LIFESTYLE
สำรวจโลกของ Junji Ito นักวาดมังงะผู้สร้างความสยองขวัญผ่านลายเส้นลงบนหน้ากระดาษJunji Ito คือชื่อที่โดดเด่นกว่าใครๆ เมื่อพูดถึงการ์ตูนสยองขวัญ เพราะเนื้อเรื่องที่เขามีพรสวรรค์สุดๆ ในการหยั่งรู้ว่าต้องทำยังไงถึงจะสร้างความหวาดกลัวให้กับผู้อ่านได้มากที่สุด |
คำอธิบายภาพ: Kazuo Umezu นักวาดผู้เป็นแรงบันดาลใจสำคัญแก่ Junji Ito
เมื่อพูดถึง “การ์ตูน” หรือ “มังงะ” จากประเทศญี่ปุ่น คนส่วนใหญ่คงนึกไปถึงเรื่องราวการต่อสู้ผจญภัย เต็มเปี่ยมด้วยมิตรภาพความผูกพันของเหล่าตัวละคร รวมถึงฉากแอ็คชั่นสุดเร้าใจจนวางไม่ลงตามสไตล์การ์ตูนโชเน็น นอกจากนั้นก็คงเป็นการ์ตูนรักใสๆ หัวใจว้าวุ่น ที่มาพร้อมลายเส้นตาหวานอันเป็นเอกลักษณ์ อย่างไรก็ตามโลกแห่งการ์ตูนญี่ปุ่นไม่ได้มีเพียงเท่านี้ ยังมีอีกด้านที่อยู่ตรงข้ามกันโดยสิ้นเชิง และพร้อมจะพานักอ่านทุกคนดำดิ่งสู่ห้วงแห่งความมืดมิด หวาดกลัว สั่นประสาท…การ์ตูนสยองขวัญ
Junji Ito คือชื่อที่โดดเด่นกว่าใครๆ เมื่อพูดถึงการ์ตูนสยองขวัญ ไม่ว่าจะเพราะเนื้อเรื่องที่เขามีพรสวรรค์สุดๆ ในการหยั่งรู้ว่าต้องทำยังไงถึงจะสร้างความหวาดกลัวให้กับผู้อ่านได้มากที่สุด ประกอบกับลายเส้นที่ตราตรึงใจและพร้อมจะมอบความทรงจำพิลึกพิลั่นไม่รู้ลืมตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้อ่าน บทความนี้จะพาไปสำรวจตัวตนที่อยู่ภายใต้ลายเส้นสั่นประสาทเหล่านั้น รวมถึงแรงบันดาลใจและวิธีการสร้างความกลัวแก่ผู้อ่านผ่านเรื่องราวของนักเขียนที่ได้รับฉายาว่า “ราชาแห่งการ์ตูนสยองขวัญ” ยินดีต้อนรับสู่โลกของ Junji Ito
Junji Ito, ผู้ชายธรรมดา
ตัวตนของ Junji Itoไม่ใช่คนน่ากลัว เขาเป็นเพียงชายหนุ่มธรรมดาเหมือนคนอื่นทั่วไป เพียงแต่ว่าเขาอาศัยอยู่ร่วมกับความน่ากลัวมาตั้งแต่เด็ก…ราชาแห่งการ์ตูนสยองขวัญผู้นี้เริ่มต้นลืมตาดูโลกในวันที่ 31 กรกฎาคม ปี 1963 ณ เมืองซากาฮิตะ จังหวัดกิฟู เป็นชนบทห่างไกลความเจริญพอสมควร ครอบครัวของ Junji เองก็ไม่ได้มีฐานะร่ำรวย ทำให้ห้องน้ำที่ต้องใช้แยกออกมาจากนอกตัวบ้าน ตั้งอยู่ในอุโมงค์ใต้ดินห่างไปประมาณ 100 เมตร ซึ่งนี่แหละคือจุดเริ่มต้นความกลัวของเด็กชาย Junji “ที่บ้านของผมถ้าจะเข้าห้องน้ำมันต้องลงไปในอุโมงค์ใต้ดิน ในนั้นมันเต็มไปด้วยฝูงจิ้งหรีดที่หลังโค้งมน และขายาวมาก มันพร้อมจะกระโดดไปมาอย่างบ้าคลั่งถ้าเข้าไปใกล้พวกมัน พวกมันทำให้ผมกลัวจริงๆ” Junji เล่าย้อนความหลังสมัยวัยเยาว์
ความหวาดกลัวต่อฝูงแมลงฝังลึกลงในจิตใจของ Junji และในภายหลังเขาก็ได้กลั่นประสบการณ์เหล่านั้นลงไปในผลงานการ์ตูนของเขาด้วย โดยผู้อ่านน่าจะคุ้นเคยเป็นอย่างดีกับการสร้างสรรค์แมลงให้ดูน่ากลัวเกินจริงด้วยลายเส้นน่าขนลุก นอกจากแมลงแล้ว ยังมีอีกหลายประสบการณ์ในวัยเยาว์ที่กลายเป็นวัตถุดิบชั้นดีให้ Junji ได้หยิบจับเลือกใช้สร้างสรรค์ออกมาเป็นการ์ตูน หนึ่งในนั้นคือผลงานเรื่อง The Hanging Balloons “The Hanging Balloons ได้รับแรงบันดาลใจมาจากความฝันวัยเด็กของผม”
“ผมอาศัยอยู่ในชนบท และเข้าไปในตัวเมืองเป็นครั้งคราว ทุกครั้งผมจะเห็นลูกโป่งโฆษณาลอยอยู่เหนืออาคารราวกับเป็นสัญลักษณ์ของชีวิตในเมืองใหญ่ที่ผมใฝ่ฝันถึง และมันก็ชวนให้นึกถึงจานบินหรือ UFO ผมได้นำจินตนาการและแนวคิดนี้ใส่ลงไปในงานด้วย ผมลองคิดเล่นๆ ว่าคงแปลกดีถ้ามีศพแขวนห้อยอยู่กับลูกโป่งแล้วลอยไปลอยมา แล้วตอนเด็กผมก็เคยฝันถึงตุ๊กตาโคเคชิลอยได้ที่มีเชือกห้อยลงมา พยายามจะแขวนคอผม ก็เลยจับสองไอเดียนี้มารวมกัน แล้วเติมแต่งอย่างอื่นเข้ามาเรื่อยๆ วาดไปวาดมามันก็ยิ่งซับซ้อน”
คำอธิบายภาพ: ลายเส้นอันเป็นเอกลักษณ์ของ Junji Ito
ไม่ใช่แค่ประสบการณ์เท่านั้นที่หล่อหลอมให้ Junji เติบโตขึ้นเป็นนักเขียนการ์ตูนสยองขวัญ เพราะในขณะเดียวกันก็เป็นตัวเขาเองนี่แหละที่ยินดีจะกระโจนสู่โลกใบดังกล่าวด้วยความเต็มใจ “เรื่องมันเริ่มขึ้นตอนที่ผมอายุแค่ 4-5 ขวบ ตอนนั้นพี่สาวของผม 2 คนชอบอ่านเรื่องการ์ตูนสยองขวัญผลงานของ Kazuo Umezu และ Shiniji Koga ในนิตยสาร ผมเลยได้อ่านมันด้วย นั่นเป็นประสบการณ์ครั้งแรกของผม และผมก็ติดมันเหมือนยาเสพติดทันที หลังจากนั้นผมก็กลายเป็นแฟนตัวยงของการ์ตูนสยองขวัญมาโดยตลอด” “นอกจากการ์ตูน ผมก็ดูหนังสยองขวัญด้วย ตอนผมเป็นเด็ก Dracula หรือ Frankenstein มักจะนำมาฉายทางโทรทัศน์ และผมก็ได้ดูเป็นประจำ รวมถึงเรื่อง The Exorcist ด้วย”
สำหรับเด็กชายที่อายุยังไม่ถึง 10 ขวบ การอ่านการ์ตูนสยองขวัญหรือรับชมมันในรูปแบบภาพยนตร์ดูจะเป็นอะไรที่หนักเกินตัวไปมาก แต่ในเรื่องนี้ Junji ก็ได้เคยอธิบายเอาไว้ว่า “การอ่านการ์ตูนไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น แต่ในทางกลับกันไม่ว่าจะภาพยนตร์หรือรายการทีวีสยองขวัญ ผมคิดว่ามันน่ากลัว บางครั้งผมถึงกับไม่กล้าไปห้องน้ำ แต่มันก็เป็นความน่ากลัวที่น่าสนใจมาก” Junji ได้เสริมต่ออีกว่าถ้าจินตนาการไม่ออกว่าในวัยเด็กเขาเป็นคนอย่างไร ให้นึกถึง โซอิจิ หนึ่งในตัวละครที่เขาเขียนขึ้น เขาเป็นเด็กชายบ้าไสยศาสตร์ เกลียดผู้คน และโลกใบนี้ ก่อนที่ Junji จะขยายความต่อไปว่า “ถ้าวันหนึ่งโซอิจิเลิกอมตะปูไว้ในปากแล้วเติบโตขึ้นอย่างร่าเริง วันนั้นเขาก็คงเป็นคนแบบ Junji Ito”
ด้วยความคลั่งไคล้ที่มีต่อการ์ตูนสยองขวัญ ประกอบกับจินตนาการมากมายในหัว ทำให้หลังจากที่ Junji ได้ทำความรู้จักกับมันไม่นาน เขาก็เปลี่ยนจากการอ่านงานคนอื่น มาสร้างสรรค์ผลงานเป็นของตัวเอง ทั้งๆ ที่ตอนนั้นเขายังไม่เข้าเรียนชั้นประถมศึกษาเลยด้วยซ้ำ “ผมเริ่มอ่านการ์ตูนตอนอายุ 4-5 ขวบ และหลังจากนั้นไม่นานผมก็อยากลองเขียนมันด้วยตัวเอง ผมหยิบดินสอขึ้นมาวาดสิ่งต่างๆ จากประสบการณ์ของตัวเองรวมถึงสิ่งที่เคยอ่านมาลงบนกระดาษ แน่นอนว่าผมทำลงไปเพื่อความสนุกเท่านั้น แต่มันก็คือจุดเริ่มต้น”
“งานของ Kazuo Umezu คือแรงบันดาลใจหลัก” หลังจากผ่านพ้นวัยเด็ก Junji ก็ใช้ชีวิตในช่วงวัยรุ่นเหมือนกับคนอื่นๆ เข้าเรียนในสาขาทันตกรรม ก่อนที่จะจบออกมาประกอบอาชีพเป็นช่างเทคนิคทันตกรรม “ผมเริ่มงานเป็นช่างเทคนิคทันตกรรมในปี 1984 โดยในระหว่างนั้นผมก็วาดการ์ตูนควบคู่ไปด้วย หลังจากนั้น 2-3 ปี ผมก็เริ่มเปิดตัวในฐานะนักเขียนการ์ตูน” ในช่วงเวลาดังกล่าวนิตยสาร Gekkan Halloween กำลังประกาศรับงานเขียน Junji เห็นโอกาสเช่นนี้เขาก็ไม่รอช้าหยิบเอาความหลงใหลในวัยเด็กขึ้นมาอีกครั้ง โดยส่ง Tomie ผลงานที่เขาวาดเก็บไว้ ซึ่งว่าด้วยเรื่องราวของหญิงสาวหน้าตางดงาม ที่ใครเห็นก็รักก็หลงถึงขั้นคลั่งอยากฆ่าให้ตาย แต่ไม่ว่าจะทำยังไง โทมิเอะ ก็ไม่มีทางตาย เธอสามารถรวมเซลล์จากเศษเนื้อกลับมาเป็นคนได้อีกครั้งเสมอ ก่อนจะนำมาสู่โศกนาฏกรรมที่พรากชีวิตผู้คนไปมากมาย ไปลงตีพิมพ์
ถึงแม้จะเป็นผลงานจากนักเขียนหน้าใหม่ แต่ Tomie ก็ประสบความสำเร็จอย่างมหาศาล ด้วยพล็อตเรื่องที่สดใหม่ อีกทั้งยังจิกกัดสังคมญี่ปุ่นได้อย่างเจ็บแสบ ส่งผลให้ในปีเดียวกันนั้น Tomie ก็ได้รับรางวัล Umezu Award ซึ่งถือเป็นรางวัลอันทรงเกียรติของวงการการ์ตูนสยองขวัญ หลังจากนั้นเป็นต้นมาประตูการเป็นนักเขียนการ์ตูนสยองขวัญของ Junji ก็เปิดกว้าง และเขาก็ไม่เคยกลับไปทำงานเป็นช่างเทคนิคทันตกรรมอีกเลย
WATCH
เรื่องราวสะพรึง ลายเส้นสยอง
การเปิดทางเข้ามาสู่วงการการ์ตูนสยองขวัญว่ายากแล้ว การจะไต่เต้าจากจุดเริ่มต้นนั้นสู่การเป็นนักเขียนชื่อดังระดับโลกยากกว่านั้นอีกหลายเท่าตัว แต่ Junji Ito กลับทำมันสำเร็จทั้งสองอย่างราวกับเป็นเรื่องง่าย แน่นอนว่าความสำเร็จนี้เกิดจากผลงานอันยอดเยี่ยมที่มีความโดดเด่นทั้งเนื้อเรื่องและลายเส้น นอกจากแรงบันดาลใจสำคัญจากเหล่าปรมาจารย์นักเขียนชื่อดังระดับโลกอย่าง H.P. Lovecraft, Yazutaka Tatsui, Hideshi Hino, และ Kazuo Umezu แล้ว Junji ก็มีแนวทางในการสร้างความสยองขวัญแก่ผู้อ่านที่น่าสนใจไม่น้อย “ส่วนใหญ่ผมจะไม่ได้เริ่มจากพล็อต แต่เริ่มต้นจากภาพในจินตนาการ มันต้องเป็นภาพที่ชัดเจน รู้สึกถึงบรรยากาศได้จริงๆ หลังจากนั้นผมก็จะใส่เรื่องราวขยายภาพเหล่านั้นให้ปะติปะต่อกัน”
หนึ่งในวิธีการสร้างความสยองขวัญที่ Junji มักจะหยิบมาใช้บ่อยครั้งคือการดัดแปลงสิ่งที่อยู่ใกล้ตัว ทุกคนพบเจอกันในชีวิตประจำวันเป็นปกติ ให้ออกมาดูประหลาดบิดเบี้ยวไปจากความจริง วิธีการนี้จะทำให้ผู้อ่านรู้สึกกลัวยิ่งกว่าเดิม เพราะประสบการณ์ร่วมที่อยู่ในห้วงจิตสำนึก “ครั้งหนึ่งผมเปิดดูนิตยสารแฟชั่น แล้วมีนางแบบคนหนึ่งที่ดูน่ากลัว เธอสวยนะ แต่ท่วงท่าและสีหน้าของเธอมันน่าขนลุก ทั้งที่เป็นนางแบบแฟชั่นแท้ๆ แต่กลับดูแปลกประหลาด ผมเลยหยิบตรงนี้ไปขยาย ให้เธอกินมนุษย์เป็นอาหาร แล้วมันก็กลายเป็นเรื่องสยองซะอย่างงั้น”
“สำหรับโทมิเอะ ผมเริ่มจากความคิดที่ว่า จะเป็นยังไงถ้าคนคนหนึ่งตายไปแล้วดันกลับมาเจอกับเพื่อนๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ส่วนไอเดียที่ว่าเธอถูกสับเป็นชิ้นๆ หรือต่างๆ เหล่านั้นค่อยมาทีหลัง”
ในเรื่อง “ก้นหอยมรณะ” หนึ่งในผลงานที่มีชื่อเสียงที่สุดของ Junji เขาก็เลือกใช้วิธีการนี้เช่นกัน โดยเขาได้หยิบสัญลักษณ์ก้นหอยม้วนเกลียว ที่มักจะปรากฏอยู่บนแก้มตัวละครเด็กหญิงในการ์ตูนญี่ปุ่นเพื่อแสดงถึงความน่ารักน่าเอ็นดู มาพลิกมุมกลับปรับมุมมองให้กลายเป็นเรื่องสยองขวัญที่สั่นประสาทผู้คนไปทั่วโลก Junji คิดไปต่างๆ นานา เช่น ถ้าตึกสูงระฟ้าในกรุงโตเกียวมีรูปทรงม้วนเกลียวเหมือนแก้มเด็ก มันจะออกมาเป็นอย่างไรกันนะ จนกระทั่งสุดท้ายความคิดฟุ้งซ่านทั้งหมดก็ได้ออกมาเป็นก้นหอยมรณะ ที่ว่าด้วยเรื่องราวของปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติที่อยู่ๆ ทุกสิ่งรอบตัวไม่ว่าจะมีหรือไม่มีชีวิตอยู่ๆ ก็บิดเกลียวกลายเป็นรูปทรงก้นหอย จนเกิดเป็นโศกนาฏกรรมแปลกประหลาดที่นักอ่านไม่มีวันลืม
คำอธิบายภาพ: ลายเส้นอันเป็นเอกลักษณ์ของ Junji Ito
นอกจากการนำสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวทุกคนในชีวิตมาประจำวันมาสร้างสรรค์ให้ดูแปลกประหลาดเหนือจริงเพื่อกระชากความกลัวจากขั้วหัวใจของเหล่านักอ่านแล้ว อีกหนึ่งวิธีที่ Junji ใช้งานเป็นประจำคือการโยนความน่ากลัวใส่ผู้อ่านกันแบบตรงๆ ไม่มีอ้อมค้อม ความน่ากลัวแบบตรงๆ ที่ว่าคือภาพสยองขวัญต่างๆ ที่เห็นแล้วชวนพะอืดพะอม น่าขยะแขยง หนึ่งในตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดขอยกมาจากเรื่อง “ห้องเรียนหลอมละลาย” ที่ตัวละครหญิงในเรื่องนับวันใบหน้าจะค่อยๆ ประหลาดผิดมนุษย์ไปเรื่อยๆ จนมาถึงจุดที่ดวงตาไหลย้อยออกมานอกเบ้าตา มีน้ำหนองไหลออกมาจากทุกรูขุมขน เรียกได้ว่าเป็นท่าไม้ตายของ Junji ที่ไม่ว่าจะจิตใจแข็งแกร่งมาขนาดไหน อ่านเจอแบบนี้ก็ต้องมีแหยงๆ กันบ้าง
ถ้าเปรียบภาพสยองขวัญเป็นอาหารจานหลัก บรรยากาศในเรื่องก็คงเหมือนเครื่องเคียงที่ช่วยส่งเสริมรสชาติความน่ากลัวในเข้มข้นขึ้นไปอีก โดยวิธีการสร้างบรรยากาศของ Junji คือการวาดทุกสิ่งทุกอย่างให้ออกมาอึมครึม ไร้ซึ่งชีวิตและจิตใจ จนผู้อ่านรู้สึกว่าโลกในหน้ากระดาษช่างเป็นโลกที่ไม่น่าอยู่ ไม่น่าอภิรมย์เอาเสียเลย รวมไปถึงตัวละครทุกตัวในแทบทุกเรื่องที่ Junji จะวาดออกมาให้ดูเย็นชา แววตาหมองหม่น เหม่อลอย ไม่อาจคาดเดาได้ว่าพวกเขาเป็นคนแบบไหน คิดอะไรอยู่ ไร้ซึ่งเลือดฝาดที่แสดงออกถึงการมีชีวิตโดยสิ้นเชิง เมื่อเริ่มเปิดอ่านการ์ตูนของ Junji ตั้งแต่หน้าแรกไปจนถึงหน้าสุดท้าย นอกจากเนื้อเรื่องและลายเส้นที่ทำให้ผู้อ่านใจเต้นตึกตักแล้ว Junji ยังมีองค์ประกอบความกลัวขนาดใหญ่อีกหนึ่งก้อนที่ใช้ครอบทั้งหมดไว้อีกที องค์ประกอบที่ว่าคือ “ความไม่รู้” เรียกได้ว่าในผลงานของเขาแทบทุกเรื่อง อยู่ๆ ก็มีความสยองขวัญมาประเคนให้แบบไม่ทันตั้งตัว อีกทั้งยังไม่รู้ที่มาที่ไปอีกด้วยว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคืออะไร มีสาเหตุมาจากอะไร จะหนีให้พ้นได้ยังไง และต้องทำอย่างถึงจะจัดการมันได้
เรียกได้ว่าตั้งแต่เริ่มเปิดอ่านหน้าแรก นักอ่านจะเจอแต่คำถามว่าทำไมเต็มไปหมด และก็ยังคงความสงสัยไปอย่างนั้นจนถึงตอนจบของเรื่อง มีแค่เพียงบางเรื่องเท่านั้น Junji พอจะใจดีมีคำเฉลยให้อยู่บ้าง มนุษย์มีความกลัวต่อความไม่รู้อยู่เสมอ ไม่ใช่แค่งานของ Junji เท่านั้น แม้แต่ภาพยนตร์จากตะวันตกเช่นเรื่อง Halloween ที่ผู้ชมต่างก็รู้สึกหวาดกลัวต่อ Michael Mayer จอมโหดภายใต้หน้ากากที่ออกมาไล่ฆ่าคนอย่างโหดเหี้ยม ไม่ว่าจะทำยังไงก็ไม่ตาย ความกลัวเกิดขึ้นเพราะเราไม่รู้ว่า Michael Mayer เป็นใคร ออกมาฆ่าคนทำไม และต้องกำจัดมันยังไง มีแต่คำถามเต็มไปหมด
ลำพังแค่การวาดรูปน่าขยะแขยง ใช้ลายเส้นที่เน้นความเข้มเงา หรือสร้างตัวละครที่ไม่น่าไม่วางใจ ไม่เพียงพอที่จะทำให้ Junji กลายเป็นราชาการ์ตูนสยองขวัญ แต่เหนือไปกว่านั้นคือการรู้ซึ้งถึงจิตใจของนักอ่านว่าพวกเขาหวาดกลัวอะไร และต้องทำยังไงถึงจะรีดความกลัวออกจากก้นบึ้งจิตใจของพวกเขาได้มากที่สุด…นี่แหละคือ Junji Ito
WATCH