แม้อัลไซเมอร์จะทำลายความจำ แต่เสียงเพลงดึงเขากลับมาเสมอ Tony Bennett ศิลปินแจ๊สกับช่วงสุดท้ายของชีวิต
ไม่ว่าอัลไซเมอร์จะทำให้เขาลืมขนาดไหน Tony Bennett ยังคงร้องเพลงได้เหมือนวันแรก เพราะเขาจำมันด้วยหัวใจอยู่เสมอ
ปี 2016 ศิลปินเพลงแจ๊สรุ่นใหญ่อย่าง Tony Bennett ถูกวินิจฉัยว่าป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์ที่มีอาการความจำเสื่อม หากอาการบางเบาเพียงเริ่มต้นในช่วงแรกกลับส่งสัญญาณมากขึ้นจนเป็นที่สังเกตได้ชัดเจนในช่วง 2-3 ปีหลังจากการวินิจฉัย ในช่วงระยะนี้เป็นช่วงปีที่เขาและเพื่อนสนิทอย่าง Lady Gaga กำลังอยู่ระหว่างการเข้าห้้องซ้อมเพื่ออัดเสียงสำหรับอัลบั้มเพลงแจ๊ส Love For Sale ที่ปล่อยไปแล้วในปี 2021 โดยมีคอนเสิร์ตที่จัดขึ้น ณ Radio City Music Hall เมื่อปี 2021 ที่ผ่่านมา ถือเป็นการแสดงครั้งสุดท้ายในชีวิตก่อนการพักยาวของเขา
หากย้อนเส้นทางการเป็นนักร้องเพลงแจ๊สมืออาชีพของโทนีแล้ว เขาได้รับเกียรติภูมิแห่งชีวิตมาจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน อย่างรางวัล Grammy Awards เป็นจำนวน 20 ครั้ง รวมไปถึงรางวัล Grammy Lifetime Achievement Award เขาได้รับดวงดาวที่ Hollywood Walk of Fame และอีกหลากหลายเกียรติยศ โทนีเคยเล่าถึงการทำเพลงของเขาไว้ว่า “ฉันไม่ได้ร้องหรือทำเพลงตามเทรนด์ ฉันไม่เคยร้องเพลงที่มีเนื้อหาไม่ดีอย่างเด็ดขาด ในยุค 20s 30s ศิลปินอย่าง Cole Porter, Johnny Mercer และอีกหลายคนสร้างสรรค์เพลงที่ดีที่สุดที่เคยมีมา พวกนี้มันคือคลาสสิก และฉันรู้สึกดีมากที่เพลงเหล่านี้ไม่ได้ถูกปฏิบัติเป็นเพลงง่ายๆ ทั่วไป เพราะมันคือความคลาสสิกที่ควรยกย่อง”
ภาพ: HHV
กราฟชีวิตของศิลปินเพลงแจ๊ส
ในอดีตโทนีเริ่มฝึกร้องเพลงตั้งแต่เด็กด้วยความชื่นชอบ หากช่วงวัยรุ่นก่อนจะได้เดินตามความฝัน เขาเคยไปเป็นทหารราบให้กับกองทัพสหรัฐฯ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 มาก่อน แต่หลังจากปลดประจำการเขาได้เข้าเรียนฝึกทักษะการร้องเพลงที่ American Theatre Wing ซึ่งช่วยให้เขาค้นหาเสียงตัวเองจนเจอ จากนั้นเขาถึงได้เซ็นสัญญาเข้ากับสังกัด Columbia Records โดยมีเพลงดังอย่าง Because of You ที่ปล่อยในปี 1951 และเพลงที่เป็นดั่งซิกเนอเจอร์ที่ไม่ว่าจะไปเล่นคอนเสิร์ตที่ไหน หรือร้องเพลงในคลับอะไรเขาก็ต้องร้องเพลงนี้ด้วยทุกครั้ง I Left My Heart in San Francisco ที่ปล่อยในปี 1962 หรือจะเป็นเพลง The Good Life ก็ตาม ยังไม่ทันที่ผู้คนจะได้เชยชมความเป็นแจ๊สให้สมใจ ไม่นานจากนั้นโลกก็ก้าวเข้าสู่ยุคของเพลงร็อกจากการกำเนิดของวงดนตรีแห่งประวัติศาสตร์ The Beatles ที่เล่นเอาเพลงประเภทอื่นซบเซากันไปพักหนึ่ง หากว่าโทนีก็ก้าวผ่านช่วงเวลานั้นมาได้
ภาพ: People
ปรับตัวเข้าสู่เจนเนอเรชั่นใหม่
กระทั่งเข้าสู่ยุคที่ MTV generation อุบัติขึ้นบนโลกและส่งผลกระทบอย่างมากต่อการเสพดนตรีของทุกคน และกลายไปเป็น Pop Culture หลักของยุค แต่โทนีเองยังคงยึดมั่นในสายดนตรีที่เขาชื่นชอบ และปรับตัวเข้าหาวัยรุ่นยุคใหม่ได้อย่างไม่เก้อเขิน อย่างการปล่อยเพลง Steppin' Out with My Baby ที่เขายังขึ้นแสดงสดในงาน MTV Video Music Awards แสดงให้เห็นว่าศิลปินแจ๊สวัยดึกอย่างโทนีสามารถยืนเคียงข้างกับเพลงประเภทอื่นอย่างเพลงร็อกจากวง Red Hot Chili Peppers และเพลงประเภทฮิปฮอปจากศิลปินผิวสี Flavor Flav ได้เช่นเดียวกัน
ปี 2006 โทนีเดินเกมส์ฉลาดโอบรับโลกยุคใหม่ด้วยการดึงเอาศิลปินมากความสามารถทั้งเก่าและใหม่มาร่วมสร้างอัลบั้มดูเอตในชื่อ Duets: An American Classic โดยมีศิลปินชื่อดังอย่าง Paul McCartney, Elton John, Celine Dion, Tim McGraw และอัลบั้มดูเอตครั้งที่สองในปี 2011 ภายใต้ชื่อ Duets II กับศิลปินที่วัยรุ่นมากขึ้นทั้ง John Mayer, Lady Gaga, Mariah Carey, Carrie Underwood นอกเหนือไปกว่าศิลปินเหล่านี้แล้วยังมีเจ้าแม่เพลงแจ๊สและโซลอย่าง Aretha Franklin และ Amy Winehouse ที่ก็ได้รับเกียรติให้มาร่วมร้องในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน
WATCH
ภาพ: 60Minutes
ต่อสู้กับโรคร้ายอัลไซเมอร์
กระทั่งอายุที่มากขึ้นโรคอัลไซเมอร์ที่พบบ่อยในกลุ่มผู้สูงอายุก็มาเยือนที่ตัวเขาจนได้ อาการความจำเสื่อมของโทนีเป็นการลืมช่วงระยะสั้นที่เกิดขึ้น โชคยังเข้าข้างที่เขาสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปกติและยังจำสมาชิกในครอบครัวได้ เพียงแต่เหตุการณ์สำคัญๆ ที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่ค่อนข้างยากในการจดจำแม้มันจะสวยงามแค่ไหนก็ตาม อย่างการที่ภรรยาของเขา Susan Crow เล่าว่าหลังเล่นคอนเสิร์ตเสร็จได้ไม่ถึง 2 วันดี เขาก็ลืมไปแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น แม้เธอจะออกปากถามแต่เขากลับตอบเพียงว่าจำไม่ได้
ภรรยาซูซานเล่าว่าเขาไม่ใช่โทนีแบบที่เคยเป็น แต่อย่างไรก็ตามแม้ว่าความทรงจำจะถูกลบเลือนไปมากกว่าครึ่ง และอัลไซเมอร์จะทำให้เขาลืมมากขนาดไหน เมื่อเสียงเพลงและท่วงทำนองดังขึ้น โทนีคนเดิมเจ้าพ่อเพลงแจ๊สก็จะหวนคืนกลับมาทุกครั้ง โทนียังคงร้องเพลงได้เหมือนวันแรก ไม่เคยลืมเนื้อร้องหรือร้องโน้ตเพี้ยนเลยสักครั้ง เขาไม่ได้ใช้สมองจำแต่เขาจำมันด้วยหัวใจ เขารู้สึกถึงมันได้ว่าเพลงเหล่านี้ยังคงบรรเลงอยู่ที่ซอกใดซอกหนึ่งในหัวใจตลอดมา และหัวใจไม่เคยหลอกเขา เหมือนที่กาก้าเคยให้สัมภาษณ์ว่าเขารู้ว่าเขากำลังทำอะไรเมื่อได้ยินเสียงเพลง
ภาพ: CNN
Lady Gaga เพื่อนที่พร้อมฝ่าฟันอุปสรรค
กาก้าและโทนีร่วมงานกันครั้งแรกในปี 2011 จากการดูเอตเพลงร่วมกัน ก่อนจับมือสร้างอัลบั้ม Cheek to Cheek หยิบเอาเพลงแจ๊สมาร้องใหม่ในปี 2014 และมาถึงอัลบั้มล่าสุด Love For Sale ที่เขาและเธออุทิศให้กับศิลปินเพลงแจ๊สรุ่นเก่าอย่าง Cole Porter มาร้องใหม่โดยเฉพาะ กาก้าเล่าถึงการเตรียมขึ้นคอนเสิร์ตกับโทนีว่า “ตั้งแต่โควิด-19 มาครั้งแรกที่ฉันพบเขา เขาเรียกฉันว่า Sweetheart แต่ฉันไม่แน่ใจเท่าไหร่นักว่าเขาจำฉันได้ไหม ฉันเลยหาวิธีใหม่ๆ ในการเข้าหาและทำความรู้จักเขาอีกครั้ง ฉันจะถามเขาง่ายๆ เลยว่า โทนีอยากร้องเพลง Love For Sale ไหม เขาบอกว่า เอาสิ พอเพลงขึ้นเท่านั้นแหละ มันเหมือนกระตุ้นบางอย่างในตัวเขา เขารู้ทันทีว่าเขากำลังทำอะไร”
ไม่นานจากนั้นโทนีขึ้นคอนเสิร์ต One Last Time: An Evening with Tony Bennett and Lady Gaga ที่ Radio City Music Hall เป็นการฉลองครบรอบอายุ 95 ปีของเขา หลังเวทีภรรยาของโทนีต้องเล่าตลอดว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้น และกำลังจะเกิดอะไรขึ้น เพื่อเป็นการเตือนเขาถึงสิ่งที่เขาต้องทำในขั้นตอนต่อไป “เขาเดินขึ้นเวทีไป ตอนเขาเห็นผู้ชมแล้วเขายกมือขึ้นเป็นการทักทาย ตอนนั้นแหละเราถึงได้รู้เลยว่าเขาโอเค เขาจะไม่เป็นไร เพราะเขากลับไปเป็นตัวเองแล้ว มันเหมือนกดเปิดสวิตช์ไฟอีกครั้ง” ซูซานเล่า
ภาพ: NewsMax
เมื่อถึงคิวของกาก้า เธอก็ปรากฏตัวขึ้นบนเวทีด้วยชุดเดรสสีทองอร่าม โทนีหันกลับมาเรียกชื่อกาก้าในแบบที่เขาจำได้ “นั่นเป็นครั้งแรกที่โทนีเรียกชื่อฉันซึ่งเป็นเวลานานมากแล้ว ฉันต้องตั้งสติเพราะเรามีโชว์ที่ต้องแสดงต่อ แต่เมื่อฉันลงเวทีไปแล้วฉันถึงได้แสดงอาการออกมา มันเป็นช่วงเวลาที่พิเศษมาก” กาก้าเล่าว่ายามต้องขึ้นเล่นคอนเสิร์ตกับโทนี เธอมีความกังวล เธอไม่ได้กลัวว่าเขาจะร้องไม่ได้ เปล่าเลย เธอกลัวแค่ว่าเขาจะจำเธอไม่ได้และไม่รู้ว่าตัวเองมาทำอะไรที่นี่มากกว่า แต่สิ่งที่เกิดขึ้นมันทำให้เธอปลื้มและตื้นตันใจไปหมด ณ ตอนท้ายสุดของคอนเสิร์ตกาก้าเอ่ยปากพูดว่า “ประโยคสุดท้ายที่ฉันพูดตอนอยู่บนเวทีกับโทนีคือ คุณเบนเนต จะเป็นเกียรติแก่ฉันมากถ้าคุณให้ฉันได้เป็นคนพาคุณลงจากเวที แล้วเขาบอกว่าโอเค การได้เป็นแค่คนที่พาเขาลงจากเวทีแค่นั้นก็เพียงพอแล้วสำหรับฉัน” หลังคอนเสิร์ตจบในช่วงเวลาที่โทนียังจดจำภาพผู้ชมยืนปรบมือส่งเสียงร้องนั้น เขาถามเพียงประโยคเรียบง่ายสั้นๆ ว่า “ผู้ชมชอบมันใช่ไหม” และคำตอบก็ทำให้เขาชื่นใจพอแล้ว
หลังจากคอนเสิร์ตไม่กี่สัปดาห์ Danny Bennett ลูกชายที่ควบตำแหน่งผู้จัดการก็ออกมาประกาศว่าโทนีเกษียณจากการร้องเพลงและเล่นคอนเสิร์ตเป็นที่เรียบร้อย ทำให้คอนเสิร์ตครบรอบอายุ 95 ปีนั้นเป็นการเล่นเพลงสดครั้งสุดท้ายของชีวิตศิลปินเพลงแจ๊สก่อนที่เขาจะอำลาวงการอย่างถาวร ทั้งนี้ลูกชายของเขายังเล่าเพิ่มเติมว่าตัวโทนียังคงฝึกซ้อมร้องเพลงร่วมกับนักเปียโนของเขา 3 ครั้งต่อสัปดาห์ เพื่อช่วยสร้างพลังสมองในการจำ และยังช่วยเยียวยาหัวใจร่างกายเขาด้วยสิ่งที่เขารักที่สุด
ภาพ: IMDB
แม้คอนเสิร์ตครั้งสุดท้ายจะไม่ได้หลงเหลืออยู่ในความทรงจำของโทนีเลยแม้แต่น้อย หากตัวกาก้าเองกลับไม่ได้รู้สึกเสียใจ เธอเล่าอย่างเรียบง่ายว่า “ฉันไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องน่าเศร้านะ มันอาจเป็นเรื่องที่อ่อนไหวและยากที่จะพูดแหละ ฉันว่าสิ่งที่สวยงามที่สุดและท้าทายที่สุดคือ การได้เห็นมัน (โรคอัลไซเมอร์) มีผลต่อเขาในบางสิ่ง แต่มันไม่ได้ส่งผลต่อความสามารถของเขาเลย เขาก้าวข้ามขีดจำกัดไปมาก เขาทำให้โลกได้เห็นว่าแม้ทุกอย่างจะเปลี่ยนแปลงไป แต่ตัวคุณยังเป็นคนที่ยิ่งใหญ่ได้เสมอ” ไม่ว่าอัลไซเมอร์จะทำลายความจำเขาไปมากขนาดไหน แต่เขายังคงเป็นศิลปินที่ยิ่งใหญ่อย่างไม่มีวันเปลี่ยนแปลง
ข้อมูล : 60 Minutes, Far Out, Rolling Stone
WATCH