จากผู้ลี้ภัยสู่การเป็นหมอและนักฟุตบอล บทพิสูจน์ที่ว่า Nadia Nadim คือซูเปอร์ฮีโร่ตัวจริง
เธอผ่านประสบการณ์อันเลวร้ายมาตั้งแต่เด็ก แต่เธอไม่ย่อท้อ ลุกขึ้นสู้ และตอนนี้เธอกลายเป็นแรงบันดาลใจให้คนทั้งโลก
“ชีวิตคนเราจะเอาดีได้สักกี่อย่าง” คำถามนี้อาจจะเหมือนคำสำหรับเสียดสีผู้ที่ชื่นชอบการลงมือทำอะไรแบบ “Multi-tasking” หรือทำหลายๆ อย่างพร้อมกัน แน่นอนว่าในยุคปัจจุบันหลายคนเชิดชูว่าการเป็นเป็ด กล่าวคือการที่สามารถเรียนรู้และทำได้หลายอย่างเป็นข้อดีมากกว่าแต่ก่อน วันนี้โว้กจึงต้องการนำเสนอเรื่องราวของหญิงสาวผู้อพยพจากดินแดนอันตรายสู่ปลายเขตแดนของยุโรปตอนเหนือ เริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยความอุตสาหะและผลักดันตัวเองจนเป็นหญิงแกร่งและสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนทั้งโลก
Nadia Nadim วัยเด็กที่อาศัยอยู่ในประเทศอัฟกานิสถาน / ภาพ: The Player's Tribune
Nadia Nadim คือสุดยอดหญิงสาวที่เราหยิบยกมาพูดถึงกันในบทความนี้ เธอเกิดเมื่อวันที่ 2 มกราคม 1988 ปัจจุบันอายุ 34 ปี พ่อของเธอเป็นถึงนายพลระดับสูง แต่นั่นไม่ใช่เรื่องดีนักในประเทศบ้านเกิดอย่างอัฟกานิสถาน พ่อของเธอตกเป็นเป้าโจมตีของกลุ่มตาลีบัน และถูกสังหารตั้งแต่เธอมีอายุเพียง 12 ปีเท่านั้น โลกของหญิงสาว 6 คนในครอบครัวดูจะหม่นมองอย่างกู่ไม่กลับ ขณะที่อนาคตอันสดใสของผู้หญิงในประเทศค่อยๆ ถูกลิดรอนไปเรื่อยๆ เธอและครอบครัวจึงตัดสินใจอพยพลี้ภัยไปอยู่ประเทศในแถบทวีปยุโรป
Nadia Nadim (ซ้าย) ขณะกำลังลงแข่งขันในฐานะกองหน้าตัวความหวังของทีม Fortuna Hjørring / ภาพ: Pinterest
“คิดว่าจะไปลอนดอนแต่กลับไปโผล่เมืองเล็กๆ ในเดนมาร์ก” ก้าวแรกของการลี้ภัยก็จะดูงุนงงสับสนไม่น้อย เธอเขียนบันทึกลงหน้าเว็บไซต์เล่าเรื่องราวในอดีตที่เกิดขึ้นว่า “พวกเราวางแผนจะย้ายไปอยู่ที่ลอนดอน ที่นั่นมีญาติและคนรู้จักอยู่บ้าง ขณะที่พวกเรา(ครอบครัว) กำลังขึ้นโดยสารอยู่บนรถบรรทุก คิดว่ากำลังมุ่งหน้าสู่เมืองหลวงของประเทศอังกฤษ แต่เมื่อถึงจุดหมายที่หวังจะเห็นบิ๊กเบนใหญ่มโหฬาร แต่ที่เราเห็นทั้งหมดมีแต่ต้นไม้” เธอเล่าเรื่องนี้ด้วยความงุนงงพร้อมทั้งเสริมว่า “พวกเราถามคนขับและได้คำตอบว่าพวกเขาพาเรามาส่งที่เดนมาร์ก ประเทศเล็กๆ แถบยุโรปเหนือที่ตอนนี้เราเรียกมันว่าบ้าน” เรื่องราวชีวิตช่วงต้นของเธอก็คล้ายภาพยนตร์ดราม่าเรื่องเยี่ยม แตกต่างกันที่มันคือชีวิตจริงของหญิงสาวผู้แปรสถานะเป็นผู้ลี้ภัย ซึ่งมันไม่ได้เลิศเลอสวยงามเหมือนในภาพยนตร์แน่นอน
WATCH
Nadia Nadim ขณะกำลังชูเสื้อทีม Paris Saint-Germain ทีมที่เรียกว่าเป็นจุดสูงสุดในอาชีพการค้าแข้ง / ภาพ: Paris Saint-Germain
เส้นทางชีวิตนักฟุตบอลเป็นจุดเริ่มต้นในการเติบโตของนาเดีย หญิงสาวผู้ลี้ภัยจากอัฟกานิสถานเริ่มลงสนามกับทีม B52 Aalborg ก่อนจะขยับขยายสู่ทีมที่ใหญ่ขึ้นในประเทศ เธอไต่เต้าจากนักเตะธรรมดาสู่ทีมระดับอาชีพ และก้าวไปถึงทีมชั้นนำของประเทศ ซึ่งเป็นทีมที่ให้โอกาสเธอลงสนามบนเวทียุโรป และสามารถทำประตูได้ในรายการ UEFA Champions League หลังจากนั้นเธอก็โยกย้ายไปเล่นฟุตบอลระดับสูงกับทีมในสหรัฐอเมริกา อังกฤษ และกลับมาเปรี้ยงปร้างกับทีมดังของฝรั่งเศสอย่าง Paris Saint-Germain ในปี 2019 ถึง 2021 ระหว่างนี้เธอก็เป็นส่วนสำคัญที่พาทีมคว้าแชมป์ลีกในประเทศด้วย และตอนนี้เธอก็กลับไปค้าแข้งในประเทศสหรัฐอเมริกาอีกครั้งกับทีม Racing Louisville FC
Nadia Nadim ในสีเสื้อทีมชาติเดนมาร์ก / ภาพ: Manchester Evening News
แม้จะเป็นผู้ลี้ภัยชาวอัฟกานิสถานแต่เธอก็ติดชาติเดนมาร์กไปร่วม 100 นัดพร้อมทำประตูได้เป็นกอบเป็นกำ เธอคือกองหน้าตัวเก่งของแดนโคนม ในขณะเดียวกันก็ได้รับการขนานนามว่าเป็นผู้เล่นเชื้อสายอัฟกานิสถานที่ยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาล เรื่องราวของเธอสร้างแรงบันดาลใจไปทั่ววงการกีฬาหญิง แต่ก็ยังถือว่าอยู่ในวงค่อนข้างแคบ เพราะวงการฟุตบอลหญิงยังไม่ได้รับความสนใจเท่ากับฟุตบอลชาย แต่สำหรับนาเดียมีเรื่องราวมากกว่าฟุตบอล และนั่นทำให้คนทั้งโลกหันมาสนใจเธอ
Nadia Nadim กับชุดกาวน์สีขาวในโรงพยาบาล แสดงให้เห็นถึงอีกหนึ่งบทบาทที่น่ายกย่อง / ภาพ: NBC News
ในขณะที่เล่นฟุตบอลอาชีพพร้อมทั้งติดทีมชาติอย่างสม่ำเสมอ คงไม่มีใครคิดว่าดาวดังของวงการฟุตบอลหญิงเดนมาร์กจะสามารถเจียดเวลาไปทำอย่างอื่นได้ สำหรับคนอื่นอาจจะใช่ แต่ไม่เลยสำหรับนาเดีย เธอเลือกศึกษาด้านการแพทย์ที่มหาวิทยาลัยอาร์ฮุสระหว่างเล่นฟุตบอลอาชีพไปด้วย เธอตั้งเป้าว่าจะเป็นศัลยแพทย์คอยผ่าตัดช่วยผู้คนได้หลังจากแขวนสตั๊ด ความยอดเยี่ยมของเธอจับต้องได้ นาเดียขึ้นแท่นมาเป็นผู้ช่วยในการตัดผ่าตัดได้สำเร็จในปี 2020 และเมื่อต้นปี 2022 ที่ผ่านมาเธอก็ผ่านการทดสอบจนกลายเป็นแพทย์หญิงเต็มตัว เชื่อไหมว่าจนถึงตอนนี้เธอก็ยังเตะฟุตบอลเป็นอาชีพเป็นหลักและสามารถควบตำแหน่งแพทย์หญิงไปด้วยในเวลาเดียวกัน
Nadia Nadim ขึ้นพูดให้แรงบันดาลใจในรายการ TED TALK / ภาพ: TedxArmsterdamWoman
ชีวิตของนาเดียกลายเป็นแรงบันดาลใจให้คนทั่วโลกอย่างแท้จริง ในวันที่เธอลำบากสุดขีด มีเรื่องกระทบจิตใจอย่างโหดร้าย เธอก้าวข้ามมาได้อย่างเข้มแข็ง จากผู้ลี้ภัยที่ระหกระเหินร่อนเร่ไปอยู่เมืองเล็กๆ ของประเทศที่ไม่คิดไม่ฝันว่าจะอยู่มาก่อน ตอนนี้เธอกลายเป็นบุคคลสำคัญไปเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ยังมีรายงานระบุอีกว่าเธอเคยปฏิเสธสัญญามูลค่ามหาศาลหลายครั้งเพราะเธอให้เหตุผลว่าเธอไม่ได้เล่นฟุตบอลเพื่อเงินเพียงอย่างเดียว เธอจะสร้างรายได้มากเกินพอตอนที่เธอเกษียณจากวงการฟุตบอลและรับหน้าที่เป็นแพทย์เต็มตัวในอนาคต
รางวัลความสำเร็จในอาชีพนักฟุตบอลกับถ้วยแชมป์ลีกสูงสุดประเทศฝรั่งเศส / ภาพ: InspireMore
ตลอดระยะเวลาการเป็นนักฟุตบอลตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงทุกวันนี้ที่ยังวาดลวดลายบนเวทีผืนหญ้า นาเดียยังคงโดดเด่นเสมอมา เธอคือนักฟุตบอลหญิงของเดนมาร์กคนแรกที่ไนกี้เข้ามาเป็นสปอนเซอร์อย่างเป็นทางการ นอกจากนี้เธอยังร่วมงานกับแบรนด์ยักษ์ใหญ่อย่าง Visa และ Hugo Boss ด้วย ความสามารถของเธอยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะมีรายงานระบุว่านาเดียสามารถพูดได้ถึง 9 ภาษา และเขียนหนังสือชีวประวัติตัวเองด้วย มากไปกว่านั้นเรื่องราวของนาเดียยังส่งให้เธอติดอันดับที่ 20 ในทำเนียบผู้หญิงที่ทรงอิทธิพลมากที่ในแวดวงกีฬาปี 2018 ถึงจุดนี้ย้อนกลับไปสู่คำถามแรกว่า “ชีวิตคนเราจะเอาดีได้สักกี่อย่าง” นาเดียคงไม่สามารถตอบได้เช่นกันว่าเธอจะโดดเด่นเรื่องใดอีกบ้าง และสามารถผลักดันตัวเองไปถึงจุดไหน อีกทั้งยังให้คำตอบไม่ได้ว่าใครจะทำอะไรได้บ้างก็จริง แต่ในท้ายที่สุดเธอก็พิสูจน์ให้โลกเห็นว่าจากผู้ลี้ภัยที่ต้องทนทุกข์ทรมานกับประสบการณ์อันขมขื่นนั้นสามารถพลิกชะตาชีวิตจนยืนหยัดเป็นดั่งวีรสตรี อย่างน้อยก็เป็นฮีโร่ของตัวเอง ครอบครัว และเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่กำลังประสบความยากลำบากในชีวิตลุกขึ้นสู้ต่อไป เธอคือ “นาเดีย นาดิม”
ข้อมูล:
WATCH