Cafè Dior กับสุดยอดผลงานโดยเชฟ Mauro Colagreco ณ Dior Gold House ใจกลางกรุงเทพฯ

     Café Dior ท่ามกลางวงล้อมกำแพงอันโอ่อ่าของ House of Dior ถูกศิลปะจัดวางสามมิติอันแสนอ่อนช้อยจากไม้ไผ่ล้วน ถ่ายทอดเสน่ห์รื่นรมย์จากอาณาจักรพรรณพฤกษ์ ดอกไม้ และนกน้อยในงานพิมพ์ลายชวนฝัน ต่างมอบความรู้สึกราวกับเป็นสิ่งมีชีวิต รูปทรงสามมิติจากความสลับซับซ้อนของเทคนิคสืบทอดรุ่นสู่รุ่นในชุมชนช่างฝีมือท้องถิ่นต่างๆ ที่ศิลปินร่วมงาน วิจิตรศิลป์กลางกรุงแห่งนี้ ยังทวีความโดดเด่นเป็นหนึ่งด้วยบรรดาเฟอร์นิเจอร์จากงานออกแบบโดย ศรัณย์ เย็นปัญญา ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ประจาก 56thStudio

 

 

1 / 3

2 / 3

3 / 3

     เป็นที่น่าตื่นตาตื่นใจเมื่อ Mauro Colagreco บรรจงออกแบบรายการของหวาน สุดเอ็กซ์คลูซีฟโดยเฉพาะสำหรับ Dior Gold House Café Dior พร้อมกับเป็นการสะท้อนถึงมรดกทรงคุณค่าของ House of Dior การหลอมหลวมปรัชญาและวิสัยทัศน์กว้างไกลของเชฟระดับสามดาวผู้รักและหลงใหลในศิลปะการจัดสวน รวมถึงความงดงามของพรรณรุกขชาติเช่นเดียวกับคริสเตียน ดิออร์ แต่ละรายการรสชาติเกินฝัน ตราตรึงทันทีที่ลิ้มลอง ล้วนได้รับแรงบันดาลใจทางการออกแบบและปรุงแต่งมาจากวงจรวัฏจักรธรรมชาติ ซึ่งมีการเปลี่ยนผันอย่างน่าอัศจรรย์ เช่นเดียวกับงานสร้างสรรคเ์ครื่องแต่งกายภายในห้องเมื่อ Mauro Colagreco เสื้อชั้นสูงของดิออร์ควรค่าต่อการเป็น “โภชนศิลป์ชั้นสูง” หรือ Haute-Gastronomie (โอต-กาส์โตรโนมี) อย่างแท้จริง

 

 

1 / 6

2 / 6

3 / 6

4 / 6

5 / 6

6 / 6

     ทุกสัญลักษณ์บ่งบอก “ความเป็นดิออร์” ถูกดัดแปลงและนำมาใช้แต่งเติมความวิจิตรประณีตใหแ้ก่บรรดาของหวาน และขนมแป้งพายอบรสเลิศ เต็มไปด้วยแง่มุมสลับซับซ้อนจากการจัดสัดส่วนให้กลมกลืนและลงตัว อาทิ ของหวานซึ่งอาศัยกรุ่นกลิ่นอวลละมุนของใบเขียวจากเตยหอม ปรุงแต่งร่วมกับกลิ่นฝาดเปรี้ยวและสดชื่นจากเครื่องเทศของมะกรูดไทยและมะนาว, กรวยน้ำแข็งไสนมกุหลาบกับราสพ์เบอร์รีและลิ้นจี่สด ตลอดจนขนมแป้งพายอบสอดไส้ หรือประดับหน้าด้วยพิสตาชิโอ วานิลลาหรือเสาวรส นอกจากนั้นยังมีรายการสุดเซอร์ไพรส์จากเชฟเป็นค็อกเทลหลากรส ปรุงสูตรโดยใช้เอสเซนส์สกัดจากดอกไม้ทำน้ำหอมตำรับดิออร์อย่างดอกส้มซ่าเนโรลิไปจนถึงมะลิและลาเวนเดอร์

     “ผมยินดีอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนร่วมกับการเปิดตัว Café Dior ภายใน Dior Gold House ใจกลางกรุงเทพมหานคร นี่เป็นโอกาสอันหาได้ยากสำหรับการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างศิลปะทางการตัดเย็บของห้องเส้ือช้ันสูงกับศาสตร์แห่งการปรุงอาหารตามวิถีโภชนศิลป์ชั้นสูง ถึงแม้จะเป็นสองวิชาชีพต่างสาขาแต่กลับมีบรรทัดฐานร่วมกันจากการใช้ความคิดสร้างสรรค์ ความประณีต และความพิถีพิถันทางงานฝีมือ เพื่อให้ช่างศิลป์แต่ละแขนงได้แสดงออกถึงพรสวรรค์หรือภูมิปัญญาของตนผ่านกระบวนการที่สลับซับซ้อน ซึ่งทั้งสองสิ่งต่างต้องอาศัยการใช้เวลา เหนือสิ่งอื่นใดคือความเข้าใจอย่างลึกซ้ึงถึงความสำคัญในการสืบสานความต่อเนื่องให้แก่บรรดาทักษะความชำนาญเหล่าน้ีล้วนเป็นปัจจัยสำคัญในการก้าวสู่จุดสูงสุดของความเป็นเลิศ” Mauro Colagrec กล่าว

 

(สามารถอ่านเรื่อง เอ็กซ์คลูซีฟครั้งแรกในโลก! โว้กพาทัวร์ด้านใน Dior Gold House ทุกซอกทุกมุมก่อนเปิดจริง ได้ที่นี่)