บทบาท “Nina” ในซีรี่ส์ D.P. ซีซั่น 2 สะท้อนความบีบคั้นของระบบสังคมที่ดับฝัน LGBTQIA+

     D.P. ซีรี่ส์คุณภาพที่ออกอากาศครั้งแรกในปี 2021 เผยให้เห็นถึงคุณภาพในการถ่ายทอดแง่มุมความจริงอันดำมืดเกี่ยวกับระบบอำนาจทางการทหาร ซึ่งระบบดังกล่าวกดขี่ทหารเกณฑ์ที่เข้ามาผ่านข้อบังคับทางกฎหมายในประเทศเกาหลีใต้ เรื่องราวเล่าถึงหน่วยทหารหน่วยพิเศษที่รับหน้าที่ตามจับทหารหนีค่าย เรื่องราวความเข้มข้นนั้นไม่ใช่ฉากแอ็กชั่น แต่เป็นเรื่องราวชีวิตหลากหลายรูปแบบที่ถูกกดทับจนบีบรัดไม่ให้พวกเขาสามารถดำเนินชีวิตอย่างที่วาดฝัน หรือบางครั้งอาจจะใช้ชีวิตปกแบบที่ควรจะเป็นไม่ได้ด้วยซ้ำ

โปสเตอร์โปรโมตซีรี่ส์ D.P. ซีซั่น 2 เข้าฉายวันที่ 28 กรกฎาคม 2023 บนเน็ตฟลิกซ์ / ภาพ: Netflix

     เรื่องราวถูกนำเสนอตั้งแต่การใช้ความรุนแรงในค่าย ระบบลำดับยศ ความไร้เหตุผลในการตัดสินใจหรือแสดงพฤติกรรม การแบ่งแยกแนวคิด รวมไปถึงการถ่ายทอดวัฒนธรรมอันเน่าเฟะจากรุ่นสู่รุ่น ดูเหมือนว่าค่ายทหารกลายเป็นขุมนรกของใครหลายคน ซึ่งเป็นต้นเหตุให้ทหารเหล่านั้นเลือกจะหนีจากขุมนรกออกไปและเผชิญความท้าทายกับชีวิตภายนอกด้วยสถานะบุคคลนอกกฎหมาย การหนีแบบไม่มีสิ้นสุด หรือแม้แต่การปลอมแปลงตัวตนจึงเป็นเรื่องราวใหญ่โต แต่เรื่องที่ผู้เขียนจะถ่ายทอดวันนี้คือความกดดันเกี่ยวกับประเด็นเรื่องเพศและการแสดงออกจากตอนที่ 3 ของซีซั่นที่ 2

บทบาทนางโชว์ของนีน่าที่สร้างความสุขให้ผู้ชมและเติมความฝันให้ตนเอง / ภาพ: Koreaboo

     เรื่องราวในตอนที่ 3 ของซีซั่น 2 พูดถึงกรอบแนวคิดเรื่องเพศอันคับแคบในค่ายทหาร เหล่า “ชายแท้” แข็งแกร่งสร้างเครือข่ายอำนาจเพื่อกดขี่ผู้อื่น และเป้าหมายหลักคือกลุ่ม LGBTQIA+ บุคคลผู้มีเพศสภาพเป็นชายแต่อยากแสดงออกในรูปแบบที่ตนเองต้องการ “Nina” คือตัวละครที่พร้อมเล่าสะท้อนแง่มุมนี้ออกมาอย่างชัดเจนไม่แพ้กับเรื่องราวอื่นๆ ในซีรี่ส์เรื่องนี้ โดยตัวละครนี้ชื่อว่า Jang Sung-min รับบทโดย Bae Na-ra ความโหดร้ายที่เกิดขึ้นกับตัวละครนี้นับว่าเป็นปัญหาที่ซุกไว้ใต้พรมของค่ายทหารทั่วโลก การกดขี่ทั้งการล้อเลียน บูลลี่ต่างๆ นานา ล้วนสร้างบาดแผลในจิตใจของผู้ถูกกระทำ ต่อมาจางซังมินจึงตัดสินใจหนีออกมาจากค่ายเพื่อเริ่มต้นชีวิตตามความฝัน แม้ต้องเผชิญความยากลำบากในชีวิตอีกด้านของรั้วค่ายก็ตาม

นีน่า ตัวละครเด่นจากเรื่อง The Seagull ของ Anton Chekhov ซึ่ง Saoirse Ronan รับบทนี้ในเวอร์ชั่นภาพยนตร์ / ภาพ: Vulture

     ความใฝ่ฝันของจางซังมินคือการเดินทางบนเส้นทางศิลปะ โดยเฉพาะการร้องเพลงและถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึก ระบบบังคับรับใช้ชาติด้วยบทบาททหารอาจไม่ได้ตอบโจทย์สำหรับทุกคน หลายคนต้องเสียโอกาสในชีวิต หรือประตูแห่งความฝันอาจปิดลงเพราะความจำเป็นเหล่านี้ ซีรี่ส์ตอนนี้ถือเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดเลยก็ว่าได้ จางซังมินผู้เปี่ยมด้วยความสามารถ มีฝันอันยิ่งใหญ่ และมีความสุขกับช่วงเวลาแห่งการเป็นศิลปินอย่างล้นเหลือ ตัวตนชื่อนีน่าที่ถอดรหัสมาจากชื่อบทประพันธ์เรื่อง “The Seagull” ของ Anton Chekhov สร้างตัวตนอันหอมหวานดั่งห้วงแห่งความฝันในการรับบทเป็นตัวละครหญิง ในขณะเดียวกันก็เปิดประตูให้มารตัวร้ายเช่นรุ่นพี่ในโรงเรียนและเหล่ารุ่นพี่สันดานระยำในค่ายทหารจ้วงแทงสร้างบาดแผลทางจิตใจมาโดยตลอดเช่นกัน

จางซังมินกับการถูกย่ำยีความรู้สึกในการอยากรับบทเป็นตัวละครหญิงสมัยเรียนมหาวิทยาลัย / ภาพ: Koreaboo - Netflix

     ระบบและกลไกในระบบอันเน่าเฟะบีบให้คนๆ ต้องวิ่งหนีไปไม่รู้จบ ช่วงเวลาแห่งชีวิตนีน่าเริ่มถูกยอมรับและชื่นชมกับความสามารถและตัวตนของตัวเอง การขับร้องเสียงเสน่ห์ท่ามกลางบรรยากาศเคล้าแสงไฟริบหรี่ในบาร์แห่งหนึ่งกลายเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิต นีน่าที่กำลังจะได้ไปใช้ชีวิตใหม่ต่างบ้านต่างเมือง ทว่าเมื่อระบบกดขี่คนเหล่านี้ มันก็พร้อมปิดโอกาสทุกช่องทาง คนนอกกฎหมายต้องตัดสินใจกระทำผิดด้านกฎหมาย แอบซ่อนตัวตน รวมถึงแบกรับความตึงเครียดเพราะการหนีทหาร สิ่งเหล่านี้อาจไม่เกิดขึ้นหากระบบมีการจัดการที่ดีขึ้น หรืออย่างน้อยก็มีกลไกที่รักษาสภาพร่างกายและจิตใจของคนบางกลุ่มภายในระบบให้ไม่ต้องรู้สึกเหมือนเป็นเหยื่อของเหล่าสิ่งมีชีวิตอันชื่นชอบการทารุณโดยเนื้อแท้

ฉากอันตราตรึงที่นีน่าร้องเพลง Wig In A Box แบบเข้าถึงอารมณ์ / ภาพ: IDN Times

     บทเพลง “Wig In A Box” สะท้อนภาพของกลุ่ม LGBTQIA+ ที่มีความฝัน พวกเธอถูกปิดกั้นแต่ก็พร้อมนำเสนอตัวตนพร้อมความสามารถ เดินตามความต้องการในชีวิตด้วยพลังอันแรงกล้า จางซังมินเป็นเพียงอดีตอันขมขื่น นีน่าคืออนาตใหม่ที่พร้อมเปิดประตูแห่งโอกาส ภายใต้สังคมที่นอกจากกลุ่มทหารชายโฉดแล้ว ยังมีแนวคิดหลักทางสังคมเกาหลีที่ไม่ได้เปิดกว้างอ้าแขนรับ LGBTQIA+ มากเท่าไหร่ด้วย เท่ากับว่านีน่าพบเจอแรงบีบอัดทุกทาง อารมณ์ความรู้สึกตั้งแต่เศร้า หนักใจ เจ็บปวด เรื่อยไปจนถึงการสลับขั้วสู่การมีหวังเต็มเปี่ยม ความสุข และการปลดปล่อย ทุกอารมณ์จึงพรั่งพรูออกมาเกินขีดจำกัด

เบนารานักแสดงวัย 32 ปีผู้ถ่ายทอดเรื่องราวทั้งในแง่มุมของจางซังมินและนีน่าได้อย่างลึกซึ้ง / ภาพ: @narajangvvv

     ภาพสะท้อนอันยิ่งใหญ่นี้ต้องอาศัยความสามารถทางการแสดงอันยอดเยี่ยมของนักแสดงถึงจะถ่ายทอดอารมณ์เหล่านี้ออกมาได้อย่างทรงพลังที่สุด บทบาทนีน่าทำให้เบนารา นักแสดงที่เพิ่งเดบิวต์การแสดงอย่างเป็นทางการครั้งแรกกับซีรี่ส์เรื่องนี้ได้รับคำชมอย่างล้นหลาม เพราะเขาสามารถตีโจทย์ของชีวิตคนในกลุ่ม LGBTQIA+ ผ่านประสบการณ์หลากหลายรูปแบบได้อย่างมีมิติชั้นเชิงน่าสนใจ นอกจากนี้ความสลับซับซ้อนทางอารมณ์ที่เขาแสดงออกผ่านตัวละครนีน่ายังหยั่งรากและเชื่อมโยงไปถึงความรู้สึกและประสบการณ์ผู้ชมได้อย่างลึกซึ้ง

เบนารากับการแปลงโฉมสู่นีน่านางโชว์ผู้สวยสง่าและเปี่ยมเสน่ห์ / ภาพ: @narajangvvv

     ตั้งแต่ความกดดันเริ่มต้นไปจนถึงลมหายใจสุดท้ายในชีวิตเบนารานำเสนอออกมาได้บีบคั้นอารมณ์อย่างมาก เขาต้องสลับสับเปลี่ยนอารมณ์การแสดงบ่อยครั้ง ผู้ชมจึงชื่นชมมากกับความหลากหลายในการแสดงที่มาจากนักแสดงเดบิวต์เรื่องแรกแบบนี้ ทว่านี่ไม่ใช่ผลงานทางศิลปะครั้งแรก เขาเคยผ่านประสบการณ์การเป็นสมาชิกวงบอยแบนด์ชื่อ T-Bird อีกทั้งยังเคยแสดงละครเวทีอยู่บ่อยครั้ง การแสดงบีบคั้นอารมณ์อย่างเข้มข้นพร้อมเปล่งเสียงร้องสัมผัสไปถึงส่วนลึกในจิตใจจึงเป็นทักษะระดับสูงที่เขานำมาใช้กับผลงานเดบิวต์ในฐานะนักแสดงซีรี่ส์

เบนารากับเบื้องหลังการถ่ายทำซีรี่ส์ D.P. ซีซั่น 2 / ภาพ: @narajangvvv

     เรียกว่าทั้งตัวละครนีน่า เนื้อเรื่องที่ผูกโยงแบบมีจุดหมาย การเล่าเรื่องเชิงลึก การสะท้อนภาพสังคมจริง การแสดงให้เห็นถึงรากของระบบ ทั้งหมดถูกขมวดให้อยู่ในซีรี่ส์ 1 ตอน สิริรวมเวลาเพียง 56 นาทีเท่านั้น ดังนั้นทุกอย่างจึงออกมาข้นคลั่กอัดแน่นอยู่ในใจผู้ชมอย่างไม่ต้องสงสัย และที่สำคัญตอนนี้บอกเล่าประสบการณ์ของกลุ่ม LGBTQIA+ ไม่เพียงแต่ในค่ายทหาร แต่ยังเชื่อมโยงถึงการใช้ชีวิตจริงในสังคมเกาหลีอีกด้วย ซึ่งทำให้ซีรี่ส์ D.P. ตอนนี้ได้รับการพูดถึงเชิงบวกอย่างหนาหู และเป็นหนึ่งในตอนที่ดีที่สุดของซีรี่ส์เรื่องใดก็ตามประจำปีนี้เลยทีเดียว