เจาะลึกปรากฏการณ์ Texas Chainsaw ที่เปิดโลกภาพยนตร์สยองขวัญทุนต่ำจนทำรายได้มหาศาล

     ภาพยนตร์สยองขวัญถือเป็นแนวภาพยนตร์ที่อยู่คู่กับอุตสาหกรรมบันเทิงโลกมาอย่างยาวนาน ด้วยมิติการนำเสนอที่กระตุ้นความตื่นเต้นให้กับผู้ชม ประกอบกับดึงเอาประสบการณ์ร่วม จินตนาการ และความรู้สึกลึกๆ ในจิตใจมาคั่วเข้มให้เกิดเป็นภาพที่สามารถสร้างอารมณ์ระทึกได้อย่างเข้มข้น แม้ตลอดระยะหลายทศวรรษภาพยนตร์แนวนี้จะมีการพัฒนาเปลี่ยนแปลงกลไกการสร้างความสยองอยู่เรื่อยๆ แต่ความคลาสสิกของภาพยนตร์สยองขวัญยุคเก่ายังคงตราตรึงแฟนๆ อยู่เสมอ เพราะตัวละครหลายตัวยังคงเป็นอมตะและขึ้นชื่อว่าเป็นตัวละครไอคอนิกไปแล้ว

The Texas Chainsaw Massacre (1974) / ภาพ: Umbrella Entertainment

     The Texas Chainsaw Massacre ภาพยนตร์สยองขวัญจากปี 1974 คือภาพยนตร์สยองขวัญระดับตำนานที่คนรุ่นใหม่ก็ยังรู้จักและผูกพันกับตัวละครหน้าหนัง (Leatherface) อยู่ตลอด เชื่อไหมว่าจุดเริ่มต้นมันเป็นเพียงโปรเจกต์ที่ต้องการสร้างสื่อบันเทิงแนวกระตุกขวัญในรัฐเท็กซัสแบบควบคุมทุนสร้าง นักแสดงส่วนใหญ่คัดเลือกมาจากนักแสดงท้องถิ่นเอง และต้องเร่งถ่ายทำชนิด 24/7 ติดต่อกันเพื่อลดค่าใช้จ่ายให้มากที่สุด เนื่องจากทีมผู้สร้างต้องเช่าอุปกรณ์ในการถ่ายทำทั้งหมด Tobe Hooper ผู้กำกับต้องร่อนเร่หาผู้สนับสนุน แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จเท่าไรนัก ท้ายที่สุดเขาก็จำกัดงบอย่างรัดตัวและใช้ทุนสร้าง ณ ตอนนั้นไปเพียง 140,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 700,000 เหรียญสหรัฐฯ หากเทียบกับค่าเงินเฟ้อในปัจจุบัน

The Texas Chainsaw Massacre (1974) / ภาพ: POPSUGAR

     ข้อจำกัดเรื่องความรุนแรง เนื้อหาหนัก และการนำเสนอที่มุ่งเน้นความโหดร้ายด้านจิตใจ ทำให้ The Texas Chainsaw Massacre อาจไม่ใช่ภาพยนตร์สำหรับคนทุกเพศทุกวัย ในช่วงประเมินเรตอายุสำหรับเข้าฉาย ทีมงานคาดหวังว่าจะได้รับเรต PG เพื่อขยายตลาดได้กว้างไกลสักหน่อย แต่ก็ต้องผิดหวังเพราะสถาบันจัดเรตติ้งของสหรัฐอเมริกายืนยันว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ต้องเป็นเรต R เท่านั้น ซึ่งมันทำให้มือเลื่อยแห่งเท็กซัสประสบปัญหาในการทำการตลาด และแทบจะหมดโอกาสในการนำภาพยนตร์ไปเปิดตลาดในต่างประเทศ ทว่ามันกลับสร้างปรากฏการณ์ที่เปิดโลกภาพยนตร์แนวสยองขวัญไปตลอดกาล

The Texas Chainsaw Massacre (1974) / ภาพ: Umbrella Entertainment

     แบนๆๆ และแบน The Texas Chainsaw Massacre กลายเป็นภาพยนตร์สยองขวัญที่ถูกแบนอย่างต่อเนื่องในหลายประเทศ และได้รับคำวิจารณ์เชิงลบมากมายเกี่ยวกับประเด็นเรื่องเนื้อหาความรุนแรงขั้นสูงสุด อีกทั้งยังไม่มีนักแสดงแม่เหล็กคอยดึงเรตติ้ง ดูเหมือนว่ามันจะเป็นโปรเจกต์ที่ล้มเหลว แต่ผิดคาดอย่างสิ้นเชิง เพราะเนื้อหาสุดรุนแรงนี้กลับตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ต้องการหาสิ่งบันเทิงแนวนี้มากระตุ้นความตื่นเต้นและปลดปล่อยด้านมืดในจิตใจ จากภาพยนตร์ทุนต่ำกลับทำงานไปได้กว่า 30 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือถ้าเทียบกับค่าเงินปัจจุบันคือราวๆ 150 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เลยทีเดียว

The Texas Chainsaw Massacre (1974) / ภาพ: Netflix

     The Texas Chainsaw Massacre ขึ้นแท่นเป็นภาพยนตร์ระดับตำนานมาจนถึงปัจจุบัน และยังได้รับการขนานนามว่าเป็นหนึ่งในภาพยนตร์สยองขวัญที่ดีที่สุดและได้รับการถกเถียงถึงความเหมาะสมมากที่สุดตลอดกาล แต่ไม่ใช่เพราะความรุนแรงโหดร้ายอย่างเดียวที่ทำให้ประสบความสำเร็จ เพราะคำวิจารณ์มากมายก็กล่าวถึงฝีมือการแสดงของนักแสดงท้องถิ่น ประกอบกับการถ่ายทำที่วางจุด “Execution” ได้อย่างเฉียบคม หากกลับมาชมตอนนี้อาจจะรู้สึกว่ามันเป็นภาพยนตร์ระทึกขวัญที่มีการนำเสนอไม่หวือหวานัก แต่นี่คือต้นแบบให้ภาพยนตร์สไตล์นี้เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมบันเทิงโลก

เบื้องหลังการถ่ายทำ The Texas Chainsaw Massacre (1974) / ภาพ: Cinephilia & Beyond

     “ต้นแบบของภาพยนตร์ฆาตกรโรคจิต” นับตั้งแต่ยุค ‘70s เป็นต้นมาภาพยนตร์หลายแนวเกิดขึ้นอย่างเสรีควบคู่ไปกับกระแสความหลากหลายทางสังคมที่เปิดกว้างมากขึ้นจากอิทธิพลในยุคฮิปปี้ มันเป็นเหมือนการริเริ่มศิลปวิทยาของยุคสมัยใหม่ กรอบสังคมแบบเดิมมิอาจขวางกั้นแนวการเสพความบันเทิงรูปแบบใหม่ได้ การสะท้อนด้านมืดในจิตใจมนุษย์และการเล่นกับความตื่นเต้นเป็นสิ่งที่มนุษย์โหยหาโดยอาจไม่รู้ตัว ประกอบกับด้านธุรกิจที่ธุรกิจเช่าภาพยนตร์เริ่มเติบโต ทำให้ช่วงทศวรรษหนึ่ง The Texas Chainsaw Massacre สามารถสร้างชื่อประทับอยู่ติดวงการภาพยนตร์อย่างเหนียวแน่น อีกทั้งยังทำรายได้จากการเช่ากลับบ้านไปได้ถล่มทลาย

Texas Chainsaw Massacre (2022) / ภาพ: The Scotsman

     การสร้างแรงขับเคลื่อนของ The Texas Chainsaw Massacre คือพลังสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมภาพยนตร์ การฉีกกฎเกณฑ์ดังกล่าวกระตุ้นให้เกิดภาพยนตร์สยองขวัญ-ระทึกขวัญแนวใหม่มากขึ้น มีการพัฒนาลูกเล่นและเนื้อเรื่องหลากหลายกว่าเดิมมาก ปัจจุบันเรามีโอกาสเห็นภาพยนตร์หลายเรื่องที่หยิบเอากลไกการสร้างความบันเทิงของเรื่องนี้มาปรับแต่งและผสมผสานในแนวทางเฉพาะตัวจนเกิดเป็นภาพยนตร์เรื่องใหม่ๆ อยู่เสมอ แม้แต่ภาพยนตร์เรื่อง Alien ของ Ridley Scott เองก็ได้แรงบันดาลใจส่วนหนึ่งมาจากเรื่องนี้เช่นกัน นอกจากนี้ The Texas Chainsaw Massacre ยังถูกผลิตซ้ำในหลายเวอร์ชั่นหลายต่อหลายครั้ง ไล่ตั้งแต่ภาพยนตร์ภาคต่อ ภาพยนตร์รีเมค เรื่อยไปจนถึง ภาพยนตร์ภาคแยกพิเศษ รวมถึงวรรณกรรมและเกมอีกด้วย และปี 2022 ก็มีภาพยนตร์ Texas Chainsaw Massacre ซึ่งต่อยอดจากเวอร์ชั่นคลาสสิก เตรียมเข้าฉายบนแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งออนไลน์อย่างเน็ตฟลิกซ์ในวันที่ 18 กุมภาพันธ์นี้ นับเป็นอีกหนึ่งการพัฒนาที่แสดงให้เห็นว่าภาพยนตร์ทุนต่ำจากเท็กซัสสร้างแรงกระเพื่อมและมีอิทธิพลกับวงการภาพยนตร์ระดับโลกมากเพียงใด