
LIFESTYLE
เปิดวิธีปรับอากาศภายในบ้านให้เป็นพื้นที่ปลอดฝุ่น!แนวทางป้องกัน PM2.5 ภายในบ้าน สร้างพื้นที่ปลอดภัย หายใจได้เต็มปอด |
เรื่อง: วราภรณ์ หงส์วรางกูร
ตรวจค่าฝุ่นแต่ละวัน ค่าฝุ่น PM2.5 ยังคงสูงจนน่ากังวลใจ และเป็นปัญหาที่คนเมืองใหญ่ต้องเผชิญอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งไม่เพียงแต่อากาศภายนอกเท่านั้นที่เต็มไปด้วยฝุ่นละอองและมลพิษจากการจราจร แต่ฝุ่นเหล่านี้ยังสามารถเล็ดลอดเข้าสู่บ้านของเราได้ ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของคนเราได้โดยไม่รู้ตัว ดังนั้นนอกเหนือไปจากการป้องกันตัวเองจากฝุ่นเมื่อออกนอกบ้านแล้ว การดูแลคุณภาพอากาศภายในบ้านก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะบ้านควรเป็นพื้นที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับการหายใจ วันนี้โว้กจึงมีแนวทางป้องกันฝุ่น PM2.5 ภายในบ้านมาฝาก ซึ่งเป็นวิธีที่จะช่วยปรับอากาศให้สะอาดขึ้น และทำให้บ้านเป็นที่พื้นที่ปลอดภัยสำหรับการใช้ชีวิต
ภาพ: Freepik
ใช้เครื่องฟอกอากาศ
เครื่องฟอกอากาศเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยลดปริมาณฝุ่น PM2.5 ภายในบ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยแนะนำให้เลือกใช้เครื่องฟอกที่มีแผ่นกรอง HEPA (High-Efficiency Particulate Air) ซึ่งสามารถดักจับฝุ่นขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอนได้ดี นอกจากนี้ควรเช็กว่าเครื่องฟอกอากาศมีตัวกรองคาร์บอนเพื่อช่วยกำจัดกลิ่นและสารเคมีในอากาศด้วยหรือไม่ รวมถึงควรเลือกเครื่องที่มี CADR (Clean Air Delivery Rate) สูง เพราะจะสามารถฟอกอากาศได้อย่างรวดเร็วและทั่วถึง
ปิดช่องทางที่ฝุ่นสามารถเล็ดลอดเข้ามาได้
เพื่อป้องกันไม่ให้ฝุ่น PM2.5 เข้ามาภายในบ้าน ควรปิดประตูและหน้าต่างให้แน่นหนา โดยสามารถใช้แถบกันฝุ่นติดบริเวณขอบประตูและหน้าต่างเพื่อป้องกันช่องว่างที่ฝุ่นจะสามารถเล็ดลอดเข้ามาได้ หากกรณีที่จำเป็นต้องเปิดหน้าต่างเพื่อระบายอากาศบ้าง แนะนำให้เลือกติด ‘มุ้งลวดกันฝุ่น’ ที่ทำจากนาโนไฟเบอร์ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยกันฝุ่นได้ ในขณะที่ยังระบายอากาศได้ด้วย นอกจากนี้ยังอาจเสริมทัพด้วย ‘ผ้าม่านกันฝุ่น’ อีกชั้น ซึ่งผ้าม่านประเภทนี้จะใช้เนื้อผ้าที่ถูกออกแบบด้วยวัสดุและเทคโนโลยีที่ลดการสะสมของฝุ่น รวมไปถึงไรฝุ่น ละอองเกสร และสารก่อภูมิแพ้อื่นๆ
เพิ่มต้นไม้ฟอกอากาศภายในบ้าน
ต้นไม้ฟอกอากาศเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยเพิ่มความสดชื่นและช่วยปรับสมดุลของอากาศภายในบ้าน แม้ว่าต้นไม้ไม่ได้สามารถดูดซับฝุ่น PM2.5 ได้โดยตรง แต่ต้นไม้บางชนิดสามารถช่วยเพิ่มความชื้น ทำให้อากาศไม่แห้งจนเกินไป และช่วยลดการฟุ้งกระจายของฝุ่นละออง อาทิ ‘ลิ้นมังกร’ ซึ่งช่วยดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์และปล่อยออกซิเจนในตอนกลางคืน เหมาะกับการวางไว้ในห้องนอน หรือ ‘พลูด่าง’ เป็นต้นไม้ประดับที่ช่วยลดสารพิษและเพิ่มความชื้นภายในบ้าน อย่างไรก็ตาม ควรหมั่นเช็ดใบต้นไม้เป็นประจำเพื่อไม่ให้มีฝุ่นเกาะ และเลือกวางต้นไม้ในจุดที่เหมาะสมเพื่อให้เกิดการหมุนเวียนอากาศที่ดีขึ้น
ทำความสะอาดบ้านอย่างสม่ำเสมอ
เนื่องจากฝุ่นละอองสามารถสะสมอยู่ตามพื้น เฟอร์นิเจอร์ และข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ในบ้านได้ เพราะฉะนั้นจึงควรทำความสะอาดบ้านเป็นประจำ โดยวิธีการทำความสะอาดที่ถูกต้องมีส่วนสำคัญอย่างมากในการลดการฟุ้งกระจายของฝุ่น การใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆ เช็ดพื้นและเฟอร์นิเจอร์เป็นวิธีที่แนะนำมากกว่าการใช้ไม้กวาด เพราะไม้กวาดอาจทำให้ฝุ่นฟุ้งกระจายขึ้นสู่ในอากาศ และเพิ่มโอกาสในการสูดดมฝุ่นเข้าสู่ร่างกาย นอกจากนี้ ควรเลือกใช้เครื่องดูดฝุ่นที่มีแผ่นกรอง HEPA (High-Efficiency Particulate Air) เพราะสามารถกรองฝุ่นละอองขนาดเล็กอย่าง PM2.5 ได้
ลดกิจกรรมที่จะสร้างฝุ่นภายในบ้าน
ควรลดกิจกรรมบางอย่างที่อาจเป็นตัวการก่อให้เกิดฝุ่นและมลพิษในอากาศโดยไม่รู้ตัว เช่น การจุดธูปและเทียนหอม เพราะถึงแม้ว่ากลิ่นหอมจะช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายก็จริง แต่ในขณะเดียวกันมันก็ปล่อยฝุ่น PM2.5 และสารประกอบอินทรีย์ระเหยในอากาศ ส่วนเวลาที่ทำอาหารควรเปิดเครื่องดูดอากาศ หรือเลือกใช้เตาไฟฟ้าแทนเตาแก๊สเพื่อลดการปล่อยก๊าซและควัน นอกจากนี้การสูบบุหรี่ภายในบ้านยังเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้คุณภาพอากาศแย่ลง เพราะควันบุหรี่ประกอบด้วยสารพิษหลายชนิดและสามารถเกาะติดอยู่ตามเฟอร์นิเจอร์ได้เป็นเวลานานด้วย
WATCH
WATCH