LIFESTYLE

รอยัล โอชารังสรรค์เมนูพิเศษจากตำรา 'บันทึก นึกอร่อย' อันเป็นมรดกทางวัฒนธรรมไม่ให้สูญหายตามกาลเวลา

#VogueFoodGuide นี่คือ 10 เมนูพิเศษที่รอยัล โอชาเลือกจากตำราอาหารของท่านผู้หญิงประสานสุข ตันติเวชกุล 'ต้นเครื่องในหลวงรัชกาลที่ 9' มารังสรรค์ให้ทุกคนได้ลิ้มรสถึงความอร่อยตามแบบฉบับไทยแท้

     หากจะกล่าวถึงการอนุรักษ์วัฒนธรรมนั้นมีหลากหลายวิธีให้สานต่อ แม้แต่การนำเสนอเมนูอาหารประจำชาติเองก็ถือเป็นการดำรงมรดกทางวัฒนธรรมได้เช่นกัน ด้วยความปรารถนาที่อยากให้อาหารไทยรสชาติดั้งเดิมอันเป็นอีกหนึ่งมรดกทางวัฒนธรรมไม่ให้สูญหายตามกาลเวลา Royal Osha (รอยัล โอชา) ร้านอาหารไทยไฟน์ไดนิ่งหนึ่งใน Michelin Restaurant ที่ครองใจนักชิมทุกสัญชาติได้จัดทำโครงการ "รอ ยัลโอชา ร่วมกับ หนังสือ บันทึก นึกอร่อย" รังสรรค์ 10 เมนูพิเศษจากตำราอาหารของท่านผู้หญิงประสานสุข ตันติเวชกุล ‘ต้นเครื่องในหลวงรัชกาลที่ 9’ ถ่ายทอดโดยเชฟชื่อดัง “เชฟวิชิต มุกุระ” เชฟมิชลินสตาร์ 1 ดาวและเอ็กเซ็กคูทีฟเชฟแห่งร้านรอยัล โอชา เชฟมากประสบการณ์ที่อยู่วงการอาหารไทยมานานกว่า 40 ปี โดยรายได้จาก 10 เมนูพิเศษและโครงการหนังสือบันทึก นึกอร่อยหลังหักค่าใช้จ่ายจำนวน 10% จะร่วมสมทบมูลนิธิชัยพัฒนาอีกด้วย #VogueFoodGuide จึงไม่พลาดพาผู้อ่านทุกคนไปพบกับเหล่าเมนูอาหารไทยตำรับชาววังที่รอยัล โอชาตั้งใจมอบความพิเศษให้แก่ผู้ที่ต้องการลิ้มรสความอร่อยครั้งนี้ด้วย

 

     เริ่มต้นด้วยเมนูเรียกน้ำย่อยอย่าง 'ประทัดลม' เมนูชื่อแปลกหูนี้มีมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ในยุคนั้นไทยเริ่มทำการค้ากับชาวจีนจึงเกิดการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมโดยเฉพาะด้านอาหาร ประทัดลมนั้นทำจากฟองเต้าหู้ที่นำไปห่อตัวเครื่องที่ประกอบไปด้วยหมูสับ เนื้อปู ปรุงรสด้วยสามเกลอ และใส่แห้วเพื่อเพิ่มรสสัมผัส ห่อเป็นรูปทรงกระบอกพันหัวท้ายด้วยต้นหอมแล้วทำไปทอดให้กรอบ เสิร์ฟคู่พร้อมน้ำจิ้มสามรสมอบความเผ็ดเล็กน้อยตามต้นตำรับ

     ต่อมากับ 'หมูเสียบสับปะรด' อาหารทานเล่นสไตล์แบบบาร์บีคิว โดยนำเนื้อหมูส่วนหัวไหล่จาก Pork Matters เนื้อหมูคุณภาพปลอดภัยจากสารเร่งเนื้อแดงและยาปฏิชีวนะ อุดมไปด้วยไขมันดีจากโอเมก้า 3 หั่นเต๋าหมักด้วยน้ำสับปะรดและเครื่องเทศตามสูตรต้นตำรับ เพิ่มลูกเล่นด้วยการนำแกนกลางของสับปะรดมาใช้แทนไม้เสียบ นำไปย่างไฟอ่อนๆ กลิ่นหอมของเนื้อหมูเคล้าเครื่องเทศ สามเกลอ ผสานกลิ่นน้ำสับปะรดที่แทรกซึมอยู่ในเนื้อหมู เสิร์ฟคู่กับน้ำจิ้มที่มีรสชาติเปรี้ยวหวานเค็มอย่างกลมกล่อม

 



WATCH




     ถัดมากับเมนูสลัดสไตล์ไทยอย่าง 'กระทงกุ้งกระทงมัน' ยำส้มโอรสจัดจ้าน ผสานรสสัมผัสหลากหลายมิติของถั่วพู มะพร้าวคั่ว แห้ว และความกรอบของกระทงมันฝรั่ง ท็อปด้วยกุ้งชุบเกล็ดขนมปังอันเป็นเมนูอาหารไทยโบราณที่อร่อยคุ้มค่าแก่การลิ้มรส อีกหนึ่งเมนูยำที่คนรุ่นใหม่อาจไม่คุ้นเคยกับ 'ยำหัวปลีกุ้งสด' หรือกัทลียำ ซึ่งกัทลีหมายถึงกล้วย โดยสูตรยำหัวปลีสูตรนี้รสชาติกลมกล่อม หอมกลิ่นหอมเจียว กระเทียมเจียว และถั่วลิสงคั่วป่น นอกจากนี้ยังมี 'ยำตะไคร้กุ้งสด' ให้เลือกรับประทานและสนุกไปกับรสหอมของสมุนไพรไทยอย่างตะไคร้ ที่นำมาซอยบางๆ คลุกเคล้าด้วยน้ำยำสามรส โรยด้วยมะพร้าวคั่ว เสิร์ฟพร้อมกุ้งลวกด้วยน้ำเกลือ รับประทานแล้วจะได้รสชาติที่รู้สึกเบาสบายและสดชื่น

 

     สำรับกับข้าวจานหลักมีให้เลือกครบสำรับทั้งน้ำพริก แกง ต้มจืด ไม่ว่าจะเป็น 'น้ำพริกมะกรูดวังวรดิศ' น้ำพริกหอมกลิ่นมะกรูดหาทานได้ยาก รสชาติคล้ายคลึงน้ำพริกกะปิ แต่เด่นด้วยการใช้มะกรูดมาเป็นตัวชูรสเปรี้ยว ทำให้มีกลิ่นหอมของมะกรูดที่กินแล้วรู้สึกสดชื่น ซึ่งเป็นตำรับที่ท่านผู้หญิงประสานสุขได้มาจากวังวรดิศ ทั้งนี้โรยด้วยแคบหมูแบบครัมเบิ้ลที่เวลารับประทานคู่กับน้ำพริกจะให้ความรู้สึกกรุบกรอบพร้อมทานคู่กับผักเคียงตามฤดูกาลก็เข้ากันอย่างลงตัว ถัดมากับอีกหนึ่งเมนูที่นำความเป็นไทยมาผสานกับวัตถุดิบฝรั่งด้วยการนำแกงมัสมั่นอันเป็นเมนูอาหารที่ติดอันดับอาหารที่อร่อยที่สุดในโลกและขึ้นแท่นเป็น “ราชาแห่งเครื่องแกง” มาผสมผสานกับความเปรี้ยวของส้มซันคิสแทนน้ำมะขามเปียก รังสรรค์เป็น 'แกงมัสมั่นไก่ใส่ส้ม' ให้รสชาติที่หอม เปรี้ยว หวาน หอมกลิ่นส้ม รวมถึง 'แกงฮังเล' อาหารชาวเหนือที่หอมกลิ่นสมุนไพรไทยอย่างข่า ขมิ้น หากใครได้ลิ้มลองต้องติดใจของรสชาติ 4 รสกลมกล่อมทั้ง เผ็ด หวาน เปรี้ยว และเค็ม ที่ซึมลึกลงไปในเนื้อหมูสามชั้นชิ้นโต เคี้ยวจนนุ่มละลายในปาก ทานคู่กับกระเทียมโทนดอกก็ยิ่งเพิ่มความกลมกล่อมได้เป็นอย่างดี

 

     ปิดท้ายกับ 2 เมนูที่ได้ยินเพียงชื่อก็อยากลิ้มลองอย่าง 'ไก่สำอาง' หอมกรุ่นกลิ่นกะทิเคล้ากลิ่นขมิ้น เพิ่มความครบรสด้วยน้ำตาล น้ำปลา มะนาว ทานคู่กับขิงหั่นฝอยทอด และน้ำมันพริก รวมถึงอาหารสำรับแบบไทยดั้งเดิมที่ขาดไม่ได้อย่างแกงจืดหรือต้มจืดกับเมนู 'แกงจืดหมูเม็ดแมงลัก' หอมหวานด้วยน้ำสต๊อกซดคล่องคอ โดดเด่นเนื้อหมูบดปั้นก้อนที่ปรุงรสด้วยกระเทียมสับ ซีอิ๊วขาว พริกไทย เพิ่มรสสัมผัสกรุบกรับของเม็ดแมงลักจัดเสิร์ฟสไตล์ไซฟอนเพื่อสร้างสุนทรียแห่งกลิ่นอโรมาของสมุนไพรไทยขณะลิ้มรสความอร่อยของเมนูสุดพิเศษนี้

 

     หากใครต้องการสัมผัสความอร่อยกับเมนูสุดพิเศษนี้จากโครงการ "รอยัลโอชา ร่วมกับ หนังสือ บันทึก นึกอร่อย" ตำรับอาหารชาววังของท่านผู้หญิง สามารถมาแล้วได้ที่รอยัล โอชา ถนนวิทยุ ซอยร่วมฤดี เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 11.30 – 23.00 น. 

 

ภาพและข้อมูล : Royal Osha (รอยัล โอชา)

WATCH