หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ลิซ่า BLACKPINK ได้สร้างปรากฏการณ์บนโลกโซเชียลมีเดีย ด้วยการเลือกสวมใส่ผ้าฝ้ายหมักโคลนย้อมคราม เข้าเที่ยวในสถานที่ทางประวัติศาสตร์ของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จนทำให้ผ้าไทยกลายเป็นกระแสไปทั่วโลก อีกทั้งยังมีแฟนคลับและเหล่าบลิงก์เดินทางมาตามรอยเส้นทางเที่ยวชมสถานที่ทางประวัติศาสตร์ ที่ลิซ่า BLACKPINK ได้เช็กอินเอาไว้บนโพสต์ภาพดังกล่าว บนบัญชีอินสตาแกรมส่วนตัว จนกระทั่งหลายคนมองว่านี่คือ Soft Power ที่เกิดจาก ลิซ่า BLACKPINK ต่อผ้าไทยและการท่องเที่ยวไทยที่น่าสนใจ และน่าจับตามองไม่น้อย

     ผ่านเวลามาเพียงสัปดาห์เดียว 'ผ้าไทย' ยังคงหลายเป็นที่พูดถึงบนโลกโซเชียลมีเดีย เมื่อล่าสุด พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หรือว่าที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย ได้โพสต์ภาพตัวของเขาเองสวมใส่ชุดที่ตัดจากผ้าไทยหลายรูปแบบ ลงบนบัญชีอินสตาแกรมส่วนตัว @pita.ig พร้อมแคปชั่นที่เปิดพื้นที่ให้เหล่าผู้ประกอบการได้โพสต์ขายและฝากร้านสิ่งทอไทยกันภายใต้โพสต์ดังกล่าว เรียกเสียงชื่นชมจากเหล่าผู้ประกอบการที่มองว่าเป็นหนึ่งในช่องทางที่จะช่วยโปรโมตผ้าไทยให้กลายเป็นที่พูดถึง สร้างความตระหนักรู้ให้กับคนในสังคม และสร้างเทรนด์การแต่งกาย ที่จะส่งผลต่อยอดขายในอนาคต

     อย่างไรก็ตาม ความน่าสนใจของปรากฏการณ์ที่ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทยเลือกสวมใส่ชุดที่สร้างสรรค์ขึ้นมาจากสิ่งทอไทย ทั้งในช่วงการหาเสียง และการเดินสายขอบคุณหลังได้รับชัยชนะ จนกลายเป็นกระแสไวรัลนั้น คือหนึ่งในกระจกสะท้อนการยึดโยงระหว่างแฟชั่นและการเมืองซึ่งหลายคนคงสังเกตเห็นได้จากข่าวโทรทัศน์ว่า พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จะเลือกสวมใส่ชุดที่สร้างสรรค์จากผ้าไทยตามท้องถิ่นนั้นที่เดินทางไปเยือนอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งนั่นเองคือกลยุทธ์สำคัญที่น่าสนใจในการสร้างความคุ้นเคย และการเป็นพวกเดียวกันกับคนพื้นถิ่นที่ตนและทีมงานเดินทางไปถึง ในฐานะนักการเมืองที่ต้องทำงานและคลุกคลีกับประชาชน

     อนึ่ง ผลพลอยได้มากกว่าแค่การกระตุ้นเตือนเรื่องสินค้าผ้าไทยพื้นถิ่น ที่อาจจะส่งผลถึงความป็อปของผ้าไทยในอนาคตแล้วนั้น ยังอาจส่งผลถึงการสร้างรายได้ตามชุมชนทอผ้าตามที่ต่างๆ ที่น่าจับตามองอีกด้วย