หนึ่งในรสชาติของอาหารที่ใครหลายคนชื่นชอบ คงเป็นรสชาติอาหารที่ผู้เป็นแม่หรือคนในครอบครัวได้รังสรรค์ให้เราได้ลิ้มรสมาตั้งแต่ในช่วงวัยเยาว์ เป็นรสชาติอาหารที่ชวนให้เราได้กลับไปสัมผัสความใส่ใจ ความรัก ตลอดจนความอร่อยในแบบดั้งเดิม แต่หากใครที่ไม่มีโอกาสได้กินอาหารฝีมือแม่ ร้านอาหารแห่งนี้ก็ได้สานฝันให้ทุกคนอีกครั้งกับ ร้าน “Enoteca Maria” 

 

ภาพจาก nymag.com

     ร้าน “Enoteca Maria” เป็นร้านอาหารท้องถิ่นสุดป๊อปในมหานครนิวยอร์ก ก่อตั้งโดย “Jody Scaravella” ชายผู้เกิดและเติบโตขึ้นมาในเมืองบรู๊คลิน โดยเขาอาศัยอยู่ในครอบครัวที่พ่อและแม่ทำงานอย่างหนักหน่วง และมีคุณยายชื่อว่า Nonna Domenica เป็นเสมือนผู้นำครอบครัว และเป็นผู้ถ่ายทอดวัฒนธรรมที่ถูกสืบต่อในครอบครัวอย่างการทำอาหารให้เขาได้สัมผัส ซึ่งในวัยเด็กเขาได้เหล่าว่า บ่อยครั้งที่ได้ไปตลาดกับคุณยายและมักพบเห็นพฤติกรรมแปลกเช่นการกัดชิมผลไม้ก่อนตัดสินใจซื้อ ซึ่งหากพวกมันไม่อร่อยคุณยายนอนน่าก็พร้อมที่จะบ้วนทิ้งลงบนพื้น พฤติกรรมเหล่านี้อาจดูเป็นสิ่งที่ไม่น่าเริงใจเสียเท่าไร่ แต่มันกลับไม่มีใครบ่นถึงการกระทำเหล่านี้ ทั้งยังกลายเป็นการทำให้ผู้คนรู้จักคุณยายเป็นอย่างดี ซึ่งเมื่อเขาได้สังเกตโจดี้ก็พบว่า พฤติกรรมเหล่านี้เป็นเสมือนสัญลักษณ์ที่ถ่ายทอดกันมา ไม่ใช่เพียงยายของเขาเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงคุณยายทั่วโลกอีกด้วย 

 

ภาพจาก nytimes.com

     ด้วยความหลงใหลในเอกลักษณ์และวัฒนธรรมสุดยูนีกของเหล่าคุณยายทำให้เขาตัดสินใจที่จะเปิดร้านอาหารขึ้นมาภายใต้ชื่อ “Enoteca Maria” ซึ่งเป็นร้านอาหารที่ให้เหล่าคุณยายในพื้นที่ได้มาทำอาหารพร้อมเสิร์ฟให้กับเหล่าลูกค้าได้ลิ้มลองรสชาติในแบบฉบับของฝีมือแม่ โดยมีการออกแบบตารางเวลาให้คุณยายแต่ละคนได้หมุนเข้ามาที่ร้านสับเปลี่ยนกันไปในแต่ละอาทิตย์

     ต่อมาในปี 2011 โจดี้เริ่มสนใจที่จะขยายแนวคิดนี้ไปสู่วัฒนธรรมการทำอาหารอื่นๆ จนในที่สุดก็เกิดเป็นโปรเจกต์อย่าง “Nonnas of the World” หนังสือที่รวบรวมสูตรอาหารที่สามารถให้คนทั่วโลกเข้ามาอัปโหลดสูตรอาหารเฉพาะตัวของคุณยายได้ โดยการอัปโหลดขึ้นบนเว็บไซต์ผู้อัปโหลดต้องแนบประวัติสั้นๆ ของคุณยาย รวมถึงรูปภาพหน้าตาของเมนูอาหารและสูตรอาหาร ทำให้หนังสือเล่มนี้เปรียบเสมือนการเป็นคลังที่รวบรวมวัฒนธรรมอาหารของเหล่าคุณยายที่กว้างขวางที่สุดอีกด้วย

 

ภาพจาก eatingwithziggy.com

     นอกจากการเปิดร้าน Enoteca Maria จะถือเป็นการสานฝันและส่งต่อวัฒนธรรมอาหารแล้ว ในอีกแง่มุมยังเป็นการส่งเสริมอาชีพและชีวิตของเหล่าผู้สูงอายุอีกด้วย เป็นการสร้างกิจกรรมและคอมมูนิตี้ที่ให้เหล่าคุณยายได้ออกมาทำกิจกรรมพบปะคนทั่วไปเพื่อช่วยในการลดความเครียดหรือความเบื่อหน่ายในวัยชราได้อีกด้วย โดยร้านอาหารนี้จะเปิดให้บริการในวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ และจะเปิดแบบเป็นรอบเวลาโดยแบ่งเป็นช่วง 14.30 , 17.30 และ 19.30 ผู้ต้องการลิ้มลองต้องทำการจองล่วงหน้าเท่านั้น