LIFESTYLE
เปิดโลกของ Charlotte Casiraghi หลานสาวเจ้าหญิงเกรซแห่งโมนาโก ว่าด้วยเพื่อนในจินตนาการ หนังสือ และคาร์ลความหลงใหลของกาเบรียล ชาเนลในอดีตได้ถูกหยิบยกนำมาตีแผ่และแปลความอีกครั้งในรูปแบบของ Rendez-vous Litteraires Rue Cambon |
แฟนตัวยงของแบรนด์ชาเนลทราบกันเป็นอย่างดีว่ามาดมัวแซลโกโก้ ชาเนลนั้นมีความรักความผูกพันกับวรรณกรรม และชื่นชอบการอ่านหนังสือเป็นชีวิตจิตใจ หลักฐานโชว์หราอยู่ภายในอพาร์ทเมนต์แสนรักของเธอที่ถนนกัมบงใจกลางกรุงปารีส ซึ่งเต็มไปด้วยหนังสือเล่มโปรดของผู้เป็นเจ้าของ ล่าสุดความหลงใหลของกาเบรียล ชาเนลในอดีตได้ถูกหยิบยกนำมาตีแผ่และแปลความอีกครั้งในรูปแบบของ Rendez-vous Litteraires Rue Cambon ซึ่งเป็นซีรีส์พ็อดคาสต์ที่ว่าด้วยความเชื่อมโยงกันระหว่างวรรณกรรม ปรัชญา การปลดเปลื้อง และแฟชั่น โดยมีแม่งานใหญ่คือผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์อย่าง Virginie Viard และได้รับการสนับสนุนโดย Bruno Pavlovsky ประธานของแบรนด์ที่กล่าวถึงซีรีส์พ็อดคาสต์ชุดนี้เอาไว้ว่า “นี่เป็นการตีความและเปิดวิสัยทัศน์ใหม่ผ่านการวิเคราะห์ผลงานประพันธ์เล่มต่างๆ เพื่อที่จะเชิดชูผู้หญิงและนักเขียนที่มีความสามารถ โดยผ่านสายตาของผู้หญิงในยุคปัจจุบัน แคมเปญในครั้งนี้แตกต่างจากแคมเปญเชิงพาณิชย์ทั้งหมด เพราะเราไม่ได้มีจุดมุ่งหมายเพื่อขายของ แต่เราอยากให้แฟนๆ ของเราได้มีโอกาสเปิดโลกทัศน์ที่กว้างไกล”
พ็อดคาสต์ในครั้งนี้ได้ผู้ร่วมอุดมการณ์หลักคือแอมบาสเดอร์สาวคนล่าสุดของแบรนด์ Chanel อย่าง Charlotte Casiraghi ที่คนไทยรู้จักในฐานะหลานสาวเจ้าหญิงเกรซแห่งโมนาโก มารับหน้าที่เป็นโฮสต์ โดยตอนล่าสุดว่าด้วยเรื่องราวของ “นักเขียนสาว และความสำเร็จในวงการวรรณกรรม” ร่วมด้วย Anne Berest นักเขียน, Fanny Arama อาจารย์ด้านวรรณกรรม และนักแสดงที่ควบบทบาทนางแบบและนักร้องอย่าง Alma Jodorowsky พวกเธอนั่งคุยกันสบายๆ ในสวนสวยของโรงแรม Baumanière ส่วนฟากของ Charlotte Casiraghi แอมบาสเดอร์สาวที่กำลังจะจบปริญญาโทด้านปรัชญาคนนี้ก็แบ่งเวลาก่อนเริ่มการถ่ายทำมาแวะคุยกับโว้กสักครู่
Vogue: กาเบรียล ชาเนลมักจะพูดอยู่เสมอว่าหนังสือคือเพื่อนที่ดีที่สุดของเธอ แล้วคุณล่ะ?
Charlotte Casiraghi: สำหรับฉันมันยากทุกครั้งที่ต้องตอบคำถามว่าเราชอบหนังสือเล่มไหนมากที่สุด เพราะความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับหนังสือมันลึกซึ้งแบบนั้นเลย ตอนเด็กๆ ฉันคิดตลอดว่านักเขียนกับนักกวีพวกนั้นเป็นเหมือนเพื่อน เหมือนพวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของฉัน ไม่ใช่แค่หนึ่งหรือสองคนนะ แต่มีเยอะมากจนฉันไม่สามารถเลือกได้จริงๆ นักกวีอย่าง Baudelaire, Rimbaud หรือแม้กระทั่ง Verlaine พวกเขาเป็นเพื่อนในจินตนาการของฉัน ฉันมักจะลองนั่งคิดเล่นๆ ว่าจะเป็นยังไงถ้าหากได้พบกับพวกเขาตัวเป็นๆ
Vogue: โปรเจกต์ Rendez-vous เกิดขึ้นมาได้อย่างไร
Charlotte Casiraghi: จะเรียกว่ามันเป็นโชคชะตาฟ้าลิขิตก็ได้นะ เพราะเรื่องเล่ามันมีเยอะแยะมากมายอยู่แล้ว เพียงแต่อาจจะต้องใช้เวลาสักหน่อยในการผูกโยงมันเข้าด้วยกันอย่างพอเหมาะพอเจาะ พูดถึงเรื่องนี้ก็คงต้องขอย้อนไปถึงเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับคาร์ลที่ลึกซึ้งมากกว่าที่ใครเห็น ตอนที่ฉันสวมชุดแต่งงานซึ่งออกแบบโดยเวอร์ฌินี วิอาร์ด ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากผลงานของคาร์ล และสวมมันที่ La Vigie ซึ่งเป็นบ้านที่คาร์ลอยู่มาหลายปี ฉันเลยถึงบางอ้อตอนนั้นเลยว่าโชคชะตาคงอยากให้เราทำอะไรร่วมกันจริงๆ จึงเกิดเป็นโปรเจกต์นี้ขึ้นมาอย่างไม่มีข้อสงสัย
WATCH
Vogue: ช่วยเล่าความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับคาร์ลให้ฟังหน่อย
Charlotte Casiraghi: เริ่มจากคุณแม่ของฉันก่อนเลยค่ะ คุณแม่รู้จักกับคาร์ลมานานมากตั้งแต่สมัยสาวๆ แล้ว ฉันยังมีวิดีโอของตัวเองตอนเล็กๆ น่าจะอายุประมาณ 2-3 เดือน ที่ถ่ายกับคาร์ลอยู่เลย เลยพอจะทราบว่าคาร์ลกับคุณแม่สนิทกันมาก ฉันไม่เคยมองคาร์ลว่าเป็น “คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์” อย่างที่ใครหลายคนเห็น คาร์ลของฉันเป็นคนที่ปกป้องฉันกับแม่เสมอ แต่มันไม่ใช่ความสัมพันธ์แบบพ่อ-ลูก หรือลุง-หลานนะคะ ฉันรู้สึกได้ว่าเขาให้ค่ากับนิสัยรักการอ่านของฉันมาก นั่นเลยเป็นจุดเชื่อมโยงที่แข็งแกร่งระหว่างเรา ฉันรู้สึกได้ว่าเขาต้องการที่จะผลักดันด้านนี้ในตัวฉันมากกว่าด้านไหนๆ ไม่ใช่ว่าเขาไม่สนใจเรื่องลุคหรือการแต่งตัวของฉันนะ แต่เขาสนใจที่สุดว่าฉันอ่านอะไรมากกว่า ฉันเลยเข้าใจได้ว่าเขาทำแบบนั้นเพื่อที่จะทำให้ฉันเป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่ง ดังนั้นบทสนทนาของเราสองคนโดยส่วนใหญ่มันเลยมีแต่เรื่องของหนังสือที่ฉันชอบอ่าน ตอนที่เริ่มเรียนภาควิชาปรัชญา จำได้ว่าคาร์ลภูมิใจในตัวฉันมาก เขามักจะส่งหนังสือมาให้ และบางครั้งก็เป็นเล่มที่อ่านยากมากๆ เพื่อที่จะผลักดันให้ฉันเก่งขึ้น เขาพยายามรักษาความสัมพันธ์ในรูปแบบนี้ของเรา บทสนทนาต่างๆ และแลกเปลี่ยนมุมมอง ในสิ่งที่เราทั้งคู่ชื่นชอบเหมือนๆ กัน ในยามที่เขารู้สึกว่าทุกอย่างมันถาโถมเข้ามา เขาก็จะชวนฉันไปนั่งคุยแลกเปลี่ยนเรื่องหนังสือ นี่กระมังที่เป็นสายใยที่เชื่อมโยงฉันกับคาร์ลเข้าด้วยกัน
Vogue: ช่วยเล่าให้ฟังเกี่ยวกับหนังสือที่คาร์ลมอบให้คุณได้ไหม
Charlotte Casiraghi: จริงๆ เรื่องนี้ฉันเคยเล่าไปในพ็อดคาสต์ตอนแรกเลย เป็นผลงานของ Lou Andreas-Salomé ซึ่งคาร์ลแนะนำให้ฉันรู้จักงานของเธอตอนฉันอายุ 17 จำได้ว่าเป็นช่วงซัมเมอร์ ฉันไปเที่ยววันหยุดฤดูร้อนที่บ้านของคาร์ลใน Biarritz ตอนนั้นฉันชอบชอบกวีอย่าง Rainer Maria Rilke มาก คาร์ลก็เช่นกัน เขาเลยแนะนำว่าฉันควรต้องรู้จักเธอเอาไว้นะเพราะเธอคือแรงบันดาลใจของกวีผู้นั้น คาร์ลให้หนังสือของเธอมาสองสามเล่ม ฉันยังจำช่วงเวลาที่อ่านมันและบอกกับตัวเองว่า “ฉันอยากเป็นผู้หญิงคนนี้” ได้แม่นยำ ผู้หญิงที่เป็นความท้าทายของผู้ชาย ผู้หญิงที่ประพันธ์ และใช้ชีวิตอิสระ เธอมีอิทธิพลกับฉันมากค่ะ
Vogue: คุณเห็น Les Rendez-vous ค่อยๆ วิวัฒนาการอย่างไรบ้าง
Charlotte Casiraghi: ฉันว่าอุตสาหกรรมแฟชั่นโดยเฉพาะชาเนลมีพลังอย่างมากที่จะผลักดันวรรณกรรมให้ก้าวไปข้างหน้า และจุดประกายให้ผู้คนรักการอ่าน รักการค้นคว้า ไม่ใช่แค่ยึดติดกับมาตรฐานความสวยภายนอกเท่านั้นแต่เป็นการชี้ให้เห็นว่าผู้หญิงต้องมีปากเสียง และนั่นคือสิ่งที่ทรงคุณค่าที่สุด ฉันอยากจะก้าวข้ามผ่านอคติต่างๆ แล้วแสดงให้เห็นว่าโปรเจกต์นี้สามารถช่วยนักเขียนได้จริง ยิ่งเราแลกเปลี่ยนไอเดียกันมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งปลุกเร้าความปรารถนาที่จะค้นคว้าสิ่งต่างๆ มากเท่านั้น มันเป็นทางที่ดีที่จะช่วยโปรโมตคุณค่านี้ แล้วเราก็ทำด้วยความทุ่มเท
Vogue: สถานการณ์ปัจจุบันทำให้คุณมองแฟชั่นเปลี่ยนไปไหม
Charlotte Casiraghi: แน่นอนค่ะ แต่ในคำถามนี้ฉันมองเห็น 2 อย่างนะคะ อย่างแรกคือสิ่งที่เกิดขึ้นมันทำให้เราได้ฉุกคิดว่าสิ่งต่างๆ ที่เราเคยประโคมโหมทำกันก่อนหน้านี้มันอาจจะไม่ได้เป็นสิ่งสำคัญเสมอไป บางทีเราอาจจะต้องหันกลับมามองการลดทอนทุกสิ่งที่เราบริโภค แต่ในขณะเดียวกันเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ทำให้เราก็รู้สึกหดหู่ เราเลยมีแนวโน้มที่จะชดเชยความรู้สึกตรงนี้ด้วยการจับจ่าย ตัวอย่างเช่น เวลาเครียดๆ การซื้อครีมใหม่มาลองใช้สักกระปุกอาจจะทำให้คุณรู้สึกอารมณ์ดีขึ้น ซึ่งไม่ใช่เรื่องผิดนะคะแต่เราแค่ต้องมีความฉุกคิดตรงนี้มากขึ้น สำหรับตัวฉันเองก็ซื้อน้อยลงมากค่ะ
Vogue: ตอนนี้โลกเรามีแนวโน้มที่จะกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง คุณอยากเห็นอะไรมากที่สุด
Charlotte Casiraghi: เช่นเดียวกับทุกๆ คนเลยค่ะ ฉันอยากเจอเพื่อนๆ อยากใช้เวลาอยู่ด้วยกัน ฉันตั้งตารอที่จะแลกเปลี่ยนมุมมองกับทุกคน การที่เราจะพัฒนาความคิดของตัวเองได้เราต้องสามารถที่จะพบปะพูดคุยกับผู้อื่นได้ ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ฉันรอคอยมากที่สุด
ข้อมูล: Vogue.com
ภาพ: Courtesy of CHANEL
แปล: ปภัสรา นัฏสถาพร
WATCH