นิยามของคำว่า “บ้านที่น่าอยู่” ไม่ใช้เพียงบ้านที่ออกแบบตกแต่งสวยงาม แต่บ้านที่น่าอยู่ยังควรตอบโจทย์การใช้ชีวิตประจำวันของผู้อยู่อาศัยด้วย เพราะฉะนั้นการจัดบ้านให้น่าอยู่ จึงสำคัญที่การวางแผนและรู้จักใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ตั้งแต่การวางแผนพื้นที่ จัดระเบียบสิ่งของ ไปจนถึงการตกแต่ง ซึ่งไม่ว่าคุณจะเริ่มจัดบ้านใหม่ที่เพิ่งย้ายเข้า หรือปรับบ้านที่อาศัยอยู่แล้วให้น่าอยู่ยิ่งขึ้น แนะนำให้ค่อยๆ จัดทีละขั้นตอนตามไกด์ต่อไปนี้
1. วางแผนการใช้พื้นที่ให้ชัดเจน
ก่อนจะเริ่มลงมือจัดบ้าน สิ่งสำคัญที่สุดคือการเห็นภาพรวมที่ชัดเจนว่าพื้นที่ในบ้านจะถูกใช้เพื่ออะไรบ้าง การวางแผนนี้ไม่เพียงช่วยให้การจัดบ้านมีทิศทาง แต่ยังทำให้การเลือกเฟอร์นิเจอร์ การจัดเก็บของ และการตกแต่งง่ายขึ้น บ้านจะออกมาเป็นสัดส่วน ใช้งานได้จริง และดูน่าอยู่ในทุกมุม
สำหรับบ้านใหม่ที่เพิ่งย้ายเข้า : การวางแผนเหมือนการเริ่มต้นบนกระดาษเปล่า สามารถกำหนดโซนการใช้งานได้ตั้งแต่ต้น ไม่ว่าจะเป็น มุมพักผ่อน มุมทำงาน หรือโซนครัว การคิดล่วงหน้าจะช่วยลดการซื้อของเกินจำเป็น และทำให้การตกแต่งเข้ากับพื้นที่ได้พอดีตั้งแต่แรก
สำหรับบ้านเดิมที่อาศัยอยู่แล้ว : ลองสำรวจว่ามุมไหนยังตอบโจทย์การใช้งาน และมุมไหนกลายเป็นที่กองของโดยไม่รู้ตัว จากนั้นวางแผนปรับเปลี่ยนใหม่ เช่น ย้ายตำแหน่งเฟอร์นิเจอร์เพื่อให้เดินสะดวกขึ้น หรือเปลี่ยนมุมรกๆ ให้กลายเป็นมุมที่ใช้งานได้ วิธีนี้จะช่วยให้บ้านน่าอยู่มากกว่าเดิม
2. คัดแยกและจัดระเบียบสิ่งของ
ขั้นตอนต่อมาคือการคัดแยกและจัดระเบียบสิ่งของ บ้านที่ดูรกหรือไม่น่าอยู่ ส่วนใหญ่มักไม่ได้เกิดจากพื้นที่เล็กเกินไป แต่เกิดจากการสะสมสิ่งของที่ไม่จำเป็นไว้มากเกินไป การจัดการกับสิ่งของเหล่านี้จึงเป็นหัวใจสำคัญที่จะทำให้บ้านดูโปร่ง โล่ง และน่าอยู่ขึ้น
สำหรับบ้านใหม่ที่เพิ่งย้ายเข้า : ก่อนย้ายเข้าบ้านใหม่ ควรคัดแยกของจากบ้านเดิมออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ 1) ของที่ใช้ประจำ 2) ของบริจาค และ 3) ของที่ไม่จำเป็นต้องเก็บอีกต่อไป เพื่อเป็นการเลือกว่าจะพาสิ่งของชิ้นไหนเข้ามาอยู่ด้วยจริงๆ วิธีนี้จะช่วยให้บ้านใหม่เริ่มต้นด้วยความเป็นระเบียบ ไม่รกตั้งแต่วันแรก
สำหรับบ้านเดิมที่อาศัยอยู่แล้ว : การคัดแยกของต้องใช้ทั้งเวลา แรงกาย และแรงใจ แต่รับประกันได้ว่าผลลัพธ์คุ้มค่าอย่างแน่นอน แนะนำให้เริ่มจากมุมที่รกที่สุด เช่น ตู้เสื้อผ้า หรือห้องครัว โดยใช้หลักการ “ถ้าสิ่งนั้นไม่ได้ใช้เกินหนึ่งปี” ให้นำออกจากบ้าน
3. ใช้พื้นที่เก็บของให้คุ้มค่า
พื้นที่จัดเก็บของที่เป็นระบบคือกุญแจสำคัญที่จะทำให้บ้านดูเป็นระเบียบและน่าอยู่ ไม่ว่าบ้านจะกว้างหรือเล็ก หากใช้พื้นที่ไม่คุ้มค่า บ้านก็อาจดูรกได้ตลอด
สำหรับบ้านใหม่ที่เพิ่งย้ายเข้า : วางแผนทำที่เก็บของตั้งแต่ต้น เช่น บิลต์อินตู้เสื้อผ้า ตู้ครัว หรือชั้นวางของ รวมถึงเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ที่มีฟังก์ชันเก็บของในตัว อาทิ โซฟามีลิ้นชัก หรือเตียงที่มีพื้นที่เก็บของด้านล่าง
สำหรับบ้านเดิมที่อาศัยอยู่แล้ว : ลองสำรวจพื้นที่แนวตั้งและมุมต่างๆ ในบ้านที่ว่าถูกใช้ประโยชน์แล้วหรือยัง หากยังอาจติดตั้งชั้นลอย ตู้สูงจรดเพดาน หรือราวแขวนผนัง เพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บของ วิธีนี้จะช่วยให้บ้านมีความเป็นระเบียบและดูโปร่งสบายตาขึ้น
4. เลือกเฟอร์นิเจอร์ให้เหมาะกับพื้นที่
นอกจากเลือกเฟอร์นิเจอร์จากดีไซน์ที่ชอบแล้ว แต่สิ่งที่สำคัญไปกว่านั้นคือการเลือกเฟอร์นิเจอร์ให้สอดคล้องกับขนาดของห้องและการใช้งานจริง
สำหรับบ้านใหม่ที่เพิ่งย้ายเข้า : ควรวางแผนเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ให้เข้ากับโครงสร้างและสไตล์ของบ้านตั้งแต่แรก เริ่มจากชิ้นหลักที่จำเป็น เช่น เตียงนอน โซฟาที่ และโต๊ะทานอาหาร เป็นต้น
สำหรับบ้านเดิมที่อาศัยอยู่แล้ว : อยากจัดบ้านให้น่าอยู่ ไม่จำเป็นต้องโละเฟอร์นิเจอร์เก่าแล้วซื้อใหม่หมด ลองเริ่มจากการจัดวางใหม่ หรือจัดวางในทิศทางใหม่ เท่านี้ห้องก็จะได้บรรยากาศใหม่ ทั้งยังดูโล่งและเดินสะดวกขึ้น
5. ใช้แสงสร้างบรรยากาศบ้านให้น่าอยู่
หลังจากจัดบ้านครบทุกขั้นตอนข้างต้นแล้ว ลองใช้การปรับแสงเพื่อเติมชีวิตชีวาและสร้างอารมณ์ให้กับบ้าน ไม่ว่าจะเป็น การใช้แสงธรรมชาติ โคมไฟ ไปจนถึงการเลือกโทนสีของตกแต่งต่างๆ
สำหรับบ้านใหม่ที่เพิ่งย้ายเข้า : ควรออกแบบให้ห้องเปิดรับแสงธรรมชาติได้เต็มที่ พร้อมเลือกใช้ไฟโทนอุ่นหรือวอร์มไวท์ เพื่อสร้างบรรยากาศผ่อนคลายและความรู้สึกอบอุ่นตั้งแต่วันแรกที่เข้าอยู่
สำหรับบ้านเดิมที่อาศัยอยู่แล้ว : อาจไม่จำเป็นต้องรีโนเวทใหญ่ แค่ปรับไฟในบางจุด เช่น เพิ่มโคมไฟตั้งพื้นในห้องนั่งเล่น หรือเปลี่ยนหลอดไฟขาวเป็นไฟวอร์มไวท์ ก็ช่วยเปลี่ยนบรรยากาศได้ทันที
