Han So Hee เผยว่าเธอถอดที่เจาะปากและแก้มออกเรียบร้อยแล้ว!

     การได้แสดงออกความเป็นตัวเองอย่างที่ใจต้องการโดยไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนถือเป็นเรื่องที่น่าชื่นชม และหลายคนในยุคปัจจุบันต่างยึดถือคนเหล่านั้นเป็นแบบอย่างจนสามารถก้าวข้ามขีดจำกัดของค่านิยมในแต่ละสังคมได้อย่างภาคภูมิ นักแสดงสาวร่างเล็กแต่ใจใหญ่จากแดนกิมจิอย่าง ‘Han So Hee’ ก็เป็นผู้หญิงอีกหนึ่งคนที่ล้วนแล้วแต่สร้างภาพจำให้เหล่าแฟนๆ จดจำเธอในแบบฉบับผู้หญิงที่ซ่าบ้าบิ่น แม้จะไม่ใช่นางเอกแสนหวานเฉกเช่นในจอ ทว่าสิ่งเหล่านี้นี่ล่ะคือเสน่ห์เฉพาะของฮันโซฮีที่ผู้คนต่างหลงรัก (ตามไปอ่านบทความเกี่ยวกับความกล้าที่จะเป็นตัวเองของฮันโซฮีเพิ่มเติมได้ที่ ‘เจนนี่, ลิซ่า, ฮันโซฮี’ ศิลปินและนักแสดงผู้ทลายกรอบวัฒนธรรมเดิมของเกาหลีใต้ที่ชัดเจนที่สุด)

 

 Han So Hee ขณะไลฟ์สดเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา

     แน่นอนว่าเมื่อพูดถึงฮันโซฮี ประเด็นการเจาะปากและแก้มที่ผ่านมาของเธออาจเป็นเรื่องที่ผู้คนยังให้ความสนใจและยังคงมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์อยู่ร่ำไป เพราะพวกเขาต่างเป็นห่วงว่าการเจาะใบหน้าจะเป็นอุปสรรคต่ออาชีพนักแสดงของเธอ ซึ่งในเวลานั้นฮันโซฮีเคยกล่าวไว้ว่า “ถ้าถึงเวลาทำงานฉันจะถอดมันออก ฉันทำเพราะฉันยังไม่เคยลองทำ แต่ถ้าการเจาะใบหน้าของฉันจะช่วยพัฒนาตัวละครในโปรเจกต์ต่อๆ ไป ฉันจะพิจารณาอีกครั้งว่าจะถอดมันออกหรือไม่” ทำให้เหล่าแฟนๆ ที่ยอมรับในการตัดสินใจของฮันโซฮีออกมาปกป้อง และนับถือใจของเธอคนนี้ที่กล้าจะลองทำอะไรใหม่ๆ และไม่เกรงกลัวต่อเสียงวิจารณ์ที่มันจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน แต่แล้วก็เกิดเรื่องชวนสงสัยเมื่อนักแสดงสาวคนนี้กลับเปลี่ยนใจถอดจิวเวลรีบนใบหน้าออกทั้งหมดเสียอย่างนั้น ซึ่งมันตรงข้ามกับสิ่งที่ฮันโซฮีเคยกล่าวไว้จนหลายคนเป็นห่วงว่าเกิดเรื่องราวกระทบจิตใจต่อเธอหรือเปล่า

 

 

     ทว่าฮันโซฮีก็ไม่ได้ปล่อยให้แฟนๆ กังวลนาน เธอได้เผยเหตุผลการเปลี่ยนตัวเองกลับมาลุคเดิมว่า “ฉันเคยเจาะปากและแก้มมาระยะหนึ่ง แต่ตอนนี้ฉันถอดมันออกหมดแล้ว เพราะฉันรู้สึกพึงพอใจแล้วหลังจากที่ได้ลองทำมัน ตอนนี้ฉันเลยรู้สึกโล่งใจ” เหตุผลดังกล่าวเลยทำให้เหล่าแฟนคลับใจชื้น เพราะอย่างน้อยคำตอบของฮันโซฮีมันก็บ่งบอกว่าทั้งหมดเกิดจากตัวเธอเอง ไม่เกี่ยวกับคำวิจารณ์จากคนอื่นแต่อย่างใด หนำซ้ำยังสบายใจอีกว่าฮันโซฮียังสบายดี และกล้าที่จะชัดเจนบนเส้นทางของตัวเองเฉกเช่นที่เคยเป็นมา ไม่แน่ว่าต่อจากนี้ฮันโซฮีอาจกำลังลองทำอะไรใหม่ๆ และกลายเป็นต้นแบบของ ‘ความมั่นใจ’ และ ‘ความมีอิสระในตัวเอง’ ให้ผู้คนต่อไป