FASHION

ครอบครัว CHANEL คู่แม่ลูก “บีบี-เอกนรี” และ “แดง-ธัญญา” กับสไตล์ที่ทั้งเหมือนและแตกต่าง

พูดคุยกับ “แดง-ธัญญา” และ “บีบี-เอกนรี” ความสัมพันธ์ของแม่ลูกคู่เหมือนที่คล้ายทั้งวิธีการทำงานและสไตล์ด้านแฟชั่น

อีกหนึ่งคู่แม่ลูกในวงการบันเทิงที่นอกจากความสามารถจะล้นเหลือแบบถอดแบบกันมาแล้ว เรื่องสไตล์ในด้านแฟชั่นก็เรียกว่าตามติดกันมาไม่ขาดสาย เพราะ “แดง-ธัญญา” ผู้จัดละครชื่อดังออกปากให้โว้กฟังเองเลยว่า “บีบี-เอกนรี” ลูกสาวสุดที่รักแม้จะมีนิสัยเหมือนพ่อ แต่ถ้าเรื่องการแต่งตัวและสไตล์ความชอบแล้วเหมือนเธอราวกับพิมพ์เดียวกัน สิ่งนี้ทำให้เราหวนนึกถึงกระเป๋า Chanel 11.12 ที่คงเอกลักษณ์เหมือนต้นแบบไม่ผิดเพี้ยนหากแตกต่างด้วยสีสันและเอกลักษณ์อันโดดเด่นเป็นของตนเอง ด้วยสองแม่ลูกคู่นี้เป็นแฟนตัวยงของแฟชั่นเฮ้าส์สัญชาติฝรั่งเศสแบบเข้าเส้น วันนี้โว้กเลยไม่พลาดจับทั้งคู่มานั่งพูดคุยความเหมือนและแตกต่างของทั้งคู่ พร้อมแชร์เรื่องราวที่มีต่อแบรนด์ชาเนลอีกด้วย และนี่คือบทสัมภาษณ์บางส่วนที่เรานำมาให้แฟนๆ ได้อ่านกัน

V: อยากให้เล่าถึงกระเป๋าชาเนลใบแรกของทั้งสองคน

T: เราเห็นกระเป๋าชาเนลตั้งแต่เริ่มเดินแบบ สมัยนั้นทุกคนรู้สึกว่าชาเนลนี่แหละคือที่สุด เหมือนเวลามีคนถามเด็กผู้หญิงว่า อยากเป็นอะไร อยากเป็นแอร์โฮสเตส อยากมีกระเป๋าอะไร อยากมีกระเป๋าชาเนล (หัวเราะ) มันเป็นเหมือนสูตรสำเร็จ เป็นความใฝ่ฝัน แต่กว่าจะได้ใบแรกมาก็เก็บเงินอยู่เป็นปีนะ สมัยยังเรียนไม่กล้าซื้อหรอก จนได้เล่นละคร ทำงานเยอะขึ้น มีโอกาสได้ไปปารีสก็ตั้งใจว่าฉันต้องได้! เลือกรุ่นที่เบสิกสุด ใช้ได้เยอะที่สุด สีดำ สายสะพายปรับสั้นยาวได้ แล้วจุมาก ชอบมาก รู้สึกดี (ลากเสียง)

V: นอกจากกระเป๋าชาเนลจะเป็นความใฝ่ฝันแล้ว ผู้หญิงแบบชาเนลคือผู้หญิงที่เราอยากเป็นด้วยไหม

T: ใช่ ด้วยตัวของกาเบรียล (Gabrielle Bonheur "Coco" Chanel ผู้ก่อตั้งแบรนด์) ทำให้รู้สึกว่า ผู้หญิงเก๋ๆ มันต้องแบบนี้ เรารู้สึกว่าทุกอย่างเกี่ยวกับชาเนลมันดีไปหมดน่ะ ภาพลักษณ์เขาดี การตัดเย็บ การออกแบบมันเก๋ ไปหมด สิ่งที่เรารู้สึกกับชาเนลมากๆ คือดอกคามิเลียและสีดำ เรารู้สึกว่ามันเท่ มีโซ่เข้าไปอีกยิ่งเก๋ แล้วเขาก็ไม่ค่อยเปลี่ยน ดังนั้นมันจะไม่มีวันเชย มันจะเป็นนิรันด์ ตรงนี้แหละที่จับใจเราได้ 

V: มาที่กระเป๋าใบแรกของบีบีบ้าง

BB: ก่อนรู้จักชาเนล บีไม่เคยอินกระเป๋าหรือแอคเซสซอรี่เลย อาจเพราะก่อนหน้านี้บีอยู่เมลเบิร์น เป็นเมืองที่คนแต่งตัวน้อยมาก เพราะสภาพอากาศมันโหดด้วยแหละ หนาวก็ใส่กันสามสี่ชั้น พอร้อนก็ตับแลบ ใส่ได้แค่กางเกงขาสั้น เสื้อกล้าม สปอร์ตบรา เลยไม่ได้อินแฟชั่นเท่าไร ครั้งแรกที่ไปขอกระเป๋าคุณแม่มาใช้คือจะไปงานชาเนลนี่แหละค่ะ แอบกังวลเหมือนกันว่าจะไหวมั้ยเพราะก่อนหน้านี้เรามองว่าชาเนลคือผู้หญิงที่มีความเป็นมาดาม ซึ่งไม่ใช่เราเลย แต่พอมาดูจริงๆ ก็เจอใบที่เราคลิกได้ ใบที่หยิบมารู้สึกจะเป็นวินเทจมั้งคะ มันเก๋และมีความแมนๆ ในตัว

V: สไตล์ส่วนตัวของทั้งสองคน ทั้งที่เหมือนกันและต่างกัน มีอะไรบ้าง

BB:  เมื่อก่อนเวลามีคนบอกว่า เราคือธัญญามินิ บีไม่เคยเชื่อเพราะเห็นว่าคุณแม่เป็นคนสวย แล้วเราไม่ได้เหมือนเขา แต่คนอื่นบอกว่าเหมือนก็โอเค จนมาเห็นรูปตัวเองแล้วก็ เออว่ะ เหมือนแม่เว้ย (หัวเราะ)

T: มองว่าเขาคือเราเลยล่ะ เวลามองบีบีก็เหมือนเห็นเงาสะท้อนตัวเรา เพียงแต่สูงกว่า แล้วเขาก็มีความมั่นใจในมุมของเขา แต่นิสัยเหมือนพ่อนะ ลุยๆ ชอบทำงาน เรื่องสไตล์ที่เหมือนกันน่าจะเป็นความ Timeless ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เราเลือกชาเนล เพราะจะยุคไหนก็อยู่ได้ โก้ตลอดเวลา



WATCH




V: เวลาที่เห็นกระเป๋าชาเนลของเราบนตัวลูกสาวรู้สึกยังไง

T: ใช่เลย! พูดอยู่เสมอว่าบีคือชาเนล

BB: ก่อนร่วมงานกับทีมชาเนลประเทศไทย แม่ก็จะพูดเสมอว่าบีคือชาเนล แต่ตอนนั้นไม่เก็ท จนได้ร่วมงานกันแล้วเราได้ข้อมูล รู้ประวัติศาสตร์ รู้จักแบ็คกราวนด์มากขึ้นเรื่อยๆ ก็เลยเริ่มเห็นชาเนลในมุมต่างจากที่คิด ได้เห็นความเท่ ความแตกต่าง โดดเด่น ความมัสคิวลีนที่อยู่บนตัวเราแล้วไม่เขิน ใส่แล้วมั่นใจ

V: เวลาทำงานกับคุณแม่เข้ากันได้ดีเหมือนเวลาไปเลือกกระเป๋าไหม 

BB:  ก็มีขัดใจกันบ้าง แต่ว่าดีที่แม่เขาเปิดรับเราพอสมควร แม่เขาอยู่กับละครไทยมานาน แต่พอเราเสนอสิ่งใหม่เข้าไปเขาก็เปิดรับ ซึ่งตรงนี้ดีมากๆ เพราะบางที่อาจจะไม่เปิดเลย เด็กรุ่นเราเลยอาจจะไม่ค่อยกล้านำเสนอไอเดียออกมา แต่โชคดีที่คุณพ่อคุณแม่รับฟัง อันไหนไม่เวิร์ค เขาเตือนเรา เขาฟีดแบ็ค เราก็ได้เรียนรู้ไปในตัว เพราะบางทีใหม่ไป มันก็อาจจะไม่สื่อสารกับคนดูรุ่นของเขา

T: เราก็ต้องแคร์แฟนเก่าๆ ของเรา แต่ว่าโลกมันเปลี่ยนนะ เราก็ต้องรับสิ่งใหม่ๆ จากเด็กรุ่นใหม่ด้วย ซึ่งมันก็ดี เขาทำให้เราเปิดมุมมองใหม่ๆ ได้มาก ทีมงานก็ให้ใจเขามาก แล้วทีมเราเป็นเหมือนคนเก่งที่มารวมกัน ดังนั้นก็จะมีการถกเถียงกันเยอะ แต่บีเขารับได้หมด เขาจะเหมือนพี่อ๊อฟที่เปิดให้ทีมงานออกความคิดเห็น แล้วก็เอามาประมวล เพราะฉะนั้นเขาจะได้อะไรมากกว่าคนที่คิดว่าความคิดฉันเป็นใหญ่ แล้วทีมงานก็ชอบ

V: คิดว่าคุณพ่อจะเข้าใจกระเป๋า Chanel 11.12 สีเขียวสะท้อนแสงมั้ย

BB:  (ขำ) ตอนนี้คิดว่าน่าจะเก็ทแล้วค่ะ เพราะอย่างที่คุณแม่บอกว่าบีเป็นคนชอบอะไรแปลกๆ ก็เลยมักจะเอาของใหม่ๆ เข้าบ้านบ่อยๆ ซึ่งแม่จะเก็ทเพราะเขาดูอินสตาแกรมก็จะเข้าใจเทรนด์อยู่บ้าง

T:  เมื่อก่อนก็คิดนะว่าทำไมลูกต้องแต่งตัวประหลาดแบบนี้ด้วย จนคนรอบๆ ตัวเริ่มมาพูดว่า ลูกสาวเก๋จัง ลูกสาวเท่จังเลย ก็เลยเริ่มรู้สึกว่า เออ สงสัยลูกจะมาถูกทาง แต่พี่อ๊อฟเอาเข้าจริงถ้าลูกชอบเขาก็ตามใจ เพราะเขาก็มีความเข้าใจเรื่องแฟชั่น เรื่องกระเป๋าของเราพอสมควร ลงดีเทลด้วย อย่างเวลาเก็บกระเป๋าใน dust bag จะมีช่องเก็บสายโซ่แยกออกมาต่างหาก ไม่ให้ข่วนตัวกระเป๋าเป็นรอยใช่ไหม พี่อ๊อฟเป็นคนคอยเก็บให้นะ (ยิ้ม) บอกว่าเดี๋ยวกระเป๋าเสีย ตัวเราเองเสียอีกใช้สมบุกสมบัน เพราะรู้ว่าชาเนลอึดนะ ถึงมันจะเป็นมาดามแต่มันมันเป็นมาดามที่อึดมาก

V: ในฐานะที่บีบีเรียนถ่ายภาพ คิดยังไงกับภาพลักษณ์และภาพจำของชาเนลบ้าง

BB: อย่างที่บอกว่าเพิ่งมารู้จักชาเนลจริงจังเมื่อปีสองปีที่แล้ว ก็เลยอาจจะพูดได้แค่ช่วงที่เป็นงานของวิฌีนีร์ (Virginie Viard ครีเอทีฟไดเร็คเตอร์ของชาเนลคนปัจจุบัน) รู้สึกว่าเขามีความกราฟฟิก เขาดึงหลายยุคหลายสมัยมารวมกันได้ มีความซีเนมาติกในตัว นี่อัลบัมภาพโอต์กูตูร์ล่าสุดที่ได้เห็นยังติดอยู่ในหัวอยู่เลยค่ะ เขาถ่ายทอดออกมาได้สวย! มาก! เด็กรุ่นเรายังรู้สึกว่าสัมผัสได้ เข้าถึงได้ ทั้งที่มันอาจจะเป็นยุคที่เราไม่มีทางได้เห็นมาก่อน การเลือกเสื้อผ้า การเลือกนางแบบ ไม่จำเป็นต้องเห็นหน้า ไม่จำเป็นต้องเห็นทั้งชุด แต่รู้สึกได้ถึง dept ทั้งในการออกแบบเสื้อผ้าและวิชวลที่สื่อออกมา เรารู้สึกได้ว่านี่แหละความอมตะ นี่แหละคือสิ่งที่เป็นตำนานของชาเนล

ยังมีอีกหลายคำถามที่โว้กนั่งพูดคุยกับสองแม่ลูกคู่นี้ ตามไปอ่านบทสัมภาษณ์ฉบับเต็มพร้อมชมแฟชั่นเซตที่เหลือกันได้ที่นิตยสารโว้กประเทศไทย ฉบับเดือนเมษายน 2564

WATCH