LIFESTYLE
เอก-เอกภพ พันธุรัตน์ เจ้าหญิงแห่งวงการพีอาร์ของ Ogilvy Thailand ตัดสินใจแต่งหญิงเต็มตัวในวัยทำงาน กับกราฟชีวิตที่พุ่งทะยานเอกภพ พันธุรัตน์ (เอก) หรือชื่อในวงการว่า 'เจ้าหญิงแห่งวงการพีอาร์' ที่ลูกค้าของ Ogilvy Thailand จะคุ้นเคยกับเธอในฐานะ Senior Media Relations Manager |
บทสัมภาษณ์จากนิตยสารโว้กประเทศไทย ฉบับมิถุนายน 2021 ฉลอง #PRIDEMONTH
เอกภพ พันธุรัตน์ (เอก) หรือชื่อในวงการว่า “เจ้าหญิงแห่งวงการพีอาร์” ที่ลูกค้าของ Ogilvy Thailand จะคุ้นเคยกับเธอในฐานะ Senior Media Relations Manager ผู้มีความสูงและเอกลักษณ์โดดเด่นสะดุดตา คอยช่วยประสานงานระหว่างสื่อกับลูกค้าในงานอีเวนต์และงานแถลงข่าวต่างๆ เจ้าตัวออกตัวแบบขำๆ ว่า “บางทีก็กลัวว่าเราจะบังกล้องเหมือนกันค่ะ”
V: ในคำนิยามมากมายของ LGBTQ+ เจออะไรที่เหมาะกับตัวเองบ้างไหม
E: ไม่ค่อยแน่ใจนะคะ เพราะเราไม่ถึงขั้นที่อยากแปลงเพศ กลัวเจ็บ กลัวอะไรที่ต้องเปลี่ยนแปลงในร่างกาย แต่ถ้าตัดแฟกเตอร์ของการต้องผ่าตัดหรือเจ็บตัวออก เราอยากให้ร่างกายเราเป็นผู้หญิงเลยค่ะ ตอนนี้ก็เลยเลือกที่จะแต่งหญิงให้สวยที่สุดเท่าที่ทำได้
V: ชีวิตตอนเด็กๆ มีแรงกดดันจากการที่เพศสภาพไม่ตรงกับเพศกำเนิดไหม
E: อันนี้ต้องเล่ายาวนิดหนึ่งว่าเอกเป็นเด็กพิจิตร ที่บ้านมีกิจการ 2 อย่างคืออู่ซ่อมรถสิบล้อกับร้านขายขนมขายอาหาร คนในบ้านฝั่งผู้ชายไปทำอู่ซ่อมรถ ฝั่งผู้หญิงก็ทำอาหารไป แต่พ่อเราแปลก ไม่อยากให้เราไปทำอู่ซ่อมรถ บอกว่ามันร้อน มันเหนื่อย ไม่อยากให้ลูกลำบาก อยากให้ลูกตั้งใจเรียนจะได้ไม่ลำบากแบบพ่อ เราก็เลยได้เรียนหนังสืออย่างเดียว แล้วถ้าว่างก็ไปช่วยอาๆ ป้าๆ ผู้หญิงทำอาหารทำขนม ที่บ้านแอนตี้การเป็นตุ๊ดนะคะ เรารู้ตัวว่าเราเป็นแต่ไม่อยากให้ที่บ้านรู้ กลัวว่าเขาจะเสียใจ เราก็เลยไปออกที่โรงเรียน เวลามีกีฬาสี มีละครก็แต่งหน้าทาปากเต็มที่ จนถึงจุดหนึ่งที่เราอยากแต่งหญิง แต่ยังแต่งแค่เวลาไปข้างนอก ที่บ้านก็รู้แหละแต่เขาไม่พูด จนกระทั่งเราบวชให้เขา มีงานทำเรียบร้อย ถึงได้เปิดตัวกับที่บ้าน อ้อ แต่ตอนที่เรียนมหาวิทยาลัยมีแฟนเป็นผู้หญิงด้วยนะคะ
V: คิดว่าเป็นช่วงไขว้เขวหรือว่าตกหลุมรักจริงๆ
E: ทั้ง 2 อย่างนะคะ ตอนปี 4 เอกมีผู้หญิงมาชอบ ทั้งๆ ที่ออกสาวมาตลอด แต่เราเรียนนิเทศศาสตร์ เรียนพีอาร์ ซึ่งมีเราเป็นเพศชายโดยร่างกายแค่คนเดียว ก็เลยรู้สึกว่าเราต้องดูแลเพื่อนๆ เขาเองก็รู้เพราะเป็นเพื่อนห้องเดียวกันนี่แหละ แต่เขาบอกว่าประทับใจที่เราดูแลเขาดีมาก เราเองก็สับสน คิดว่าหรือเราจะเป็นผู้ชายให้ตรงเพศก็ดีเหมือนกันนะอุตส่าห์มีผู้หญิงมาชอบแล้ว ก็เลยคบ เป็นแฟนกันอยู่ 4 ปี ระหว่างนั้นเราก็ไม่เคยว่อกแว่กไปมีคนอื่นนะคะ เพราะเราก็ไม่ได้ฝืน เอกเองก็รักเขามากเหมือนกัน แต่พอมีสังคม เริ่มไปทำงานก็เริ่มมีคนมาถามเขาว่า “แฟนเธอเป็นตุ๊ดหรือเปล่า” ซึ่งเขาไม่เคยต้องเจอคำถามแบบนี้สมัยเรียนเพราะทุกคนรู้อยู่แล้ว สุดท้ายเขาก็อยู่กับเราไม่ได้ เพราะว่าเราไม่สามารถเปลี่ยนเป็นผู้ชายได้ตามที่เขาคิดไว้ พอเขาไปจากเรา เอกก็เลยได้ข้อสรุปว่าเราคงเป็นผู้ชายแท้ไม่ได้แล้วแหละ ก็ตกผลึกกับตัวเองสักพัก แล้วเปิดตัวด้วยการแต่งหญิงไปเลย
V: ตอนนั้นทำงานอะไร
E: เอเจนซี่นี่แหละค่ะ แกรนด์โอเพนนิ่งในปาร์ตี้ปีใหม่ออฟฟิศกันไปเลย! (หัวเราะ) ทุกคนอึ้ง เพราะเพื่อนๆ ก็เหมือนเดาอยู่ว่าใช่ไม่ใช่ จะว่าใช่ก็มีแฟนสาวซึ่งมันค้านสายตา เราก็เล่าให้ฟังว่าเรื่องมันเป็นแบบนี้ๆ นะ ทุกคนก็เข้าใจ ออฟฟิศเขาก็ไม่ได้ว่าอะไรที่เราจะแต่งตัว ใส่ส้นสูง แต่งหน้า และตั้งแต่เปิดตัวแต่งหญิงมาหน้าที่การงานเอกเหมือนพุ่งขึ้นจาก 50 เป็น 100 เลย คิดว่าเป็นเพราะอาชีพเราคือมีเดียรีเลชั่นที่ต้องสร้างความสัมพันธ์กับสื่อ แล้วพอแต่งหญิงมันก็มีจุดเด่นที่ทำให้เขาจำเราได้ ถ้าเราเป็นผู้ชายธรรมดา เราอาจจะไม่ได้มีเอกลักษณ์จนนักข่าวจำเราได้ แต่พอเราเป็นตัวเองได้ เราก็ทำงานเต็มที่ ดูแลสร้างความบันเทิง อำนวยความสะดวกต่างๆ จนนักข่าวและนักข่าวอาวุโสหลายท่านเอ็นดูและให้เกียรติเรามาก
V: แล้วเราตัดสินใจเปิดเผยกับที่บ้านตอนไหนว่าเราเป็นผู้หญิง
E: หลังจากนั้นไม่นานค่ะ ก็เริ่มแต่งหญิงกลับบ้าน ซึ่งเขาก็อยู่ในจุดที่รับได้เพราะว่าเรามีงานทำ ชีวิตเริ่มมั่นคงแล้ว จะเป็นอะไรก็เป็นไป เป็นคนดีก็พอ ทุกวันนี้พ่อยังโทร.หาทุกวันเหมือนเราเป็นลูกสาว กินอะไร ฝนตกไหม กลับบ้านหรือยัง รถติดหรือเปล่า อย่าซื้อของแต่งตัวช็อปปิ้งเยอะนักนะ ทุกวันนี้น้องสาวที่เกิดวันเดียวกันห่างกัน 4 ปีแต่ดันเป็นทอมบอยก็เลยสบายละ พ่อแม่เข้าใจมากขึ้น มีล้อด้วยว่าเนี่ย พ่อแม่ดันให้เกิดวันเดียวกัน 2 คนนี้มันก็เลยสับสนจนสลับร่างกันไงล่ะ (หัวเราะ)
V: พอเปลี่ยนมาแต่งหญิงแล้วสไตล์การแต่งตัวของเอกเป็นแบบไหน
E: ตั้งโจทย์ไว้ว่าแต่งอย่างไรก็ได้แต่ต้องเพอร์เฟกต์ ไม่ว่าจะเป็นหน้า ผม รองเท้า ต้องเข้ากับงานที่เราได้รับ เหมาะกับกาลเทศะ เลยกลายเป็นที่เรียกกันในหมู่นักข่าวเวลาเจอเราว่า “เจ้าหญิงมาแล้ว” ทุกวันนี้ก็เลยกลายเป็นเจ้าหญิงแห่งวงการพีอาร์ แต่เป็นเจ้าหญิงที่ตัวใหญ่มากนะ (หัวเราะ) เวลาไปอยู่ในงานพิธีต่างๆ บางทีรู้สึกว่าเราเด่นมากเกินไปหรือเปล่า จะดูไม่ดีกับลูกค้าหรือเปล่า หรือทั้งที่เราเป็นพิธีกรได้ แต่ก็ขอทำแค่งานของที่บริษัทหรืองานที่ไม่เป็นทางการมากนัก เพราะเราก็ยังรู้สึกว่าผู้หญิงข้ามเพศไม่เหมาะที่จะเป็นพิธีกรในงานพิธีการซึ่งทั้งหมดนี้ไม่ได้มีใครบอกนะคะ เราคิดเอง จริงๆ ทุกคนเชียร์ให้เราทำหมดนะ เขารู้ว่าเราทำได้ แต่ตัวเราเองนี่แหละที่ก้าวข้ามตรงนั้นไม่ได้ แต่ถ้าเป็นเรื่องความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน เราไม่ได้มีปัญหาอะไรเลย
V: แล้วในการใช้ชีวิตประจำวันเจอความไม่สะดวกอะไรจากการที่เราเป็นผู้หญิงข้ามเพศบ้างไหม
E: เคยมีค่ะ อย่างฟิตเนสเคยมีเซลส์มาคุย เราถามว่าแล้วคุณจะให้เราใช้ห้องน้ำฝั่งไหน เพราะในฟิตเนสมันเป็นห้องน้ำรวมใช่ไหมคะ ผู้หญิงน่าจะตกใจแน่ถ้าเจอเราตอนไม่ใส่เสื้อผ้า ผู้ชายก็คงไม่สบายใจหรอกที่เห็นเราแต่งหญิงเดินมาเข้าห้องน้ำชาย หรืออย่างเรื่องห้องน้ำสาธารณะ เมื่อก่อนเราคิดว่าผู้หญิงจะรังเกียจเราไหม จะกลัวหรือเปล่าถ้าเห็นเราในห้องน้ำหญิง จะคิดไหมว่าทำไมกะเทยไม่ไปเข้าห้องน้ำชาย ครั้นจะเข้าห้องน้ำชายก็กลัวผู้ชายจะระแวงว่ามาแอบมองเขาหรือเปล่า เลยพยายามหลีกเลี่ยงการใช้ห้องน้ำข้างนอกไปเลย แต่พอเอาเข้าจริง ทุกวันนี้เวลาเข้าห้องน้ำหญิงก็ไม่มีผู้หญิงมามองหรือสนใจเราเลย ทุกคนรู้สึกปกติที่เห็นเรามากกว่าตัวเราเองอีก (หัวเราะ)
V: ตั้งแต่เด็กจนถึงวันนี้มีผู้หญิงข้ามเพศคนไหนที่เป็นโรลโมเดลบ้าง
E: คนที่เราอยากประสบความสำเร็จเหมือนเขา อยากเก่งเหมือนเขามาตั้งแต่เด็กก็คือพี่ม้า อรนภา ป้าเดย์ ฟรีแมน พี่เจินเจิน บุญสูงเนินนี่ชอบมากกกก ร้องเพลงคุณแม่ได้แทบทุกเพลง ทุกวันนี้เวลาไปไหนก็ยังขอร้องเพลง ต้องสู้จึงจะชนะของคุณแม่อยู่ และใช้เป็นคติประจำตัวตั้งแต่เด็กเลยว่าต้องสู้ถึงจะชนะ แล้วการเป็นผู้หญิงข้ามเพศนี่มันต้องสู้มากกว่าคนที่เกิดมาเป็นสเตรตจริงๆ ทั้งสู้เพื่อให้ชีวิตตัวเองดีขึ้นและเพื่อครอบครัว เพราะเรารู้ตัวว่าเราจะไม่มีคู่ชีวิตที่สามารถซัปพอร์ตกันได้ ไม่มีลูกหลานดูแลยามแก่ เมื่อเราอายุมากขึ้น ต้องดูแลทั้งตัวเองและพ่อแม่ด้วย เราก็ต้องทำงานให้หนัก หาเงินให้ได้มากๆ แล้วบ้านเอกเป็นครอบครัวใหญ่ เราเหมือนเป็นแม่ทัพคนแรกเพราะเป็นหลานคนโตของบ้าน มีน้องๆ หลานเราก็ต้องดูแลช่วยดูเรื่องเรียน หางานให้ทำ ยังเคยคิดว่าดีนะที่โสด เพราะไม่งั้นเราคงไม่ได้ดูแลที่บ้าน
V: แล้วทุกวันนี้ถ้าจะเริ่มต้นความสัมพันธ์ใหม่ ระบุไหมว่าจะคบเพศไหนหรือว่าไม่ติดเลย
E: ตอนนี้ชัดเจนแล้วค่ะว่าชอบผู้ชายแท้ แบบผู้ชายที่ชอบผู้หญิงเลย เพราะถ้าเป็นเกย์เราจะรู้สึกว่าเขาไม่ใช่แฟน เป็นเหมือนเพื่อนสนิทมากกว่า เคยชอบผู้ชายคนหนึ่ง ไปตามเขาอยู่เป็นปีๆ วันหนึ่งก็คิดได้เองว่า เอ๊ะ ใช้ชีวิตแบบนี้มันไม่ใช่นะ เราไม่เคยเห็นจะได้อะไรกลับมาเลยนอกจากความเกรงใจ ก็เลิกเลย เอาเวลากลับมานอน ใส่ใจตัวเองเต็มที่ รักตัวเองให้เต็มที่ ถ้าวันหนึ่งจะเจอคนที่รักเราก็คงเจอ ทุกวันนี้ยังไม่อยากมีแฟน รู้สึกว่าผู้ชายเป็นความสุขแค่ชั่ววูบๆ วาบๆ วับๆ แวมๆ เท่านั้นเองค่ะ แต่ยังไม่หมดหวังในความรัก คิดเสมอว่าคนบนโลกนี้เป็นล้านๆ มันต้องมีคนที่รักเราได้สัก 2 คนแหละ แต่ปัจจุบันเน้นใช้ชีวิตให้มีความสุขมากกว่า ทุกวันนี้พูดได้ว่าเอกเป็นผู้หญิงข้ามเพศที่มีความสุขกับชีวิตได้เต็มที่มาก ทุกคนที่เจอเราจะมีความสุข ทุกที่ที่เราไปจะต้องมีเสียงหัวเราะ
ช่างภาพ: สุดเขต จิ้วพานิช
เรื่อง: วรรณวนัช สิริ
WATCH