เจาะลึก “น้ำแดงน้ำส้ม” และ “มองนานๆ” ปรากฏการณ์เพลงไทยที่ก้าวสู่สากลผ่านโซเชียลมีเดีย
แม้ต่างชาติอาจไม่เข้าใจเนื้อร้องภาษาไทยในตอนแรก แต่ปัจจัยบางอย่างทำให้ทั้ง 2 เพลงประสบความสำเร็จนอกประเทศไทย
ยุคปัจจุบันการเผยแพร่วัฒนธรรมเป็นเรื่องของโลกออนไลน์เป็นส่วนใหญ่ แน่นอนว่าแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียมีบทบาทสำคัญอย่างมากในการส่งออกผลผลิตทางวัฒนธรรม ไม่ว่าจะเป็น ซีรี่ส์ ภาพยนตร์ ดนตรี งานศิลปะ และอื่นๆ อีกมากมาย โดยเฉพาะดนตรีที่สามารถลื่นไหลไปได้ทุกวัฒนธรรม จนมีคำกล่าวว่า “ดนตรีเป็นภาษาสากล” เพราะบางครั้งเราไม่จำเป็นต้องเข้าใจความหมายตามเนื้อร้อง เพียงเสพสมอารมณ์ความรู้สึกที่ถ่ายทอดผ่านตัวโน้ตและการเรียบเรียงจังหวะก็เข้าถึงผลงานชิ้นนั้นๆ ได้อย่างดี แม้เพลงไทยจะไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษที่เป็นดั่งภาษากลางที่มอบความได้เปรียบให้กับเพลงสากลให้โด่งดังไปทั่วโลก แต่บางเพลงกลับได้รับความนิยมในระดับสากลไม่ว่าจะเป็นระดับภูมิภาค ระดับทวิป เรื่อยไปจนถึงระดับโลก
JARVIS ศิลปินฮิปฮอปเจ้าของเพลง น้ำแดงน้ำส้ม / ภาพ: @jv.jarvis
บทความนี้โว้กจึงพูดถึง 2 เพลงที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางนอกเหนือเขตประเทศไทย เพลงแรกคือ “น้ำแดงน้ำส้ม” จากศิลปิน JARVIS ต้องบอกเลยว่าเพลงนี้เป็นกระแสทันทีเมื่อปล่อยออกมา เพราะเนื้อหาของเพลงไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าการหยิบยกชุดคำจำนวนหนึ่งที่คนในสังคมคุ้นเคยมาผสมผสานกัน รวมถึงการพูดถึงดารานักแสดงดัง มากไปกว่านั้นยังใช้สไตล์ความกวนผลิตท่อนฮุคคุ้นหูอย่าง “มีนั้งแดงละจะกิงน้ำส้วง มีนั้งส้วงละจะกิงน้ำแดง” ซึ่งเป็นประโยคอมตะจากดาวตลกชื่อดังของวงการบันเทิงไทย
WATCH
สาเหตุที่เพลงนี้ดังนอกจากความยียวนกวนประสาทด้านเนื้อหาและเสน่ห์ของศิลปินคือบีต ปฏิเสธไม่ได้ว่าสิ่งที่ทำให้เพลงนี้ฮิตติดลมบนคือจังหวะความมันส์ของบีตที่ชวนโยกตาม ซึ่งเจ้าของผลงานคือ Bossa On The Beat ผู้รับบทโปรดิวเซอร์เพลงนี้ ด้วยจังหวะความสนุกสุดขั้ว ทำให้คนต่างชาติสามารถเสพความสนุกของเพลงนี้ได้แม้จะฟังเนื้อหาไม่ออกแม้แต่คำเดียว และตรงนี้เองที่ทำให้เพลงโด่งดังไปทั่วโลก เพลงน้ำแดงน้ำส้มกลายเป็นเพลงฮิตติดเทรนด์บนแพลตฟอร์มติ๊กต๊อกและอินสตาแกรมต่อเนื่องยาวนาน เพลงถูกนำไปประกอบวิดีโอหลากหลายแนว หรือบ้างก็ถูกนำไปคัฟเวอร์เลยทีเดียว นี่คือข้อพิสูจน์ที่ทำให้เห็นว่าการถ่ายทอดวัฒนธรรมผ่านผลิตที่ใช้ภาษาสากลอย่างดนตรีทำลายกำแพงด้านภาษาไปได้อย่างน่าสนใจ
วง FLI:P ศิลปินผู้คัฟเวอร์เพลง มองนานๆ จนเป็นกระแสไวรัล / ภาพ: T-Pop Wiki
อีกหนึ่งเพลงที่เป็นกระแสฮิตบนโลกออนไลน์จนดาวติ๊กต๊อกจากทั่วเอเชียนำไปเต้นตามคือเพลง “มองนานๆ” จากวง Vitamin A ทว่าเวอร์ชั่นที่โด่งดังสุดขีดในยุคนี้เป็นฉบับคัฟเวอร์จากวง FLI:P เพลงนี้มีกระแสตอบรับเชิงบวกจากการนำเพลงคลาสสิกจาก 2 ทศวรรษก่อนมาปัดฝุ่นและสร้างมิติความสนุกสนานที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่มากขึ้น นับแค่ในประเทศไทยก็มีกลุ่มคนจำนวนไม่น้อยที่นำมาเพลงนี้มาประกอบลวดลายการเต้น ซึ่งแพตเทิร์นการเต้นกลายเป็นชาเลนจ์ที่สาวๆ หลายคนต่างนำเสนอความสนุกและสดใสปนเซ็กซี่
ความน่าสนใจของปรากฏการณ์มองนานๆ คือการแสดงให้เห็นถึงอิทธิพลของโซเชียลมีเดีย ชาเลนจ์บนติ๊กต๊อกหรือรีลบนอินสตาแกรมเองก็ตาม ล้วนแล้วแต่เป็นส่วนในการเสริมสร้างระดับความนิยมให้เพลงนี้อย่างถึงที่สุด ลีลาท่าเต้นเรียบง่ายดึงดูดให้คนสามารถเต้นตามกันทั่วบ้านทั่วเมือง ไม่เพียงเท่านั้นจังหวะดนตรีประกอบกับท่าเต้นยังพาเพลงนี้โด่งดังระดับเอเชีย ไม่ว่าจะเป็น สิงคโปร์ จีน เกาหลี และอีกหลายประเทศก็ล้วนคัฟเวอร์ท่าเต้นประกอบเพลงกันถ้วนหน้า เรียกว่ากลไกการออกแบบท่าเต้นและผลักดันสู่พื้นที่สาธารณะบนโลกออนไลน์กลายเป็นกุญแจสำคัญในการมุ่งหน้าสู่ความสำเร็จของศิลปิน มากไปกว่านั้นยังช่วยเสริมสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับผลผลิตทางวัฒนธรรมของไทยในเชิงหนึ่งอีกด้วย
ต้องบอกว่าการพัฒนาผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอาจจะดูรวดเร็วและไม่มีอะไรจับต้องได้ชัดเจนมากนัก ทว่าการพัฒนาแบบรวดเร็วแต่สอดแทรกเข้าไปอยู่เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมโลกอันไร้กรอบด้านเขตแดนช่วยผลักดันให้ผลงานของศิลปินไทยได้รับความสนใจมากขึ้น อีกทั้งภาษาไทยยังมีโอกาสเติบโตในเวทีโลก เนื่องจากหากใครก็ตามฟังเพลง เต้นตาม และการรู้ความหมาย ก็ต้องค้นหาคำแปลกันอย่างแน่นอน ถึงแม้ทั้ง 2 เพลงจะไม่ใช่ผลงานชั้นยอดระดับขึ้นหิ้ง แต่เชื่อว่าในเชิงการพัฒนาผลผลิตทางวัฒนธรรมให้ก้าวสู่เวทีระดับสากล เพลงนี้สามารถเป็นต้นแบบเพื่อใช้ในการถอดรหัสและพัฒนาผลงานเพื่อตอบโจทย์คนกลุ่มใหญ่มากขึ้นในอนาคตอย่างแน่นอน
WATCH