรักที่ทาสมีต่อแมว (และบ่งบอกถึงการร้องขอความรักจากเจ้านายขนปุย) แต่การให้อาหารแมวมากจนเกินไปจะทำให้แมวมีน้ำหนักตัวที่มากเกินเกณฑ์ ซึ่งส่งผลเสียต่อสุขภาพของแมวได้

4. สภาพแวดล้อมที่ดีและสะอาด

     สาเหตุที่แมวมักจะเลียขนอยู่เสมอนั้นเป็นเพราะแมวเป็นสัตว์รักสะอาด และความรักสะอาดนั้นก็ทำให้แมวชอบให้ทุกสิ่งทุกอย่างสะอาดไปด้วย ดังนั้นกับแมวที่เลี้ยงในระบบปิดแล้ว ทาสแมวจะต้องเตรียมสถานที่เลี้ยงดูให้สะอาดสะอ้าน ไม่มีกลิ่นไม่พึงประสงค์ (สำหรับน้องแมว) รวมถึงความสะอาดของห้องน้ำแมวด้วย ซึ่งหากไม่มีเวลาก็สามารถหาห้องน้ำแมวที่มีระบบทำความสะอาดอัตโนมัติมาใช้งานได้ เพราะแมวคือเจ้านายที่จู้จี้เรื่องความสะอาดเป็นที่สุด

     นอกเหนือจากนี้ สภาพแวดล้อมความเป็นอยู่นั้นจะต้องทำให้แมวรู้สึกปลอดภัย สะดวกสบาย ไม่อึดอัด (อาหาร น้ำ และอาหารว่างเพียงพอ) และควรเตรียมกล่องเล็กๆ ไว้ให้แมวซุกตัวเมื่อต้องการ เพราะแมวจะตัดสินทาสจากการกระทำในอดีต และน่าเศร้าสักหน่อยที่แมวนั้นมีความจำที่ยาวนานมาก ดังนั้นหากทาสแมวพลาดในการจัดสรรที่อยู่ให้กับเจ้านายตัวน้อยตั้งแต่แรก อาจทำให้ความสัมพันธ์ไม่ดีในระยะยาวก็เป็นได้

5. รู้ว่าควรเล่นเมื่อไหร่ และรู้ว่าตอนไหนควรหยุด

     ในทุกความสัมพันธ์ การมีเวลาให้กันอย่างเพียงพอเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้นๆ ซึ่งกับแมวก็เช่นกัน ทาสแมวควรมีเวลาเล่นกับแมวทุกวัน วันละประมาณ 5 นาที (โดยเฉพาะกับแมวเด็ก) เพื่อกระชับความสัมพันธ์ ไม่ว่าจะเป็นการกอด การลูบ (ในจุดที่แมวชอบ) การป้อนขนม การเล่นของเล่น ทั้งหมดนี้ล้วนส่งผล อีกทั้งยังช่วยป้องกันไม่ให้เกิดพฤติกรรมชอบทำลายข้าวของ รวมถึงช่วยลดความเครียด และลดโอกาสเกิดความผิดปกติในการกินอาหารของแมวด้วย

     ทั้งนี้ทั้งนั้น ทาสแมวต้องไม่เล่นกับแมว ‘มากจนเกินไป’ แม้การเล่นกันช่วงสั้นๆ อาจจะไม่สามารถเติมเต็มความสุขใจของทาสแมวได้เต็มที่ แต่ก็ต้องหักห้ามใจและหยุดเล่นเพื่อปล่อยให้แมวได้มีเวลาส่วนตัว ไปทำในสิ่งที่ต้องการ (อย่าลืมว่าแมวเป็นสัตว์ที่มีโลกส่วนตัวสูง) และหากเจ้านายสุดที่รักยังต้องการเล่นกับคุณอยู่ ให้เขาเป็นฝ่ายเข้าหาคุณเอง

     วิธีทั้งหมดนี้จะทำให้เจ้านายที่คุณดูแลอยู่รักทาสอย่างคุณมากขึ้น และทำให้คุณมีปฏิสัมพันธ์กับเจ้าเหมียวสุดเอาแต่ใจมากขึ้นด้วย อย่างไรก็ตาม แม้เจ้านายจะมีอาการเหมือนกับไม่รัก ไม่แคร์ทาสอย่างเราๆ แต่เหล่าทาสแมวก็อย่าเพิ่งน้อยใจไป เพราะจริงๆ เจ้านายขนปุยทั้งหลายต่างก็รักทาสด้วยกันทั้งนั้น เพียงแต่แสดงออกมาในแบบสิ่งมีชีวิตอินโทรเวิร์ตเท่านั้นเอง