LIFESTYLE

คู่ชิงมง! Lady Gaga vs Kristen Stewart สองนักแสดงกระแสดี ใครจะคว้ารางวัลออสการ์ไปครองได้สำเร็จ

หนึ่งในสองคนนี้อาจชนะรางวัลออสการ์ปีนี้ หรือเธอทั้งสองอาจโดนม้ามืด 'ปาดมง' ก็เป็นได้...

     ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า Lady Gaga และ Kristen Stewart คือนักแสดงหญิงเจ้าบทบาทที่ถูกพูดถึงมากที่สุดอยู่ในตอนนี้ เนื่องจากฝีมือการแสดงอันเหนือชั้นของทั้งคู่ที่เพิ่งประจักษ์ต่อสายตาคนทั่วโลกไปได้ไม่นานจากภาพยนตร์เรื่อง House of Gucci และ Spencer นั้น ส่งให้พวกเธอกลายเป็นดาวเด่นที่ถูกจับตามองจากเหล่านักวิจารณ์ภาพยนตร์และแฟนคลับในช่วงข้ามคืนว่า "สองคนนี้คือคู่ชิงมง" มีลุ้นที่อาจจะคว้ารางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมตัวแรกในชีวิตของพวกเธอไปครองได้ในปีนี้...

     ทั้ง House of Gucci และ Spencer ถือเป็นภาพยนตร์ที่มีกระแสตีคู่มาทั้งสองเรื่องตั้งแต่เมื่อช่วงปลายปี 2021 ที่ผ่านมา จากการได้รับเชิญให้เข้าฉายในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติที่จัดขึ้นให้กับเหล่านักวิจารณ์ภาพยนตร์ชื่อดังได้ชมก่อนใครเป็นที่แรกๆ ในโลก ซึ่งแน่นอนว่าทั้งเลดี้ กาก้า และคริสเต็น สจ๊วต ต่างก็ได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในแง่บวกอย่างท่วมท้นแบบปากต่อปาก กระทั่งล่าสุดที่ภาพยนตร์ทั้ง 2 เรื่องได้เข้าฉายทั่วโลกไปแล้ว การแสดงของพวกเธอก็ยิ่งเป็นที่พูดถึงอย่างเป็นวงกว้างมากขึ้นจากเหล่าคอหนังและคนทั่วไปที่ได้เข้าไปดูกันแล้ว

     หากใครก็ตามที่ได้เข้าไปสัมผัสประสบการณ์จากภาพยนตร์ทั้ง 2 เรื่องในโรงภาพยนตร์มาแล้ว ก็คงจะสังเกตได้ว่า ความเหมือนอย่างหนึ่งของภาพยนตร์ทั้งสองเรื่องนั้น เป็นการอ้างอิงมาจากเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นจริงทั้งสิ้น ซึ่งทั้งหมดยังดำเนินไปด้วยเส้นเรื่อง ‘ความรัก’ แสนน้ำเน่าที่นำตัวละครไปสู่จุดจบอันแตกสลายเช่นกัน กล่าวคือสำหรับภาพยนตร์เรื่อง House of Gucci ที่นำแสดงโดยเลดี้ กาก้า ฝีมือการกำกับของ Ridley Scott นั้นได้รับแรงบันดาลใจมาจากคดีฆาตรกรรมสุดอื้อฉาวของตระกูลกุชชี่ ระหว่าง Patrizia Reggiani และ Maurizio Gucci ในขณะเดียวกันภาพยนตร์เรื่อง Spencer โดยฝีมือผู้กำกับ Pablo Larraín นำแสดงโดย Kristen Stewart ก็ถ่ายทอดเรื่องราวของอดีตเจ้าหญิงแห่งเวลส์อย่าง ไดอาน่า สเปนเซอร์ กับการตัดสินใจครั้งสุดท้ายเพื่อหย่าร้างกับเจ้าชายแห่งเวลส์ ที่หลายคนไม่เคยรู้มาก่อน นั่นจึงกลายเป็นจุดร่วมแสนบังเอิญของภาพยนตร์สองเรื่องนี้ที่ดึงดูดผู้ชมได้ไม่น้อยหน้าไปกว่ากัน

     อีกหนึ่งเรื่องที่ผู้เขียนเห็นว่าน่าสนใจไม่แพ้ความบังเอิญดังกล่าว ก็คงจะต้องยกให้กับบทพูดของทั้งสองเรื่องที่ถูกถ่ายทอดออกมาได้อย่างดีเยี่ยมโดยเฉพาะประโยคหลายประโยคที่ถูกพ่นออกจากปากของตัวละครหลัก ดังเช่นในตอนเริ่มต้นของภาพยนตร์เรื่อง Spencer ที่ตัวละครไดอาน่า เจ้าหญิงแห่งเวลส์ วนเวียนอยู่กับประโยคง่ายๆ อย่าง “I’m lost.” ที่ไม่ได้หมายความว่าหลงทางอย่างตรงตัวเท่านั้น หากพิจารณาให้ดีจะพบว่าในประโยคสั้นๆ ดังกล่าวเป็นการบรรยายความรู้สึกอันแสนสับสนอัดอั้นที่เกิดขึ้นภายในตัวละคร เพื่อเป็นการเปิดฉากเรื่องราวทั้งหมดอีกด้วย เช่นเดียวกันกับทางฝั่งของ House of Gucci ในตอนท้ายเรื่อง เมื่อตัวละครแพทรีเซียผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ฆาตกรรมสุดอื้อฉาว พูดประโยคสุดท้ายต่อหน้าศาลพิพากษาว่า “Call me Señora Gucci.” เพื่อเป็นการปิดฉากเรื่องราวทั้งหมด หากประโยคนั้นได้ซ่อนนัยยะบางอย่างเอาไว้ในตัวของมันเอง เมื่อพิจารณาให้ดีแล้วอาจตีความได้ว่า ประโยคนั้นสะท้อนถึงภาวะยึดติดของตัวละคร ที่นำไปสู่แรงจูงใจทั้งหมดที่ตัวละครนี้ตัดสินใจก่อเหตุดังกล่าวลงไป ถือเป็นบทพูดระดับมาสเตอร์พีซที่กินกันไม่ลงทั้ง 2 เรื่องเลยทีเดียว



WATCH




     ในมิติของการแสดงของนักแสดงนำทั้งสองนั้น สำหรับในฝั่งของ เลดี้ กาก้า จากภาพยนตร์เรื่อง House of Gucci ก็ถือได้ว่าได้รับกระแสวิพากษ์วิจารณ์ส่วนใหญ่ไปในทิศทางเดียวกันนั่นคือ การแสดงของเธอพัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดด อีกทั้งยังเข้าถึงบทบาทได้อย่างไม่น่าเชื่อ เนื่องจากประสบการณ์ที่เคยผ่านงานแสดงจากเรื่อง A Star is Born ที่โด่งดังเป็นพลุแตกมาแล้วนั่นเอง ทว่าก็อาจจะมีเรื่องของสำเนียงการพูดของตัวละครที่ยังคงถูกติติงอยู่บ้างจากเหล่านักวิจารณ์และดีไซเนอร์บางคนในวงการแฟชั่นที่เคยทำงานร่วมกับตระกูลกุชชี่ หรือแม้แต่ข้อเสียของการตัดต่อที่ทำออกมาได้อย่างน่าผิดหวังในช่วงท้ายเรื่อง ทำให้มีผลต่อการแสดงที่ปรากฏต่อหน้าผู้ชมไม่น้อยเลยทีเดียว ซึ่งนี่อาจเป็นช่องโหว่ใหญ่ที่ทำให้หลายคนต้องมาลุ้นกันต่อไปว่างานนี้จะออกหัวหรือก้อย แต่อย่างไรก็ตามผู้เขียนเชื่อว่าในลิสต์ผู้เข้าชิงราวัลออสการ์ปีนี้จะต้องมีชื่อของเลดี้ กาก้า คนนี้อยู่อย่างแน่นอน

     ในฝั่งของ คริสเต็น สจ๊วต ก็อาจกล่าวได้ว่าสะบักสะบอมพอสมควร หลังจากที่ภาพยนตร์ Spencer เข้าฉายจริงทั่วโลก กระแสตอบรับกลับแบ่งออกเป็นสองขั้วอย่างชัดเจน หนึ่งในนั้นคือการชื่นชมการแสดงของคริสเต็นที่สามารถทะลุออกจากกรอบเดิม และสลัดบทบาทของวัยรุ่นสาวจากภาพยนตร์ Twilight ออกไปได้อย่างราบคาบ อีกทั้งในฝั่งที่ชื่นชมการแสดงของคริสเต็นยังเสริมอีกว่า นี่คือบทพิสูจน์ทางการแสดงอย่างแท้จริง เพราะการสร้างภาพยนตร์ในสไตล์ของพาโบลนั้นจะเน้นไปที่นักแสดงหลัก ไม่ต่างจากการฝากความหวังของภาพยนตร์ทั้งเรื่องไว้ที่นักแสดงหลักโดยสมบูรณ์ ซึ่งหากว่าคริสเต็นฝีมือไม่ถึงจริงก็คงทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้พังไปนานแล้ว กระนั้นในฝั่งของผู้ที่เห็นต่างออกไปกลับมองว่า การที่คนทั่วไปจะดูภาพยนตร์เรื่องนี้ได้เข้าใจ ต้องรับรู้เรื่องราวเบื้องหลังของไดอาน่ามาบ้างแล้ว หรือต้องเคยได้สัมผัสและเข้าใจสไตล์การสร้างภาพยนตร์ของพาโบลมาบ้างแล้ว จึงจะเข้าใจและไม่หลับไปเสียก่อนกลางทาง นั่นชี้ให้เห็นว่าต้องอาศัยองค์ประกอบอันเป็นภาระของคนดูขาจรหลายอย่างเพื่อทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้น่าสนใจในสายตาคนทั่วไป ซึ่งอาจกลายเป็นช่องโหว่สำคัญในการพิจารณาตัดสินได้ อีกทั้งการพลาดเข้าชิงรางวัลบนเวที SAG Awards ประจำปี 2022 ของคริสเต็น ก็ยิ่งทำให้หลายคนที่เชียร์เธออยู่เขวไปได้ไม่น้อยเหมือนกัน

     ถึงตอนนี้เมื่อชั่งน้ำหนักกันดูแล้วระหว่างสองคนนี้ หลายคนก็ยังไม่อาจที่จะกล้าตัดสินได้ว่าใครคือตัวจริงบนเวทีออสการ์ในปีนี้กันแน่ แต่หลายคนก็ยังหวังลึกๆ ว่าเธอทั้งสองคนจะได้มีชื่อเข้าชิงในสาขาเดียวกัน เพราะนั่นจะกลายเป็นอีกหนึ่งโมเมนต์ที่ชวนให้เหล่าคอหนังหยุดหายใจได้เลยทีเดียว

     งานนี้ก็ต้องมาตามลุ้นกันต่อไปว่า ใครกันแน่ที่จะคว้ารางวัลออสการ์ในสาขา “นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม” ในปีนี้ไปครองได้สำเร็จ หรือสุดท้ายแล้วเธอทั้งคู่จะโดน “ปาดมง” จากม้ามืดในโค้งสุดท้ายก็อาจเป็นได้...

WATCH