ห้องอาหารไทยที่ทั่วโลกต่างยอมรับ 'Sra Bua by Kiin Kiin' ณ โรงแรม Siam Kempinski เผยเมนูใหม่!

     โรงแรม Siam Kempinski Bangkok เป็นโรงแรมในเครือของกลุ่มโรงแรมที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรป ‘เคมปินสกี้’ เป็นโรงแรมหรูระดับห้าดาวรูปแบบรีสอร์ต มีทำเลที่ตั้งโดดเด่น ณ บริเวณใจกลางเมืองกรุงเทพมหานครติดกับวังสระปทุมใกล้กับศูนย์การค้าและแหล่งรวมความบันเทิงมากมาย ภายในตกแต่งสไตล์ร่วมสมัยหลอมรวมอัตลักษณ์ความเป็นยุโรปขนานแท้เข้ากับวัฒนธรรมไทยได้อย่างสง่างาม พร้อมห้องอาหารไทยชั้นนำที่คนทั่วโลกอยากมาลิ้มลองชิมอาหารไทยของห้องอาหาร

     ห้องอาหาร Sra Bua by Kiin Kiin ตั้งอยู่ในโรงแรมสยามเคมปินสกี้ กรุงเทพฯ เป็นหนึ่งในร้านอาหารที่ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในร้านอาหารยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย คอนเซปต์ของร้านเป็นจุดเด่นที่สามารถสร้างความประทับใจให้กับผู้ที่ชื่นชอบและหลงใหลในการรับประทานอาหารอย่างแท้จริง นำทีมโดยหัวหน้าพ่อครัวอาวุโส ‘ชยวีร์ สุจริตจันทร์’ ที่จะพาทุกท่านดื่มด่ำไปกับอาหารไทยสไตล์โมเดิร์น ที่ถูกคิดค้นและปรุงขึ้นมาอย่างพิถีพิถันโดยใช้ Global Cooking Techniques นำเสนอออกมาในรูปแบบที่สร้างสรรค์แตกต่างไปจากอาหารไทยจานเดิมที่เราคุ้นเคย หากแต่วัตถุดิบและรสชาติของอาหารในแต่ละคำนั้นยังคงสัมผัสได้ถึงความเป็นไทยผ่านสมุนไพรและเครื่องเทศในแบบดั้งเดิมให้รสชาติที่กลมกล่อมครบรสไปด้วย หวาน เปรี้ยว เค็ม และเผ็ดซึ่งเป็นรสชาติหลักของอาหารไทยได้เป็นอย่างดี วัตถุดิบทุกอย่างผ่านการปรุงสดใหม่และทำขึ้นมาเองแบบโฮมเมดวันต่อวัน

      สำหรับในปีใหม่นี้ สระบัว บาย กิน กิน ได้รังสรรค์เมนูใหม่ให้นักชิมได้ตื่นตาตื่นใจไปอีกครั้ง เพื่อความตั้งใจที่จะนำเสนออาหารและวัตถุดิบท้องถิ่นไทย ผ่านเมนูอาหารไทยแบบประยุกต์กับอาหารตะวันตก และยังคงมอบอิสระให้กับนักชิมทุกท่านเลือกสร้างเมนูได้ด้วยตนเอง รังสรรค์โดยเชฟเฮนริค อูล แอนเดอร์เซนและหัวหน้าพ่อครัวอาวุโส เชฟเบิ้ม ชยวีร์ สุจริตจันทร์

 

 

1 / 4

2 / 4

3 / 4

4 / 4

     เฉกเช่นเคยที่แขกทุกท่านจะได้รับการต้อนรับอย่างเป็นกันเองที่บริเวณเลานจ์ของห้องอาหารแห่งนี้ และประสบการณ์การรับประทานจะเริ่มต้นขึ้นเมื่อเมนูอาหารเรียกน้ำย่อยได้ถูกนำเสนอ แต่ละชนิดได้รับแรงบันดาลใจมาจากประสบการณ์ของเชฟเฮนริค อาหารขึ้นชื่อของไทยจากภูมิภาคต่างๆ และไอเดียการทำอาหารสุดสร้างสรรค์ของทั้งสองเชฟ ได้แก่ Soy-salted Meringue with Cashew and Thai Wasabi เมอแร็งก์วาซาบิโยเกิร์ต, Satay Ice Cream Wafer เวเฟอร์สะเต๊ะ, Chargrilled Vegetable Puff with Pork Cracklings น้ำพริกหนุ่มแคปหมูข้าวพอง, Sea Snail Kiss หอยทากทะเลปรุงรสที่ใช้ชื่อเมนูนี้เพราะถ้ากินตามธรรมเนียมต้องใช้ริมฝีปากสัมผัสกับหอยโดยตรง, Wild Mushroom Stir-fry Oyster Sauce with Donut Cep Cap โดนัทไซซ์เล็กกับไส้เห็ดชิเมจิผัดกะเพรา, Betel Leaf with Passion Fruit and Chilli เมี่ยงคำ และเมนูสุดไอคอนิกที่เสิร์ฟอย่างอลังการด้วยอ่างบัวที่ลอยในน้ำกับเมนู Lotus in Lotus ยำรากบัว เหล่านี้ถูกเสิร์ฟตามลำดับ เพื่อยกระดับของความเข้มข้นของรสชาติอาหาร

 

 

     เมนูคอร์สหลักทั้งหมดประกอบหกเมนูใหม่ล่าสุด ได้แก่ Smoked Fish Soup with Cold and Warm Smoked Fish ต้มโคล้งปลากรอบ, Scallop and Cucumber Salad with Basil Mayo and Coriander Oil สลัดหอยแตงกวาน้ำมันกะเพราและผักชีให้รสชาติสดชื่นพร้อมกลิ่นหอม, Terrine of Pulpo and Asparagus with Tamarind Yum Dressing ยำปลาหมึกยักษ์, Lobster Cocktail with Lobster Bisque Foam ล็อบสเตอร์ค็อกเทลท็อปด้วยโฟมบิสก์, Duck Breast and Duck Terrine with XO Sauce and Crispy Duck Skin อกเป็ดราดซอสเอ็กซ์โอ ซึ่งอาหารเหล่านี้ได้เล่าเรื่องราว ประสบการณ์ และแรงบันดาลใจของทั้งสองเชฟที่มีต่อประเทศไทย รวมถึงร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมภาพลักษณ์ของอาหารไทยได้อย่างน่าสนใจ

 

 

 

Corn Parfait with Roasted Coconut Slurpee

     สิ้นสุดเมนูอาหารคาวเป็นที่เรียบร้อย ด้วยการมาถึงของอาหารหวาน ได้แก่ Corn Parfait with Roasted Coconut Slurpee ที่เชฟเฮนริคต้องการนำเสนอวิถีของคนไทยที่นิยมนำข้าวโพดมาทำเป็นอาหารหวาน ได้แรงบันดาลใจมาจากขนมสาคูข้าวโพด ยกระดับด้วยการเลือกใช้ข้าวโพดและน้ำกะทิคุณภาพที่ดีที่สุด เพื่อปิดท้ายการเดินทางของประสบการณ์การรับประทานอาหารในครั้งนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยแรงบันดาลใจและเรื่องราวของอาหารไทย

 

(สามารถอ่านเรื่อง Rosewood Bangkok นำเสนอเซ็ตน้ำชายามบ่ายรับวาเลนไทน์ในธีม ‘It's All in the Stars’ ณ ห้องอาหาร Lakorn ได้ที่นี่)