New Year’s Calling ธรรมเนียมการพบปะกันของชาย-หญิงในวันปีใหม่ที่สูญหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์
ถึงแม้จะเป็นธรรมเนียมที่ดูอบอุ่น แต่สุดท้ายเมื่อมุมมองความคิดเปลี่ยนไป มันก็ค่อยๆ เสื่อมความนิยมจนหายไปในที่สุด
วันแรกของศักราชใหม่ผู้คนมุ่งมองหาแต่สิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิตเสมอ หนึ่งในสิ่งสำคัญที่สุดของชีวิตมนุษย์ก็คือผู้คน ในเมื่อเราเป็นสัตว์สังคม ต้องปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นอยู่เสมอ ความสำคัญในการสร้างสัมพันธ์ระหว่างกันจึงเป็นเรื่องจำเป็น และธรรมเนียมการทักทายในวันปีใหม่ถือเป็นวิถีปฏิบัติที่สืบทอดกันมาช่วงหนึ่ง แต่มันค่อยๆ เลือนหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์อย่างน่าเสียดาย วันนี้เราจะไปย้อนดูว่าธรรมเนียมนี้เกิดขึ้นและจบลงอย่างไร
ภาพจำลองการเข้ามาเยี่ยมบ้านของชายหนุ่มในวันปีใหม่ตามธรรเนียม Calling / ภาพ: the american past
ย้อนกลับไปช่วงต้นศตวรรษที่ 19 มีการเฉลิมฉลองปีใหม่อย่างไม่เป็นทางการในสหรัฐอเมริกาหลายรัฐ แต่รัฐที่โดดเด่นเห็นจะเป็นระแวกตะวันออกที่มีการปกครองของชาวดัตช์มาแทรกซึมอยู่ในวิถีชีวิตของผู้คนแถวนั้นอยู่เสมอ ธรรมเนียมปฏิบัติที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุดคือการเยี่ยมเยียนบ้านใกล้เรือนเคียงครัวเรือนต่างๆ แต่สิ่งสำคัญคือการ “Calling” หรือการเรียกหาของหญิงสาว ช่วงยุค 1830s เป็นต้นมาปรากฏหลักฐานหลายชิ้นที่ระบุว่ามีการเปิดบ้านของสาววัยเยาว์ที่เปิดบ้านรอรับหนุ่มโสดเข้ามาทักทายในช่วงวันปีใหม่ แต่ไม่ใช่การเข้ามาทักทายสุ่มสี่สุ่มห้า เพราะมีระบบที่เรียกว่า “Caller” และ “Callee” ซึ่งการแวะเข้ามาบ้านจะเกิดขึ้นประมาณ 10-15 นาทีเพื่อทำความรู้จักกันในเบื้องต้น
ชายหญิงแต่งตัวสวยหล่อเพื่อมาพบปะกันในวันขึ้นปีใหม่ / ภาพ: the american past
หญิงสาวจะแต่งตัวสวยงามเพื่อรับแขกที่มาเยี่ยมเยียน อีกทั้งต้องเตรียมชาร้อนหรือขนมต่างๆ ต้อนรับด้วย ส่วนฝ่ายชายก็จะแต่งตัวหล่อมาพร้อมของขวัญปีใหม่เล็กๆ น้อยๆ ติดมือมาตามมารยาท ธรรมเนียมปฏิบัตินี้ได้รับความนิยมอย่างมากเพราะมันเปิดโอกาสให้ชายหญิงได้รู้จักมักคุ้นกันมากขึ้นในโอกาสพิเศษ อีกทั้งยังเฉลิมฉลองและอวยพรกันในช่วงเวลาพิเศษสุดของปีอีกด้วย นับเป็นไอเดียแรกเริ่มที่น่าสนใจ แต่ก็ไม่มีใครสืบรู้แน่ชัดว่าแท้จริงแล้วใครเป็นคนเริ่มคนแรกกันแน่ ซึ่งจากความนิยมนี้ทำให้บัตรเชิญหรือที่เรียกว่า “Calling Card” ถูกตีพิมพ์ลงในหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น หรือแม้กระทั่งส่งต่อกันราวกับเป็นจดหมายลูกโซ่ ซึ่งมันเปลี่ยนหน้าวิถีปฏิบัติเดิมๆ ไปมากทีเดียว
WATCH
ตัวอย่างจดหมายปีใหม่ในปี 1957 / ภาพ: Winterthur Museum & Library Blog
ปัญหาแรกที่ต้องเผชิญคือผู้ชายบางคนมองเรื่องนี้เป็นเรื่องสนุก และสร้างให้มันเป็นเกมการแข่งขัน พวกเขาเก็บคะแนนด้วยการไปหาหญิงสาวให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ จนกระทั่งยุค 1880s เริ่มมีการส่งจดหมายเชิญแบบเจาะจงมากขึ้น แต่ก็ไม่ได้ความนิยมเท่าที่ควร เพราะหลายครอบครัวก็ยังใช้วิธีส่งบัตรเชิญแบบกระจายหรือลงหนังสือพิมพ์เช่นเดิม นั่นทำให้ธรรมเนียมปฏิบัติต่างๆ กลายเป็นเรื่องสาธารณะจนมนต์เสน่ห์บางอย่างในอดีตค่อยๆ เลือนหายไปอย่างช้าๆ ซึ่งเหตุผลที่ทำให้การเขียนจดหมายส่งถึงผู้ชายโดยตรงไม่เป็นที่นิยมก็เพราะหญิงสาวสมัยนั้นเชื่อว่าการเขียนจดหมายหาผู้ชายคนใดคนหนึ่งโดยตรงเป็นเหมือนการขอร้องให้เขามาหา มากกว่าการรอคอยอย่างสมหญิงตามความคิดของคนยุคสมัยก่อน
ชายหนุ่มขี่ม้าฝ่าหิมะมาเพื่อพบหญิงสาวที่บ้านของเธอ / ภาพ: the american past
และแล้วธรรมเนียมแบบนี้ก็เริ่มเสื่อมความนิยมลงในช่วงยุค 1900s หลายครั้งที่บ้านของหญิงสาวบางคนไม่มีใครมาเลย หรือบางบ้านก็ต้องเผชิญกับการมาเยี่ยมเยียนที่นานจนเกินไป พูดคุยจนเกินงาม และสิ่งสำคัญที่สุดคือเราไม่สามารถควบคุมมนุษย์ได้ ตามวิถีดั้งเดิมผู้หญิงจะไม่ชวนผู้ชายถอดเสื้อโค้ตหรือหมวก เพื่อส่งสัญญาณว่าจะพบปะกันเพียงครู่เดียว การควบคุมไม่ได้ในยุคหลังทำให้เกิดปัญหาวุ่นวายในครัวเรือน และเมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป ผู้คนไม่ได้ใกล้ชิดกันเหมือนเดิม การเปิดบ้านให้ใครเข้ามาในบ้านอาจไม่ใช่แนวคิดที่ตอบโจทย์อีกต่อไปแล้ว
งานเลี้ยงฉลองนอกบ้านที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในยุคหลัง / ภาพ: JSTOR
ความสอดคล้องกันเรื่องฉลองงานปีใหม่ยิ่งตอกย้ำว่าทำไมธรรมเนียม “Calling” ถึงเสื่อมความนิยม ช่วงยุค 1860s เป็นช่วงแรกที่ผู้คนเริ่มออกมาฉลองกันนอกบ้าน โรงแรม ร้านอาหาร และสถานที่สาธารณะกลายเป็นสถานที่ยอดนิยมในการฉลองปีใหม่มากขึ้น เหตุผลหนึ่งที่ทำให้วิถีการฉลองเปลี่ยนไป โดยเฉพาะสำหรับผู้หญิงก็เพราะผู้ชายฉลองกันหนักและเดินอย่างมึนเมาไปหลายบ้าน การเปิดบ้านต้อนรับแขกช่วงปีใหม่จึงเป็นปัญหาใหญ่ หลายครั้งที่ข้าวของในบ้านพัง พรมเลอะเทอะ หรือแม้กระทั่งไวน์หกเปรอะเปื้อนชุดเดรสฉลองงานปีใหม่ของเจ้าของบ้าน ด้วยประสบการณ์ที่ไม่สวยหรูนักในช่วงการฉลองปีใหม่ย่อมส่งผลให้ธรรมเนียมปฏิบัติอันใกล้ชิดแบบเดิมน่ากังวลแทนที่จะน่าตื่นเต้น และแล้วในช่วงยุค 1920s ก็แทบไม่มีการพูดถึงธรรมเนียม “Calling” แล้ว หลังจากนั้นมันก็เริ่มสูญหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์ตลอดกาล
ชุดสุดสง่าของหญิงสาวที่เตรียมไว้สำหรับรับแขกในวันปีใหม่ / ภาพ: Ephemeral New York
ถึงแม้ธรรมเนียมนี้จะสืบทอดมาเป็นเวลาร่วมศตวรรษ และมีแง่มุมดีๆ มากมาย ทั้งการทุ่มเทของชายหนุ่มที่หลายคนต้องขับพาหนะลากเลื่อนฝ่าหิมะมาหาหญิงสาวที่บ้าน หรือการทำความรู้จักกันอย่างมีมารยาท แต่สิ่งสำคัญคือสิ่งนี้ไร้แนวทางการควบคุม มันเป็นต้นเหตุของปัญหาหลายอย่าง และวิถีการดำเนินชีวิตและความนิยมในการเฉลิมฉลองก็เปลี่ยนไป สุดท้ายเมื่อวิถีชีวิตเปลี่ยนไป มุมมองของคนก็เปลี่ยนไป ก็ถึงเวลาที่ธรรมเนียมการปฏิบัติแบบเดิมจะค่อยๆ เสื่อมความนิยมและหายไปในที่สุด เหลือเป็นเพียงเกร็ดเรื่องราวความหลังที่ให้เราหยิบยกมาเล่าสู่กันฟังเช่นในบทความนี้
ข้อมูล:
WATCH