จาก Too Hot To Handle สู่ Single’s Inferno บทเรียนการนำชีวิตส่วนตัวมาขายจนกลายเป็นสาธารณะ
แม้พวกเขาจะปรากฏตัวในรายการที่เผยแพร่ไปทั่วโลก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าชีวิตส่วนตัวจะต้องถูกเหมารวมเป็นเรื่องสาธารณะเสมอไป
แน่นอนว่ารายการเรียลิตี้มีจุดเด่นเรื่องการนำชีวิตผู้เข้าแข่งขันมาเผยแพร่ออกอากาศให้ทุกคนได้รับชมโดยมีเงื่อนไขจำกัด ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ กฎระเบียบ เป้าหมายของรายการ และปัจจัยเล็กๆ น้อยๆ ที่ถูกควบคุม ความสำเร็จของรายการเหล่านี้กลายเป็นไวรัลและสร้างกระแสจนได้รับการจดจำไปทั่วโลก ตลอดระยะเวลาหลายปีมีรายการประเภทนี้เกิดขึ้นมากมาย แต่ในช่วงหลังมีรายการที่ผูกโยงกับความรักและชีวิตอยู่อย่างเจาะลึกทั้งจากฟากตะวันตกและตะวันออก อย่าง Too Hot To Handle และ Single’s Inferno แต่รายการเหล่านี้กำลังเปลี่ยนแปลงสังคมและอุตสาหกรรมบันเทิงอย่างไร
Too Hot To Handle ซีซั่น 1 / ภาพ: Netflix
Too Hot To Handle เป็นรายการที่เปิดตัวก่อนและสร้างกระแสไวรัลได้อย่างรุนแรง เพราะการเผยธาตุแท้ด้านตัณหาของเหล่าผู้เข้าแข่งขันเหมือนเป็นตัวกระตุกจิตใต้สำนึกด้านเพศของมนุษย์ขึ้นมาได้อย่างน่าตกใจ ด้วยวัฒนธรรมของชาวตะวันตกที่ค่อนข้างเปิดกว้างรับเรื่องแบบนี้แม้รายการจะดูทะลึ่งตึงตังไปมาก แต่ก็สามารถควบคุมโทนและสอดแทรกประเด็นความสัมพันธ์ออกมาได้อย่างน่าสนใจ อีกทั้งยังมีกรวยอัจฉริยะอย่าง Lana ที่เป็นกิมมิกจนคนจดจำได้ทั่วโลก ในขณะที่ Single’s Inferno มาในเวอร์ชั่นที่ซอฟต์กว่า แพตเทิร์นรายการก็ไม่ได้ทะลึ่งมากนัก เพียงแต่เปิดโอกาสให้เราเห็นการโปรยเสน่ห์และวิธีการปฏิบัติกันระหว่างหนุ่มสาวชาวเกาหลีได้อย่างดี
Francesca และ Harry คู่รักจาก Too Hot To Handle ซีซั่น 1 / ภาพ: Capital FM
เมื่อมันไม่ใช่บทละครก็เท่ากับว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นคือเรื่องจริง (หรืออย่างน้อยส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องจริง) ทุกคนที่เข้ามาร่วมแต่ละรายการไม่ใช่แค่มาอยู่กรอบของเกมการแข่งขันเท่านั้น แต่สิ่งที่พวกเขาและเธอต้องยอมรับตั้งแต่ต้นคือทุกคนจะกลายเป็นบุคคลสาธารณะ ไม่ใช่แค่เพียงในรายการ แต่ต่อเนื่องไปถึงชีวิตจริงในอนาคต ตัวอย่างแรกที่เห็นได้ชัดคือคู่รักอย่าง Harry และ Francesca จาก Too Hot To Handle ซีซั่นแรกที่กลายเป็นคู่รักแห่งโลกออนไลน์ มีผู้ติดตามมากขึ้นมหาศาล หลังรายการมีการขอแต่งงานกันอย่างน่ารักผ่านรายการสัมภาษณ์พิเศษ และนั่นคือการเทชีวิตส่วนตัวเข้าสู่โลกสาธารณะอย่างเต็มรูปแบบ พวกเขาต้องเผชิญกับคอมเมนต์ชีวิตคู่จากคนทั่วโลก ทั้งๆ ที่เดิมทีพวกเขาก็เป็นเพียงคนธรรมดาที่เรื่องส่วนตัวแบบนี้จะถูกพูดถึงในวงสนทนาขนาดย่อมเท่านั้น
WATCH
Single's Inferno เรียลิตี้เกาะสวรรค์จากฝั่งเกาหลี / ภาพ: Netflix
การคบหากัน การเลิกรา การโปรยเสน่ห์ หรือแม้กระทั่งพฤติกรรมเฉพาะบุคคล กลายเป็นจุดขาย ใน Single’s Inferno หลายคนพูดถึงการหว่านเสน่ห์ของ Song Ji-A ที่ทำเอาหนุ่มๆ ใจสั่น หรืออย่างใน Too Hot To Handle เวอร์ชั่นบราซิลก็มีคนจับตาดู Matheus ที่มีพฤติกรรมแบดบอยแบบสุดทาง ทุกการเคลื่อนไหวการเป็นที่จับจ้อง และชีวิตบางส่วนที่ไม่เคยเปิดเผยบางครั้งมันก็กลายเป็นเรื่องสาธารณะ แม้ทั้งหมดจะผ่านการตัดต่อมาแล้วก็ตาม นอกจากนี้การตัดต่อและเล่าเรื่องผ่านรายการยังถูกทำให้ดูน่าเชื่อถือ และบุคคลนั้นๆ จะกลายเป็นเครื่องมือในการสร้างความโดดเด่นให้รายการ ภาพจำที่รายการสร้างให้จะติดตัวพวกเขาไปในอนาคต หากไม่พอใจหรือคิดว่ามันไม่ใช่คาแร็กเตอร์จริงๆ ของตัวเองก็ยากแล้วที่จะปฏิเสธ เพราะคนทั้งโลกเชื่อไปแล้วว่าเป็นคนอย่างไร นี่คือการแลกชีวิตกับรายการเรียลิตี้ที่ฮอตปรอตแตก
Brenda และ Matheus คู่รักสุดเร่าร้อนจาก Too Hot To Handle เวอร์ชั่นบราซิล / ภาพ: The Cinemaholic
อย่างที่ทราบกันว่าดีการเข้ารายการเรียลิตี้และออกมาในฐานะบุคคลสาธารณะ พวกเขาต้องแบกรับแรงกดดันมหาศาล ในยุคที่โซเชียลมีอิทธิพลต่อโลกเราอย่างมาก การมีผู้ติดตามเพิ่มหลักแสนหลักล้านอาจเป็นเรื่องดี แต่ก็ไม่ได้ดีเสมอไป โลกส่วนตัวที่เคยสร้างสรรค์มาเพื่อตัวเองและคนรอบข้าง เปลี่ยนแปลงเป็นโลกของทุกคน อินสตาแกรมกลายเป็นแพลตฟอร์มที่มีผู้คนเข้ามารายล้อมเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของชีวิต นั่นหมายถึงการตอกย้ำภาพจำของรายการที่สร้างให้กับผู้ร่วมรายการแต่ละคน ยังไม่มีใครได้รู้จักตัวตนของพวกเขาในหลายมิติ แต่ก็พร้อมจะวิจารณ์กันอย่างเปิดเผยแล้ว
วิดีโอที่ Song Ji-A ออกมาขอโทษเกี่ยวกับประเด็นที่ได้รับเสียงวิจารณ์อย่างหนักหน่วง / ภาพ: Korea JoongAng Daily
“การขุดคุ้ยและดาบแหลมที่คอยทิ่มแทงบุคคลสาธารณะหน้าใหม่” ปฏิเสธไม่ได้ว่าข่าวดังประจำเดือนมกราคมคือประเด็นของซงจีอา เธอได้รับคำชื่นชมมากมาย แต่หลังจากนั้นไม่นานก็กลายเป็นผู้ต้องหาสังคม มีคนขุดคุ้ยถึงประวัติส่วนตัว และการใช้ของผิดลิขสิทธิ์ จากเดิมถ้าเธอเป็นคนธรรมดาอาจจะได้รับผลกระทบน้อยกว่า หรืออาจถูกปล่อยผ่านให้พ้นผิด แต่เมื่อการแลกชีวิตส่วนตัวเพื่อเป็นบุคคลสาธารณะเกิดขึ้นในรายการเรียลิตี้ ผู้คนจับจ้องและเพ่งเล็งทันที การกระทำผิดครั้งนี้ทำให้คนธรรมดาที่เพิ่งพิเศษต้องเผชิญความโหดร้ายที่ไม่ใช่แค่ประเด็นการทำผิด แต่หมายถึงการถูกสาดโคลนนอกประเด็น ทั้งเรื่องรูปลักษณ์ นิสัย และอื่นๆ อีกมากมาย ภาพจำต่างๆ ถูกนำมาทำให้บิดเบี้ยวและใช้ทำร้ายเธอบนโลกโซเชียล ต้องบอกก่อนว่าประเด็นที่ผิดก็ควรถูกลงโทษและวิจารณ์ แต่ก็ไม่ใช่นำเรื่องผิดมาเป็นข้ออ้างในการด่าทอนอกประเด็น เลยเถิดถึงขนาดบูลลี่จนทำลายชีวิตใครสักคนไปตลอดกาล
Christina จาก Too Hot To Handle ซีซั่น 2 ก็เป็นอีกหนึ่งคนที่โดนวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับชีวิตส่วนตัว / ภาพ: Velvet
ก่อนหน้านี้ประเด็นดังกล่าวก็เคยมีเหตุการณ์การวิพากษ์วิจารณ์ชีวิตส่วนตัวและความสัมพันธ์ของผู้เข้าร่วมรายการ Too Hot To Handle เช่นกัน Christina Carmela เคยถูกวิจารณ์ชีวิตส่วนตัวเรื่อยไปจนถึงหน้าที่การงานมาแล้ว แม้เธอจะปรากฏตัวในรายการเพียงไม่กี่ตอนเท่านั้น เธอเคยได้รับความคิดเห็นเชิงลบเกี่ยวกับพฤติกรรมในรายการและอาชีพนักบิน นอกจากนี้ยังมีประเด็นเกี่ยวกับการเหยียดรสนิยมทางเพศไบเซ็กชวลของเธอด้วย เมื่อเธอเปิดตัวว่าคบกับแฟนหนุ่มอดีตผู้เข้าแข่งขันในรายการก็ยังโดนตามติดเช่นเดิม แม้เธอจะไม่ได้กระทำผิดแบบซงจีอา แต่เหตุการณ์นี้ก็แสดงให้เห็นว่าไม่ว่าจะปรากฏตัวมากน้อยเพียงใด ภาพจำจากรายการก็ทำให้ผู้คนเลือกเชื่อในสิ่งที่เห็นและกล้าจะว่าวิจารณ์เพราะการเปลี่ยนแปลงสถานะสู่บุคคลสาธารณะ บางคนกล่าวว่าพวกเขาและเธอเลือกมารายการเพื่อจะถูกวิจารณ์และขยับสถานะทางสังคมของตัวเอง แต่ลองมองกลับกันว่าในท้ายที่สุดมันเหมาะสมแล้วหรือไม่ที่จะวิพากษ์วิจารณ์ ด่าทอ บูลลี่ และแสดงพฤติกรรมต่อใครก็ตามแต่แบบนี้ อาจจะจริงที่พวกเขาเลือกสละชีวิตส่วนตัวเพื่อเป้าหมายบางอย่าง แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าผู้อื่นจะปฏิบัติอะไรตามใจก็ได้เสมอไป...
WATCH