เมนูของหวานและเมนูเค้กต่างๆ ยังคงเป็นหนึ่งในอาหารหวานที่ครองใจใครหลายคนมาอย่างยาวนาน เช่นเดียวกับครั้งนี้ที่ #VogueFoodGuide จะพาแฟนๆ และคนรักอาหารไปทำความรู้จักกับเค้กอีกหนึ่งชนิดอย่าง Red Velvet เค้กที่มาพร้อมเนื้อสีแดงฉ่ำอันเป็นเอกลักษณ์ ทว่าเบื้องหลังของสีแดงนั้นอาจไม่ได้เกิดขึ้นเพียงการผสมสีลงเค้กเท่านั้น 

 

ภาพจาก amirali mirhashemian บน Unsplash

     เค้ก Red Velvet เป็นเค้กที่มีประวัติความเป็นมายาวนาน ถึงแม้จะไม่ปรากฏเป็นหลักฐานที่แน่ชัดแต่ก็ยังมีหลายๆ คนพูดไปในทิศทางเดียวกันว่า เค้กดังกล่าวริเริ่มตั้งแต่ช่วงปี 1950 และมีหลายทฤษฎีที่พูดถึงจุดกำเนิดของเค้กเนื้อแดงนี้ ไม่ว่าจะเป็นทฤษฎีแรกอย่างการเป็นเค้กที่เกิดจากความผิดพลาด โดยเชื่อว่าในช่วงศตวรรษที่ 19 มีพ่อครัวขนมหวานกำลังทำเค้กช็อกโกแลต แต่กลับขาดส่วนผสมสำคัญอย่างผงโกโก้ จนทำให้เขาต้องนำเอาน้ำส้มสายชูและบีตรูตมาใช้ในการทำสีแทน ด้วยส่วนผสมดังกล่าวทำให้เค้กออกมาเป็นเนื้อสีแดงนั่นเอง

 

ภาพจาก preppykitchen.com

     หรือจะเป็นอีกหนึ่งทฤษฎีที่มีความคล้ายคลึงกับทฤษฎีแรก หากแต่แนวคิดนี้ว่าด้วยเรื่องของเศรษฐกิจที่อยู่ในช่วงขาลงของศตวรรษที่ 19 ทำให้การทำเค้กช็อกโกแลตนั้นต้องลดสัดส่วนผงโกโก้ที่มีราคาสูงลง และแทนที่ด้วยน้ำส้มสายชูและบีตรูตที่ให้สีแดงเพื่อเป็นการเลียนแบบสีของโกโก้ จนทำให้ได้เค้กเนื้อสีแดงสด รสชาติดี และที่สำคัญมีราคาถูก ทำให้คนทั่วไปเข้าถึงได้

 

ภาพจาก sweetbytesokc.com

     นอกจากนี้ยังมีทฤษฎีที่ผูกโยงเข้ากับหลักการตลาดอีกด้วยไม่ว่าจะเป็นการผลิตเค้กสีแดงออกมาโดยบริษัทผลิตสีผสมอาหาร ที่ต้องการโปรโมตสีผสมอาหารสีแดง จึงคิดค้นสูตรเค้ก Red Velvet ออกมาให้มีสีสันสดใส น่ารับประทาน และมีความโดดเด่นจากเค้กชนิดอื่นๆ ถึงแม้เค้ก Red Velvet จะมีที่มาที่ยังไม่ชัดเจนมากนัก แต่เค้กชนิดนี้กลับได้รับความนิยมสูงมากขึ้นโดยเฉพาะในช่วงปี 1980 ที่เค้ก Red Velvet ได้กลับมาปรากฏตัวผ่านภาพยนตร์เรื่อง “Steel Magnolias” กับฉากเค้กก้อนใหญ่สีแดงรูปตัวนิ่มที่กำลังถูกตัดแบ่งในงานแต่งงาน ซึ่งอิทธิพลจากภาพยนตร์ดังกล่าวทำให้ในท้ายที่สุดแล้วเค้ก Red Velvet กลับกลายมาเป็นสัญลักษณ์ยอดนิยมในงานแต่งงานทางตอนใต้ของอเมริกา

 

     เค้ก Red Velvet คือหนึ่งในขนมหวานที่ก้าวผ่านกาลเวลา และยังคงได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นในทุกยุคสมัย โดยเฉพาะในปัจจุบันที่มีการปรับเปลี่ยนและพัฒนาสูตรให้กลายเป็นของหวานได้หลายชนิดมากขึ้น ทำให้เค้กชนิดนี้ยังคงโดดเด่นบนหน้าประวัติศาสตร์ขนมหวานเช่นเดียวกับเมนูอื่นๆ อีกมากมาย