LIFESTYLE
Zom 100: Bucket List of the Dead การเสียดสีสังคมการทำงานญี่ปุ่นที่เป็นพิษแบบแสบๆ คันๆรูปแบบการนำเสนอภาพยนตร์สายปั่นที่ชวนอมยิ้มแต่สอดแทรกด้วยการสะท้อนภาพความจริงอันโหดร้ายในสังคมการทำงาน |
ภาพยนตร์เรื่องหนึ่งสามารถถ่ายทอดความสนุกได้พร้อมกับสารที่อยากสื่ออย่างแนบเนียน ดังนั้นการตีความโจทย์ปัญหาของเนื้อเรื่องจึงเป็นเรื่องสนุกในการชมภาพยนตร์อีกสิ่งหนึ่ง ในปัจจุบันภาพยนตร์หรือซีรี่ส์จำนวนมากสอดแทรกแนวคิดเกี่ยวกับประเด็นต่างๆ ไว้มากมาย การตีความของผู้ชมหรือการถ่ายทอดเรื่องราวที่ให้คำใบ้ทั้งหลายจึงเป็นสิ่งสำคัญที่กลายเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดความยอดเยี่ยมของเรื่องนั้นๆ ได้ไม่น้อย สำหรับ Zom 100: Bucket List of the Dead ก็สามารถถ่ายทอดความสนุกผ่านการตีแผ่และเสียดสีชีวิตจริงของชาวญี่ปุ่นบางส่วนได้อย่างขบขัน
เรื่องราวเล่าอย่างเรียบง่ายผ่านตัวละครเท็นโด อากิระหนุ่มจบใหม่ไฟแรงผู้พยายามหางานทำท่ามกลางบรรยากาศความกดดันในเมืองโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ดูเหมือนว่าชีวิตที่วาดฝันจะกลายเป็นขุมนรกในชั่วพริบตา การทำงานหนักในสังคมญี่ปุ่นคือเรื่องปกติธรรมดา ชีวิตที่เคยจินตนาการล้มครืน กลายเป็นว่าเด็กหนุ่มที่เคยไฟแรงกลับเหนื่อยล้าและแทบอยากจะล้มตัวลงนอนแล้วไม่ต้องกลับมาทำงานอย่างหนักหน่วงอีก ความกดดันจากสังคม ความเข้มข้นในการทำงาน รวมถึงบรรยากาศการทำงานอันเป็นพิษ ทั้งหมดหลอมรวมจนเกิดเป็นความทุกข์ที่เด็กหนุ่มคนหนึ่งเกินจะแบกรับ
เมื่อซอมบี้บุกโตเกียวทุกคนมองเป็นความโหดร้ายและสิ้นหวัง สำหรับเท็นโดมันกลายเป็นความหวังใหม่ในทันที เขาดีใจอย่างยิ่งที่ไม่ต้องไปทำงาน และเริ่มจดบันทึกสิ่งที่อยากทำก่อนที่ตัวเองจะตายหรือกลายเป็นซอมบี้ในท้ายที่สุด ความฟีลกู๊ดของภาพยนตร์เรื่องนี้ช่วยให้ทุกคนตระหนักเห็นว่าจงใช้ชีวิตอย่างที่อยากทำ ถ้าใช้ชีวิตแบบที่ไม่ได้ต้องการสู้จะตายเสียยังดีกว่า เรื่องราวดังกล่าวปลุกความสดชื่นในจิตใจของผู้ชมให้อยากออกมาใช้ชีวิตในเส้นทางของตัวเอง พยายามเพื่อความสุขหรือความตั้งใจของตัวเอง ดีกว่าจมปลักกับอะไรบางอย่างที่เป็นกรอบหนาขวางกั้นไม่ให้เราออกจากระบบ
แน่นอนว่าใครได้ชมภาพยนตร์เรื่องนี้จะได้รับสารอย่างตรงไปตรงมา สอดแทรกด้วยแนวคิดการใช้ชีวิตและรูปแบบตัวละครที่เข้าใจไม่ยากนัก แต่สิ่งที่สอดแทรกเข้ามาคือการถ่ายทอดและเสียดสีสังคมการทำงานของญี่ปุ่นแบบแสบๆ คันๆ เนื้อเรื่องสะท้อนให้เห็นสภาพการทำงานโต้รุ่ง การมุ่งมั่นเพื่อตอบสนองเจ้านาย ลำดับศักดิ์ในองค์กร และความตึงเครียดในการทำงานแบบจริงจังที่สุด สภาวะความเป็นพิษทั้งหลายกัดกินผู้คนในสังคมเสมอ ถึงขนาดมีคำกล่าวว่า “ญี่ปุ่นเป็นสถานที่น่าเที่ยวแต่ไม่น่าใช้ชีวิตอยู่” สิ่งเหล่านี้ก็อาจไม่เกินจริงนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมืองหลวงอย่างกรุงโตเกียว
เรื่องราวเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่เกิดจากการหล่อหลอมทางวัฒนธรรม ชาวญี่ปุ่นมีวัฒนธรรมการลงมือทำอย่างจริงจัง ความมุ่งมั่นแสดงออกถึงความตั้งใจหรือการพัฒนา ดังนั้นการทำงานก็เฉกเช่นเดียวกับความสนใจด้านอื่นๆ ที่ต้องใส่เต็มตัวตลอดเวลา วัฒนธรรมเหล่านี้ถูกส่งต่อมาจากรุ่นสู่รุ่น อีกทั้งยังผสมผสานกับวัฒนธรรมลำดับศักดิ์ ทั้งเรื่องอายุและตำแหน่ง ทำให้การทำงานในองค์กรหนึ่งเต็มไปด้วยความกดดันที่ต้องทำงานให้สำเร็จไปพร้อมกับตอบสนองความต้องการของเจ้านายให้สมบูรณ์แบบที่สุด เราจึงเห็นหนุ่มสาวญี่ปุ่นวัยทำงานเต็มไปด้วยความเครียดและความเหนื่อยล้าเป็นเรื่องปกติ
“อยู่เป็น” คำนี้เหมือนจะเป็นคำศัพท์เชิงบวก แต่แท้จริงแล้วเก็บซ่อนความหมายเชิงลบไว้ไม่น้อย การอยู่เป็นคือการปฏิบัติตัวให้สอดคล้องกับองค์กร ถ้าบังเอิญสอดผสานกับแนวทางของตัวเองก็อาจจะดี แต่การอยู่เป็นส่วนใหญ่คือการปรับเพื่อให้อยู่รอดในองค์กรนั้นๆ ทิศทางการทำงานที่เต็มไปด้วยความเครียดจึงไม่ถูกแก้ไข มีเพียงการหลบเลี่ยง ไม่ต่อสู้ และยอมรับทางอ้อมจนบีบบังคับตีกรอบชีวิตของคนทำงานไปโดยปริยาย
WATCH
การระบายความเครียดกลายเป็นเรื่องสำคัญของชาวญี่ปุ่น เราจึงเห็นความหมกมุ่นอยู่กับบางสิ่งบางอย่างเพื่อระบายความเครียดจากที่ทำงาน ไม่ว่าจะเป็นเกม การปาร์ตี้มึนเมา หรือแม้แต่เรื่องเพศ ทั้งหมดถูกสะท้อนออกมาผ่านภาพยนตร์เรื่องนี้อย่างเป็นธรรมชาติ มากไปกว่านั้นยังสิ่งที่เท็นโดอยากทำส่วนใหญ่เป็นเรื่องค่อนข้างเรียบง่าย แสดงให้เห็นว่าชีวิตเขาถูกบีบบังคับจากสังคมการทำงานจนไม่เหลือเวลามาทำอะไรเลย ความฝันอันเล็กน้อยอาจถูกเติมเต็มได้ไม่ยากหากสังคมการทำงานไม่บีบคั้นเขามากขนาดนี้
เรื่องราวในภาพยนตร์ความยาวราว 2 ชั่วโมงอาจไม่ได้เจาะลึกเข้มข้นดั่งภาพยนตร์ที่เน้นนำเสนอชีวิตสะท้อนสังคมเท่าไหร่นัก แต่วิธีการเสียดสีที่ชี้ให้เห็นสภาพความจริงนั้นก็ไม่ได้เป็นเรื่องโกหกเกินจริงแต่อย่างใด แท้จริงแล้วหัวหน้าชวนประสาทกิน การทำงานอย่างหักโหม และอื่นๆ อีกมากมายไม่ได้ปรากฏขึ้นเพียงในสังคมประเทศญี่ปุ่น แต่เป็นประสบการณ์ร่วมที่ทุกคนสัมผัสได้ในดีกรีที่แตกต่างออกไป ดังนั้นภาพยนตร์เรื่องนี้จึงสะท้อนชีวิตออกมาด้วยความเรียบง่าย พร้อมการเสียดสีที่ไม่ได้เจ็บแสบจนเกินไป เพียงแต่สะกิดให้รู้สึกแสบๆ คันๆ เท่านั้น ความสนุกและเอกลักษณ์อันเด่นชัดแบบฉบับตัวละครจากมังงะก็แสดงถึงผลงานได้ญี่ปุ๊นนน...ญี่ปุ่นเสียเหลือเกิน หากใครยังไม่ได้ชมความสนุกปนปั่นป่วนและสอดแทรกการเสียดสีสนุกๆ ห้ามพลาดทางเน็ตฟลิกซ์!
WATCH