Michael Fagan, Queen Elizabeth II, Queen Elizabeth, ควีนเอลิซาเบธ, ควีนอลิซาเบธ
LIFESTYLE

Michael Fagan ชายคนเดียวในประวัติศาสตร์ที่บุกไปถึงห้องบรรทมของควีนเอลิซาเบธฯ จนเป็นตำนาน

เขาคนนี้หลบหลีกทุกระบบรักษาความปลอดภัยและสามารถเข้าถึงตัวควีนได้อย่างน่าตกใจ

     ระบบรักษาความปลอดภัยที่แน่นหนาที่สุดในโลกคงหนีไม่พ้นในพระราชวังของเหล่าสมาชิกราชวงศ์ ทว่าในหน้าประวัติศาสตร์มีการบุกรุกที่ทำให้คนตื่นเต้นและตั้งข้อสงสัยว่าแท้จริงแล้วระบบรักษาความปลอดภัยในสถานที่สำคัญแบบนี้หนาแน่นและเข้มงวดพอจริงหรือ วันนี้โว้กจะพาย้อนเหตุการณ์การบุกรุกพระราชวังบักกิงแฮมและชายคนหนึ่งสามารถเข้าถึงตัวสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ได้ถึงห้องบรรทม เรียกว่านี่เป็นเหตุการณ์อันแปลกประหลาดที่สุดครั้งหนึ่ง อีกทั้งยังโชคดีพอที่จะทำให้สมเด็จพระราชินีฯ ปลอดภัย

     Michael Fagan คือตัวละครหลักที่เราจะพูดถึงกันในบทความนี้ เขาคือชายหนุ่มผู้เกิดเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 1948 เด็กชายจากลอนดอนคนนี้เกิดในครอบครัวธรรมดาทั่วไป ทว่าจุดเปลี่ยนคือการหนีออกจากบ้านเพราะพ่อใช้ความรุนแรง หนุ่มวัย 18 ปีต้องระหกระเหินและเริ่มทำงานเป็นช่างทาสีเพื่อเลี้ยงชีพ ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นคนในชนชั้นแรงงานยุคเก่าที่เริ่มต้นชีวิตไม่สวยงามนัก แต่ก็ไม่ได้มีจุดเด่นอะไรที่จะต้องถูกพูดถึง หรืออนุมานได้ว่าเขาเป็นเพียงปุถุชนคนธรรมดา เขาไม่น่าจะมีโอกาสในการเข้าพบสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 เป็นการส่วนตัว ทว่าเขาคนนี้คือผู้ที่เข้าเฝ้าพระองค์อย่างใกล้ชิดที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์

Michael Fagan, Queen Elizabeth II, Queen Elizabeth, ควีนเอลิซาเบธ, ควีนอลิซาเบธ

Michael Fagan ชายผู้บุกรุกเข้าพระราชวังบักกิงแฮมจนกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต / ภาพ: Refinery29

     การบุกรุกครั้งแรก! ช่วงต้นเดือนมิถุนายน 1982 ณ ตอนนั้นเขาอายุราว 34 ปี นี่คือการกระทำที่อุกอาจ ไมเคิลแอบเข้าไปในรั้วพระราชวังบักกิงแฮมและปีนท่อระบายน้ำ ก่อนจะลื่นไถลจนเข้าหน้าต่างของห้องแม่บ้านชื่อ Sarah Carter ที่กำลังอ่านหนังสือในห้องตัวเอง ซาร่าห์ตกใจมากจนวิ่งขอความช่วยเหลือ ช่วงเวลานั้นเองไมเคิลก็ถือโอกาสหลบหนีและสำรวจพระราชวังตามใจชอบ ซึ่งเมื่อกลับมาแล้วไม่เห็นตัวไมเคิล เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจึงคิดว่าซาร่าห์คิดไปเอง ด้วยเหตุผลนี้เปิดโอกาสให้เขาทำอะไรตามใจชอบได้ราวกับพระราชวังบักกิงแฮมเป็นบ้านของเขาเอง

     การบุกรุกเข้าพระราชวังบักกิงแฮมง่ายราวกับปอกกล้วยเข้าปาก...เขาไม่เพียงบุกรุกเข้าอย่างง่ายดายเท่านั้น แต่ที่เขาเดินเล่นยังทำให้เขามีโอกาสลองรับประทานชีสและแครกเกอร์สบายใจเฉิบ แม้สัญญาณเตือนจะดังถึง 2 ครั้ง เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ยังติดประมาทและคิดว่าเป็นความผิดพลาดของระบบมากกว่า มากไปกว่าดื่มด่ำบรรยากาศ เขายังลองนั่งบัลลังก์เล่น ดื่มไวน์ขวดหรูอีกด้วย เรียกว่านี่คือการบุกรุกที่แทบไม่มีใครมาตามจับ เขาใช้ชีวิตในพระราชวังอย่างอิสระจนน่าตกใจ แต่ก็ยังไม่เจอสมาชิกราชวงศ์แม้แต่คนเดียว ซึ่งอาจจะเป็นโชคดีของทั้ง 2 ฝั่ง

Michael Fagan, Queen Elizabeth II, Queen Elizabeth, ควีนเอลิซาเบธ, ควีนอลิซาเบธ

ฉากที่ถูกถอดแบบมาจากเรื่องราวของ Michael Fagan ในซีรี่ส์เรื่อง The Crown / ภาพ: Vanity Fair

     1 เดือนต่อมา วันที่ 9 กรกฎาคม 1982 เหตุการณ์น่าตกใจในประวัติศาสตร์ก็เกิดขึ้นในช่วงเช้า ไมเคิลตัดสินใจบุกเข้าพระราชวังบักกิงแฮมอีกครั้ง เขาใช้วิธีปีนท่อขึ้นไปบนดาดฟ้า และถอดถุงเท้ารองเท้าเพื่อความเงียบ หลังจากนั้นก็หาหน้าต่างที่ไม่ได้ล็อคและพาตัวเองเข้าสู่สถานที่สำคัญของประเทศอีกครั้ง จนสุดท้ายเขาก็เข้าห้องบรรทมของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 และเขาก็พบว่าสมเด็จพระราชินีฯ บรรทมอยู่ เขาเล่าว่า “พระองค์ทรงใช้โทรศัพท์เพื่อเรียกหน่วยรักษาความปลอดภัยแต่เมื่อไม่มีใครมา พระองค์จึงเสด็จออกจากห้องไป” จนสุดท้าย Paul Whybrew ก็พบเขาและเป็นคนนำร่องเรื่องพาเขาออกไป ไมเคิลใจเย็นมากและยังพูดคุยกับพอลเรื่องการดื่มด้วย โดยพอลถามว่า “ต้องการดื่มอะไรไหม” เขาก็ตอบอย่างไม่สะทกสะท้านว่า “ครับผม ผมอยากได้สกอต(วิสกี้)” หลังจากนั้นไม่นาน Robert Roberts ก็พาตัวเขาออกไปขณะที่กำลังนั่งแกว่งเท้าดื่มวิสกี้อย่างสบายใจ

     เหตุการณ์นี้ทำให้หลายคนเห็นปัญหาความหละหลวมในการรักษาความปลอดภัยในพระราชวังบักกิงแฮม William Whitelaw ผู้ดูแลเรื่องรักษาความปลอดภัยยื่นใบลาออกกับสมเด็จพระราชินีฯ เพื่อรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้น แต่พระองค์ทรงปฏิเสธ ความปลอดภัยในพระราชวังแห่งนี้กลายเป็นเรื่องตลกที่ถูกไมเคิลเยาะเย้ย เขาสามารถทำอะไรได้ตามอำเภอใจ “ผมเดินเข้าไปโต้งๆ เลย แปลกใจมากที่ผมไม่โดนรวบโดยทันที” พร้อมเสริมว่า “ผมอาจจะเป็นคนข่มขืนหรืออะไรทำนองนั้นก็ได้ ผมรู้ว่าผมสามารถทำลายระบบรักษาความปลอดภัยได้เพราะมันอ่อนแอมาก” คำกล่าวนี้ของไมเคิลชกหน้าทีมรักษาความปลอดภัยอย่างรุนแรง



WATCH




Michael Fagan, Queen Elizabeth II, Queen Elizabeth, ควีนเอลิซาเบธ, ควีนอลิซาเบธ

Michael Fagan ในปัจจุบันที่ดำรงชีวิต ณ กรุงลอนดอน / ภาพ: DailyNationToday

     “มันยากที่จะออก(จากพระราชวังบักกิงแฮม)มากกว่าเข้าเสียอีก” ไมเคิลเผยความรู้สึกที่เขาเข้าไปในนั้นหลายครั้ง แต่เจอปัญหาเวลาออกมามากกว่า เขาค้นพบประตูและทางลัดต่างๆ และรู้สึกแปลกใจเสมอที่ไม่เคยโดนจับแม้จะมีสัญญาณเตือนดังขึ้นก็ตาม ส่วนเหตุผลที่เขาบุกรุกเข้าไปบ้างก็อ้างอิงว่าเขาหลงรักสมเด็จพระราชินีฯ แต่หลายฝ่ายก็เชื่อว่าไมเคิลมองถึงความเป็นไปได้ที่จะมีผู้ปกครองบ้านเมืองอันสูงส่งมาช่วยเหลือชีวิตเขาไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง แม้เขาจะลงมือปฏิบัติการบุกรุกพระราชวัง แต่ดูเหมือนว่าความผิดเดียวที่เขาได้รับคือการขโมยไวน์ของเจ้าชายชาร์ลส์ “ผมรอที่จะถูกจับ ผมดื่มเพราะผมรอใครสักคนมาหาผม” พร้อมเสริมว่า “ผมดื่มไปประมาณครึ่งขวด” หลังจากนั้นเขาก็เหนื่อยที่จะรอและตัดสินใจออกไปเอง สะท้อนให้เห็นเลยว่าการควบคุมของเจ้าหน้าที่นั้นหละหลวมเกินให้อภัย

     หากถามว่าทำไมไมเคิลถึงไม่โดนดำเนินคดีอย่างหนัก ต้องเข้าใจว่าสมัยนั้นการบุกรุกยังเป็นเพียงความผิดทางแพ่ง ยังไม่ใช่อาชญากรรมเต็มรูปแบบ ดังนั้นข้อหาเดียวที่เขาโดนคือการขโมยทรัพย์สินอย่างไวน์เท่านั้น ใช่ว่าการหลุดพ้นจากความผิดครั้งสำคัญจะเปลี่ยนไมเคิล เพราะหลังเหตุการณ์นี้เขาก็ยังประพฤติผิดต่อกฎหมายอีกหลายครั้ง ทั้งทำร้ายตำรวจเวลส์ รวมถึงการจำหน่ายเฮโรอีนร่วมกับครอบครัว ทำให้เขาถูกตัดสินจำคุก 4 ปี ช่วงก่อนเข้ายุค 2000s ปัจจุบันเขาก็เป็นผู้เฒ่าวัย 73 ปีที่อาศัยในกรุงลอนดอน และรอดชีวิตจากอาการหัวใจวาย รวมถึงเชื้อโควิด-19 ด้วย แน่นอนว่าเขาคือผู้บุกรุกและสร้างปัญหาต่างๆ ให้กับสังคม แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่า ไมเคิล เฟแกน คือหนุ่มดวงแข็งผู้รอดจากความยุ่งเหยิงในชีวิตแม้ตนจะทำเรื่องอุกอาจมากก็ตาม

 

ข้อมูล:

theguardian.com

townandcountrymag.com

smoothradio.com

WATCH

คีย์เวิร์ด: #QueenElizabethII